ตอนที่ 6 หา
ผมสะดุ้งตกใจเพราะไม่คิดว่าคุณอัลเดรจะยังตามหาผมจนเจอ ทั้งๆ ที่ตรงนี้เป็นมุมอับคับแคบ เจ้าของบ้านหนุ่มยืนเอามือล้วงกระเป๋าเอียงคอมองผม ในความสลัวเพราะมุมนี้แสงไฟส่องมาไม่ถึง มีเพียงแสงไฟจากระเบียงไกลๆ เท่านั้น แล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วทุกคนในบ้านคงหลับสนิทไปกันหมด ส่วนบ้านพักของคนใช้ก็อยู่ถัดไปด้านหลังแยกส่วนชัดเจน
“ฉันบอกให้นายเข้าไปหาฉันไม่ใช่เหรอ”
“ผมให้คนยกเครื่องดื่มไปให้คุณแล้วนี่ครับ”
“นายโง่กว่าที่ฉันคิดนะเจสัน นายเข้าใจความหมายของฉัน นายโง่จริงๆ หรือว่าแกล้งยั่วให้ฉันอยากกันแน่” คุณอัลเดรเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม
“ผมเปล่า” ผมขยับตัวเพื่อต้องการจะลุกหนีเพราะการนั่งอยู่ตำแหน่งนี้ไม่เป็นผลดีต่อตัวผมเองเพราะตำแหน่งเป้ากางเกงของคุณอัลเดรมันกำลังขยับเข้ามาใกล้ผมทุกขณะ
“บ้านของฉันมันไม่ดีพอสำหรับนายหรือยังไงถึงต้องหนีมานอนตากน้ำค้างกลางดินกลางทรายแบบนี้” คุณอัลเดรเอื้อมฝ่ามือหนามาคว้าคางผมแล้วยกเชยให้เงยขึ้นไปสบตากับเจ้าของบ้านหลังใหญ่
“ผมอยากกลับไปหาคุณโรแลน ผมจะช่วยงานแต่งงานของคุณตามที่คุณต้องการและทำให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด แต่ผมอยากกลับไปอยู่กับคุณโรแลน” ผมพูดสิ่งที่ความรู้สึกแท้จริงในหัวใจตัวเองต้องการ
ผมไม่อยากทนทรมานอยู่แบบนี้ ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความเจ็บช้ำสำหรับผม ทั้งภาพ เสียง สัมผัส ทุกอย่างเหมือนผมกำลังเดินอยู่ในขุมนรกทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“อยู่กับฉัน มันไม่มีความสุขขนาดนั้นเลยอย่างนั้นเหรอ”
คุณอัลเดรคว้าคอเสื้อของผมกระชากให้ผมลุกขึ้นยืน ดวงตาแข็งกร้าวนั้นเต้นระยับด้วยเพลิงโทสะชัดเจน กลิ่นแอลกอฮอล์เข้มข้นกรุ่นปนมากับลมหายใจ
“คุณอัลเดรปล่อยผม ผมเจ็บ”
“เจ็บอย่างนั้นเหรอดี นายจะได้จำว่าอย่ามาอวดดีกับฉัน อันที่จริงเปลี่ยนบรรยากาศออกมานอกสถานที่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ...”
“คุณอัลเดรไม่เอานะ” ผมยกมือขึ้นมาแกะนิ้วมือแกร่งที่บีบกดน้ำหนักลงมาใส่ผมจนเจ็บร้าวไปทั้งหน้า
“ฟังนะเจสัน มีแค่นายคนเดียวที่ทำให้ฉันโกรธได้ตลอดเวลา”
คุณอัลเดรเหมือนหมาป่าดุร้ายกลายร่าง ฝ่ามือที่ขยุ้มคอเสื้อของผมอยู่เหวี่ยงร่างของผมปลิวกระเด็นไปกระแทกกับก้อนหินใหญ่ซึ่งเมื่อครู่ผมใช้มันต่างหมอนนอนพิงนับดาวอยู่เพลินๆ
อุณหภูมิร้อนฉ่าจากร่างหนาของเจ้านายอัลฟ่าโผปะทะกดผมจมติดลงไปจนกระดิกไม่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะผมยังจุกกับแรงกระแทกเมื่อครู่และอีกส่วนเพราะริมฝีปากนุ่มแต่สัมผัสหยาบนั้นบดขยี้ลงมา กระดูกคมจากฟันหน้าครูดขบกัดงับลงมากับริมฝีปากล่างบางๆ ของผมเสียงดังกึกพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดคลุ้งตลบขึ้นจมูก
“อื้อ..เจ็บ ฮึก” ผมร้องอุทานเพราะเหมือนเจ้านายหนุ่มกำลังบดร่างผมให้กลายเป็นผุยผง
ผมดิ้นรนอย่างหนักในใจนั้นไม่ว่าจะอย่างไรคืนนี้ผมจะต้องไม่ใจอ่อนให้กับคุณอัลเดรอีกแล้ว ผมไม่อยากจมอยู่กับความรู้สึกอันน่าสมเพชอย่างนี้อีกต่อไป
“อย่า...ปล่อยผม” ผมยกเท้าขึ้นมาถีบยันใส่คนตัวโตกว่าทั้งแขนทั้งขาสะบัดดิ้นพัลวันไปหมด
“อ๊า” ผมถูกคุณอัลเดรกระชากเหวี่ยงกลับลงมานอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้าเปียกชื้นน้ำค้าง หัวเข่าหนากดทับลงมาบนหน้าขาของผมจนเหมือนกระดูกผมมันจะหักเป็นสองท่อน เพราะน้ำหนักตัวของฝรั่งตัวโตทิ้งลงมาบนกระดูกแข็งๆ ผมเจ็บจนน้ำตาไหล ขยับขาดิ้นหนีไม่ได้เลย มือสองข้างถูกขึงตรึงกดลงไปกับพื้นหญ้าชื้นแฉะ ดวงตาสีเข้มก้มลงมาจ้องเขม็งเกร็งดุขึงโกรธใส่ผม
อิสรภาพทางร่างกายของผมถูกพรากจากไปเมื่อเจ้านายอัลฟ่ากดฝังตัวตนสอดแทรกดึงดันดื้อรั้นเอาแต่ใจ ผมนอนนิ่งแล้วปล่อยให้คุณอัลเดรมีความสุขอย่างที่เขาต้องการ ตักตวงกอบโกยไปเท่าที่ทาสรับใช้อย่างผมจะสนองให้กับเจ้านายหนุ่มได้
“หนึ่ง สอง สาม สี่ .....”
ผมลืมตานอนแล้วเริ่มต้นนับดาวในใจ บนท้องฟ้าสีน้ำหมึกสีเข้มนั้น ดาวดวงเล็กๆ พยายามเปล่งแสงทอประกายให้รู้ว่ามันเองก็มีตัวตนถึงมันจะไม่ค่อยชัดเจนนักแต่มันคงเป็นเพียงความสวยงามเดียวที่ผมมองเห็นและสัมผัสได้ในเวลานี้ ในยามที่หัวใจผมมืดมนลงทุกทีจนมองไม่เห็นอะไรเลย
ก้อก ก้อก ก้อก เสียงเคาะประตูห้องปลุกผมให้ขยับเปลือกตาขึ้นมาพร้อมกับอาการมึนในหัว มันหนักอึ้งไปหมด เหมือนมีใครเอาลูกตุ้มเหล็กมาผูกติดเอาไว้
“ครับ” ผมร้องตะโกนทะลุผ่านไปบอกกับคนที่เคาะประตูห้องผมอยู่ข้างหน้า
“คุณอลิเซียให้ขึ้นมาตามคุณค่ะ” เสียงเมทผู้หญิงคนหนึ่งดังผ่านเข้ามา
ผมหันขวับไปมองดูนาฬิกาตรงหัวเตียงทันที นี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้ว ผมไม่เคยตื่นสายขนาดนี้มาก่อนเลย ผมตะโกนบอกคนหน้าห้องแล้วรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยตลอดเวลาผมเฝ้าถามตัวเองตลอดว่าเมื่อคืนนี้ผมกลับมานอนที่ห้องได้ยังไง คุณอัลเดรน่ะหรือจะใจดีพาผมกลับมานอนที่ห้องแล้วผมเผลอหลับไปทั้งๆ ที่นอนแบอยู่บนพื้นแบบนั้นได้ยังไงกัน
“ตื่นแล้วเหรอ คงจะหลับสบายจนลืมไปเลยสินะว่ามาที่นี่ทำไม” ทันทีเมื่อผมก้าวเท้ามายืนอยู่ข้างโต๊ะอาหาร เสียงหวานแต่เจืออยู่ด้วยแววตำหนิติติงดังขึ้นจากเจ้านายอัลฟ่าสาวแสนสวย
“ขอโทษครับ”
“ฉันแปลกใจเหลือเกิน อัลเดรมองเห็นอะไรในตัวเธอกันนะถึงได้ให้เธอมารับหน้าที่สำคัญแบบนี้” คุณอลิเซียยกกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆ สายตาสวยดุไม่ได้ปรายมองมาทางผมหากแต่มันพุ่งไปยังว่าที่เจ้าบ่าวของหล่อนแทน
"........"
“วันนี้เราจะไปดูสถานที่เรื่องโบสถ์และโรงแรมที่จะใช้จัดงาน หวังว่าเธอคงพร้อมที่จะทำงานนะเจสัน”
“ครับ” ผมโค้งคำนับให้กับเจ้านายสาว ก้มหน้าสำนึกผิด
ตลอดทั้งวันผมวิ่งวุ่นเรื่องจัดการงานทุกอย่าง ให้กับเจ้านายอัลฟ่าจนหัวหมุนไปหมด ส่วนคุณอัลเดรและคุณอลิเซียนอกจากทำหน้าที่พยักหน้าออกความเห็นว่าชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น
กว่าผมจะได้พักมันก็เลยเที่ยงคืนมาเกือบชั่วโมงหนึ่งแล้ว ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ ตาสองข้างเพลียจนเกือบจะปิดสนิทแล้วเมื่อประตูห้องของผมถูกผลักให้เปิดออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามา
“คุณอัลเดร”
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย”
“คือ...ผมเหนื่อยมากวันนี้ ผมอยากพัก” ผมนั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเจ้าของบ้านซึ่งยืนจ้องผมอยู่
“ฉัน...แค่จะเข้ามาบอกว่าพรุ่งนี้ฉันจะพาอลิเซียไปโรงพยาบาล”
“ครับ” ผมพยักหน้ารับรู้ภารกิจสำหรับพรุ่งนี้ช้าๆ คุณอัลเดรเหมือนจะหมุนตัวกลับเพื่อเดินออกจากห้องไปแต่แล้วอยู่ๆ คนตัวโตก็กระโจนเข้าใส่จนผมตั้งตัวไม่ติด
“สร้อยข้อมือของนายไปไหนเจสัน”
คุณอัลเดรคว้าข้อมือของผมขึ้นมาจ้องตาเขียว ผมเหลือบตาลงไปมองแล้วเพิ่งนึกได้ว่าผมถอดมันออกจนลืมระวังตัวปล่อยให้เจ้าของเห็นเสียได้
“ฉันสั่งแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามนายถอดมันออก”
“แต่ผมไม่ต้องการมัน ผมไม่อยากได้ คุณเอามันคืนไปเถอะ”
ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วพุ่งตรงไปทางตะกร้าเสื้อผ้าซึ่งใช้แล้วรื้อหาเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อวานซึ่งผมจำได้ว่าผมถอดสร้อยข้อมือเส้นเล็กนั้นหย่อนใส่ลงไป
“ไปไหนแล้ว” ผมรื้อกองเสื้อผ้าออกมาจนเกลื่อนแต่ก็ไม่เห็นสร้อยข้อมือที่ผมต้องการตามหามันเลย
“นายทำอะไร” คุณอัลเดรเดินมาหยุดยืนมองผมที่กำลังพยายามรื้อกองเสื้อผ้าใช้แล้วออกมา
“ผม...หามันไม่เจอ”
“นี่นายทำมันหายอย่างนั้นเหรอ”
คุณอัลเดรคว้าคอเสื้อยืดใส่นอนของผมขึ้นมาพร้อมกับส่งสายตาดุกร้าวมาให้ ผมได้ยินเสียงฟันกรามของคุณอัลเดรบดให้กันดังกรอดๆ เพราะความโกรธ
“ผมจะไปหามาคืนให้”
ผมวิ่งกลับลงมาตรงจุดซึ่งเมื่อคืนนี้ผมและคุณอัลเดรใช้มันร่วมรักหลับนอน มันเป็นจุดสุดท้ายที่ผมอยู่และผมมั่นใจว่าสร้อยข้อมือนั้นอาจจะหลุดหล่นออกจากกระเป๋าเสื้อของผมตกอยู่แถวนี้
ผมนั่งลงไปบนพื้นหญ้ากวาดสายตาไปจนทั่วพร้อมกับใช้มือควานหาไปบนหญ้าญี่ปุ่นสีเขียวซึ่งถูกทิ้งห่างจากการดูแลมีความสูงประมาณไม่กี่นิ้วมือแต่สำหรับสร้อยข้อมือเล็กๆ ก็น่าจะเพียงพอให้มันใช้เป็นที่หลบซ่อนให้พ้นจากสายตาผมได้
“หาอะไรอยู่เหรอ” ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงเย็นๆ ของคุณอลิเซียดังขึ้นมาจากด้านหลังของผม
“คุณอลิเซีย”
“ว่ายังไงดึกดื่นป่านนี้แล้ว เธอยังไม่นอนอีกเหรอ”
ว่าที่คุณผู้หญิงของบ้านยืนเด่นสวยสง่าแม้ในยามอยู่ในชุดนอนบางพลิ้ว สายลมอ่อนๆ พัดชายเสื้อคลุมนอนของหล่อนให้สะบัดโบกกลิ่นหอมอ่อนๆ มาตามสายลม แสงไฟจากริมระเบียงบ้านสาดสะท้อนร่างบางระหงอวดส่วนสัดอวบอัดเป็นเงาสะท้อนอยู่เบื้องหน้า
“เอ่อ คือผม....”
“ทำของสำคัญหล่นหายอย่างนั้นเหรอ” คุณอลิเซียตั้งคำถามพร้อมกับปรายหางตาลงมามองมือของผมที่กำลังควานคลำไปบนพื้นหญ้าอย่างลนลาน
“ไม่ครับ ไม่ได้สำคัญ” ผมลุกขึ้นยืนแล้วตอบกลับเจ้านายสาวทันที
“ฮึ ไม่สำคัญ...ถ้าอย่างนั้นเอาไว้ค่อยมาหาวันหลังเถอะ เธอควรไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นสายอีกหรอก”
ผมรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ทำไมคุณอลิเซียมาอยู่ตรงนี้ สายตาของหล่อนมันทำให้ผมกลัวเหลือเกิน ถ้าวันนี้คุณอลิเซียเดินมาตรงนี้ได้...แล้วเมื่อคืนล่ะ หวังว่าเมื่อคืนนี้หล่อนคงไม่ได้เดินลงมาที่นี่...เพราะถ้าหากเป็นเมื่อคืน
“ไปสิ และเธอก็ไม่ควรลงมาที่นี่อีก”
“คุณอลิเซีย”
ผมยืนตัวสั่นเพราะความรู้สึกหวาดกลัวและรู้สึกผิด คำพูดนี้หมายความว่าเรื่องระหว่างผมกับคุณอัลเดร.....คุณอลิเซียเห็นมันอย่างนั้นเหรอ