ตอนที่ 5 ทรมาน
ภายในสตูดิโอสำหรับถ่ายภาพพรีเว็ดดิ้งหรูหราคุณอัลเดรยืนเด่นสง่างามในชุดสูทสีเข้ม ผมยืนช่วยขยับจัดปกเสื้อสูทนั้นให้เข้าที่ ก้มหน้านิ่งพยายามเก็บซ่อนทุกความรู้สึกให้มันจมลึกลงไปยังก้นเหวของคำว่าเจียมตัว
“เรียบร้อยแล้วครับ” ผมก้าวถอยหลังมายืนมองเจ้านายอัลฟ่าผ่านเงาสะท้อนในกระจกบานใหญ่ ช่างสง่างามสมกับเป็นทายาทของตระกูลอัลบราเซสเหลือเกิน
“ช่วยฉันทีสิ” เสียงหวานแปร่งหูของว่าที่เจ้าสาวคุณอัลเดรร้องเรียกผมมาจากด้านหลัง
วันนี้คุณอลิเซียเปลี่ยนชุดแต่งงานมาเป็นชุดที่เจ็ดแล้ว แต่ดูเหมือนหล่อนยังคงไม่พอใจกับรูปแบบดีไซน์ของชุดซึ่งเหล่าบรรดาช่างและพนักงานหลายคนถมเทชุดสวยหรูหรามาให้หล่อนเลือกอย่างเต็มที่ ผมหันกลับไปแล้วเดินขยับก้าวไปยืนอยู่ตรงหน้าอัลฟ่าสาวแสนสวย คุณอลิเซียหมุนตัวกลับหันหลังให้กับผมในทันที
“รูดซิปให้ฉันที”
"ครับ" ผมวางมือแตะลงไปตรงบั้นเอวนั้นอย่างระวังแล้วดึงรูดซิปสีขาวไข่มุกสวยสง่าขึ้นไปตามแนวกระดูกสันหลังของเจ้านายอัลฟ่าสาว แผ่นหลังขาวเนียนละเอียดดุจไข่มุกอันดามันไร้ตำหนิ
“เธอว่าชุดนี้ของฉันเป็นยังไง” คุณอลิเซียยืนมองตัวเองในกระจก สายตาจับจ้องมองเงาสะท้อนแล้วร้องถามความเห็นของผม
“สวยมากครับ คุณอลิเซียใส่ชุดไหนก็สวยอยู่แล้ว” ผมไม่ได้ประจบสอพลอ ผมพูดตามความเป็นจริง
คุณอลิเซียมีโครงหน้าสวยอย่างไร้ที่ติ ปาก คอ คิ้ว คาง เข้ารูปได้สัดส่วนเหมือนรูปปั้นเทพีวีนัสไม่มีผิด ผมไม่แปลกใจเลยที่คุณอัลเดรจะรักเธอและแต่งงานกับเธอคนทั้งคู่ช่างเหมาะสมกันเสียเหลือเกิน
“อย่างนั้นเหรอ แต่ฉันไม่ชอบ” คุณอลิเซียหมุนตัวกลับหันมาเผชิญหน้ากับผม
“ถ้าอย่างนั้น คุณอลิเซียชอบแบบไหนเหรอครับ”
“เธอเก่งนักไม่ใช่เหรอ เดาสิ...”
ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคุณอลิเซียแวบหนึ่งแล้วต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอ สายตาเยือกเย็นน่ากลัวของหล่อนทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องหรือว่าเรื่องเมื่อคืนภายในห้องทำงานนั่นคุณอลิเซียอาจจะรู้หรือใครสักคน ผมเหมือนวัวสันหลังหวะที่มีร่องรอยบาดแผลเน่าเฟะเดินอยู่กลางทุ่งท่ามกลางฝูงอีกาที่พร้อมจะถลาลงมาจิกทึ้งซ้ำเติมรอยแผลเดิมของผมให้เจ็บหนัก
“ยังเลือกไม่ได้เหรอ...อลิซ” คุณอัลเดรเข้ามาวางฝ่ามือโอบเอวบางของคุณอลิเซียเอาไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างวางแตะลงไปบนไหล่กลมมนปลายจมูกโด่งกดงไปกับแก้มสีชมพูหวาน
“ฉันยังไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ค่ะ”
“ฮึ...ถ้าอย่างนั้น เจสันนายไปช่วยพนักงานพวกนั้นเลือกชุดที่สวยที่สุดมาให้คุณอลิเซียหน่อย” คุณอัลเดรพูดกับผมแต่สายตาของเขายังไม่ละมาจากแก้มเนียนของว่าที่เจ้าสาว
"ครับ" ผมพยักหน้าแล้วรีบพาตัวเองออกมาจากที่ตรงนั้นทันที
ผมเดินไปช่วยพนักงานของร้านตัดสินใจเลือกมาได้ชุดหนึ่งซึ่งผมไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนดีแล้วว่าน่าจะทำให้คุณอลิเซียพอใจ ผมเดินกลับมายืนอยู่ต่อหน้าคู่ว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวอัลฟ่าซึ่งกำลังยืนประคองกอดกันหวานชื่น หางตาของคุณอลิเซียตวัดมามองผมนิดหน่อย ฝ่ามือเรียวของหล่อนยังคงกุมมือหนาของเจ้านายอัลฟ่าซึ่งวางทาบนาบไปกับหน้าท้องแบนราบของเธอ
“ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ ไหนมาดูสิว่ารสนิยมของเธอเป็นยังไง” คุณอลิเซียใช้มือบางลูบไปตามเนื้อผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสสีขาวไข่มุก ประดับด้วยคริสตัลชาวอฟสกี้และขนนกกระจอกเทศเข้ารูป
“เทสดีเหมือนกันนี่” คุณอลิเซียปรายตามาทางผมแล้วเดินนำหน้าพนักงานสาวไปยังห้องเปลี่ยนชุดอีกครั้ง ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่สามารถเลือกสิ่งที่ทำให้เจ้านายอัลฟ่าพอใจได้เสียที
“จองร้านอาหารให้ฉันด้วย เสร็จจากที่นี่ฉันจะพาอลิเซียไปดินเนอร์”
“ครับ คุณอัลเดรอยากให้จองร้านหรือว่าภัตตาคารแบบไหนครับ”
“นายเดาเก่งไม่ใช่เหรอ นายก็ลองเดาสิว่า ถ้าหากฉันอยากจะพาเมียที่กำลังท้องอ่อนๆ ไปดินเนอร์ ฉันควรจะพาหล่อนไปที่ไหน”
คุณอัลเดรเดินทิ้งให้ผมยืนคอแห้งอยู่กับคำพูดตอกย้ำถึงความจริงอันใหญ่หลวง คุณอลิเซียคือภรรยาที่กำลังตั้งท้องทายาทของอัลบราเซสคนต่อไป ส่วนผม...คือคนรับใช้ต่ำต้อยน้อยค่า ผมเอี้ยวหน้าหันไปมองดูภาพคู่บ่าวสาวยืนกอดจูบกันพร้อมคำหวานเชยชมถึงความสวยสง่าของอีกฝ่าย แวบหนึ่งเพียงชั่วเสี้ยววินาทีผมเห็นสายตาของคุณอัลเดรตวัดมองมาทางผมแต่มันก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้น
ดินเนอร์หรูบนยอดตึกสูงระฟ้ากับบรรยากาศส่วนตัวแสนโรแมนติก ท่ามกลางแสงเทียนนับร้อยระหว่างว่าคู่บ่าวสาวทั้งสองเหมือนภาพชวนฝันในนิทานที่ในเรื่องมีเจ้าชายและเจ้าหญิงกับฉากหวานที่ทั้งคู่จะจูบกันใต้เสียงเทียน ผมยืนห่างออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้คู่รักทั้งสองได้มีช่วงเวลาส่วนตัวในการพลอดรักกันตามลำพัง
“หนึ่ง สอง สาม สี่.....” ผมยืนเหม่อออกไปบนท้องฟ้ากว้าง บนท้องฟ้าสีฝุ่นขมุกขมัวกลางเมืองหลวงอย่างนี้ทำให้ผมมองเห็นดวงดาวทั้งหลายไม่ชัดนัก มันพร่าไปหมดนั่นเป็นเพราะฝุ่นควันหรือม่านน้ำตาของผมกันแน่
“เจสัน”
“ครับ” เสียงเรียกหาชื่อผมของเจ้านายอัลฟ่าดึงสติผมให้กลับเข้ามาหาตัว
“อลิเซียหล่อนชอบฟัวกราส์ของที่นี่ นายติดต่อจัดเมนูนี้ลงไปในอาหารสำหรับงานแต่งงานของเราด้วย” คุณอันเดรส่งยิ้มหวานให้กับคุณอลิเซียฝ่ามือหนานั้นเลื่อนไปกุมมือบางซึ่ง.......
หัวใจของผมร่วงดิ่งจากภัตตาคารหรูบนชั้นห้าสิบจมดิ่งไปจนถึงชั้นใต้ดินของตึกสูง ข้อมือเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมกับสร้อยข้อมือเพชรรูปลักษณ์คุ้นตาเหมือนกับที่ผมสวมมันอยู่บนข้อมือซ้ายโดยมีเจ้านายอัลฟ่าเป็นผู้สวมให้ สร้อยข้อมือสีเงินวาวประดับเพชรเม็ดเล็กๆโดยรอบที่ผมนอนนับมันก่อนนอนทุกคืน ผมจ้องสร้อยข้อมือเส้นเล็กนั้นพร้อมกับเหลือบสายตามองดูเจ้านายอัลฟ่าซึ่งยังคงกุมมือบางนั้นอย่างทะนุถนอมนุ่มนวล
“เธอได้ยินที่อัลเดรสั่งเธอหรือเปล่าเจสัน” เสียงหวานของคุณอลิเซียตวัดขึ้นจมูกพร้อมกับใบหน้าเชิดรั้น
“ครับ ผมจะจัดการให้” ผมพยักหน้ารับคำสั่งแล้วเดินถอยออกมา
หลังจากผมจัดการทุกอย่างตามที่เจ้านายอัลฟ่าต้องการ ผมเลือกที่จะเข้ามาหลบจัดการกับความรู้สึกของตัวเองภายในห้องน้ำเงียบๆ สร้อยข้อมือเส้นบางนั้นถูกผมปลดถอดออกมาแล้วหย่อนมันเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ อันที่จริงผมควรทำสิ่งนี้นานแล้ว
ผมเปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำคับแคบแล้วเห็นว่าเจ้านายหนุ่มยืนพิงเคาน์เตอร์หินอ่อนแขนสองข้างถูกยกขึ้นมากอดอกพร้อมกับส่งสายตาดุกร้าวจ้องมายังผม
“เรากำลังจะกลับ”
“ครับ” ผมพยักหน้ารับแล้วเดินเลี่ยงออกมาแต่ฝ่ามือหนากลับคว้าแล้วดึงลากผมดันกลับเข้าไปภายในห้องน้ำขนาดเล็กที่ผมเพิ่งจะเดินออกมา
“คุณอัลเดร” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับอัลฟ่าหนุ่มดวงตาสีน้ำตาลทองนั้นเหมือนกำลังโกรธแต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณอัลเดรโกรธผมเรื่องอะไร
“เลิกทำหน้าตาแบบนั้นสักที”
“แบบไหนครับ”
“ทำเหมือนกับว่าอยู่กับฉันแล้วมันทรมานนัก” คุณอัลเดรบีบมือลงมากับกรอบหน้าของผมแน่นจนกระดูกขากรรไกรของผมแทบหัก
“ก็ผมทรมานจริงๆนี่” ผมจ้องตอบดวงตาแข็งกร้าวนั้นไปตรงๆ ไม่ถึงเสี้ยววินาทีผมก็รู้ว่าคำตอบของผมเหมือนคำสารภาพของนักโทษในชั้นศาล คุณอัลเดรลงทัณฑ์ผมด้วยริมฝีปากหนาบดจูบลงมาอย่างไร้ความปรานี ไม่มีความนุ่มนวลทะนุถนอมมีแต่โทสะและความโกรธเกลียดเท่านั้นที่ผมได้รับ
ผมยกมือขึ้นมาทุบลงไปบนแผงอกแน่นตึงนั้นหนักๆ หลายครั้งก่อนที่ข้อมือของผมจะถูกรวบแล้วดันชูขึ้นไปเหนือหัวพร้อมกับกดตรึงติดอยู่กับผนังห้องน้ำ
“เฮือก...ฮึก...” ผมยืนหอบหายใจเข้าปอดถี่ๆ เมื่อคุณอัลเดรถอนริมฝีปากทิ้งจากไป
“อย่ามาอวดดีกับฉันอีก”
คุณอัลเดรเหวี่ยงผมไปกระแทกกับผนังห้องน้ำโครมใหญ่ก่อนจะเหวี่ยงบานประตูห้องน้ำให้เปิดออกดังโครมใหญ่ ผมทำได้เพียงลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองดูหน้าตัวเองในกระจกบานใหญ่ริมฝีปากบางๆ มีรอยเลือดสีแดงจางๆ ไหลซึมออกมากลบอยู่ตรงมุมปากด้านหนึ่ง ผมเม้มมันเข้าไปแล้วใช้ลิ้นเลียรับรู้รสชาติเค็มปะแล่มๆ นั้นแล้วย้ำกับตัวเองให้จดจำถึงรสชาติของมัน
"เมื่อไหร่นายจะจำสักที...เจสัน"
ตลอดทางที่กลับมาจากดินเนอร์ผมนั่งนิ่งมาเหมือนตุ๊กตาโบราณที่ไร้ความรู้สึก เบาะรถด้านหลังเจ้านายอัลฟ่าทั้งสองนั่งคลอเคลียกอดจูบกันอยู่ไม่ห่าง ผมคิดว่าจะมีเพียงคุณโรแลนเท่านั้นที่เมื่อถึงเวลาได้เจอคู่ชะตาแล้วจะมีอาการคลั่งรักหนักหนาขนาดนั้น ไม่คิดว่าคุณอัลเดรจะเป็นเหมือนกัน
ทันทีเมื่อถึงบ้านคุณอลิเซียที่บ่นว่าร้อนและรู้สึกเพลียก็เดินมากระดิกนิ้วเรียกเมทผู้หญิงสองคนขึ้นไปปรนนิบัติขัดตัวให้กับเธอ ส่วนผมยืนนิ่งรอฟังคำสั่งจากคุณอัลเดรอยู่ห่างๆ เพราะดูจากแววตาแข็งๆ ที่จ้องมายังผมบ่งบอกชัดเจนว่าเจ้านายของผมยังไม่หายโกรธ
“ยกเหล้าแล้วเอาเข้าไปให้ฉันในห้องทำงาน” คุณอัลเดรหันมาสั่งผมเสียงเข้ม
“เอ่อ...ครับ” ผมได้แต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะปฏิเสธหลบหลีกไปทางไหนเพราะเรื่องน่าอายเมื่อคืนนี้ยังฝังอยู่ในหัวผม
ผมเดินเข้ามาเตรียมเครื่องดื่มให้กับเจ้านายอัลฟ่า พยายามคิดหาวิธีที่จะเอาตัวรอด พอดีกับเมทผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมาผมจึงมอบหมายให้เธอเป็นคนยกเครื่องดื่มน้ำเมาพวกนี้ไปให้คุณอัลเดรแทน ส่วนตัวผมนั้นหลบเพื่อหาที่ปลอดภัยให้กับตัวเองในค่ำคืนนี้
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า....ห้าสิบหก ห้าสิบเจ็ด” ผมนอนนั่งเหยียดยาวใช้แผ่นหลังพิงหินก้อนใหญ่ภายในสวนข้างบ้านแหงนหน้าเงยขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพยายามนับดาวเพื่อทำให้ตัวเองลืมเวลาที่ดูเหมือนมันจะเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนผมอึดอัด
คืนนี้ผมตั้งใจจะหลบมานอนอยู่ตรงมุมนี้เพราะกลัวว่าหากผมกลับไปนอนในห้องคุณอัลเดรจะตามไปทำร้ายหรือหากแย่กว่านั้น...ผมไม่อยากให้เรื่องราวอย่างเมื่อคืนนี้เกิดขึ้นอีก ผมไม่อยากทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าแบบนั้นอีกแล้ว ผมควรพยายามอยู่ให้ห่างคุณอัลเดรให้มากที่สุด
“อยากจะเปลี่ยนมาเอาท์ดอร์อย่างนั้นเหรอ” เสียงทุ้มห้าวคุ้นหูกระตุกผมให้สะดุ้งลุกขึ้นมานั่งตัวตรงในทันที
“คุณอัลเดร”
sds