ตอนที่ 7 กลับบ้าน
หลังจากคืนวันนั้นผมกับคุณอัลเดรไม่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกันอีกเพราะผมมัวแต่เตรียมงานแต่งงานจนยุ่ง ไม่มีแม้แต่เวลาจะกินข้าวด้วยซ้ำ ในแต่ละวันกว่าจะได้นอนพักก็ล่วงเข้าเกือบเช้าของวันใหม่ทุกคืน จนในที่สุดวันแห่งความสุขของตระกูลอัลบราเซสก็มาถึง...
งานแต่งงานระหว่างตระกูลอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์สองตระกูลถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติและฐานะ ช่วงเช้าคุณอัลเดรและคุณอลิเซียเข้าพิธีแต่งงานที่โบสถ์แห่งหนึ่ง ทุกอย่างนั้นสมบูรณ์แบบอย่างที่ผมตั้งใจ คุณโรแลนและคุณอินดี้มาร่วมพิธีแต่งงานนี้ด้วย ผมยืนหลบมุมอยู่กับพุ่มดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าเฝ้ามองคู่บ่าวสาวสาบานตนว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป
เมี๊ยว เสียงร้องของเจ้าชาบูแมวน้อยของคุณอินดี้ซึ่งผมอุ้มมันไว้แนบอกร้องเรียกผมเบาๆ ลิ้นเล็กสีชมพูสากๆ นั้นแลบขึ้นมาเลียลงบนแก้มผมตรงที่มีหยดน้ำใสๆ ไหลออกมา เจ้าชาบูกำลังจะบอกให้ผมหยุดร้องไห้อย่างนั้นหรือ เจ้าแมวน้อยตัวเล็กยื่นหน้าเข้ามาแตะจมูกลงกับปลายจมูกของผมเบาๆ
“ขอบใจนะ ชาบู...”
“เมี๊ยว” เจ้าแมวน้อยถูหัวซึ่งมีขนนิ่มๆ ลงมากับคอผม น้ำตาไร้ค่าหยดเล็กๆ ของคนรับใช้ไร้ศักดิ์หยดลงไปบนขนอันนุ่มฟูของเจ้าแมวน้องที่บางทีชีวิตของมันอาจมีค่ามากกว่าผม ผมทำได้เพียงก้มลงไปกอดเจ้าชาบูแล้วใช้สัตว์เลี้ยงตัวเล็กเป็นเกราะกำบังแอบซ่อนความเศร้าและหยดน้ำตาแห่งความอาลัยที่มีต่อเจ้านายหนุ่ม
“คุณโรแลนครับ”
“เจสัน...เยี่ยมมาก ทุกอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ” คุณโรแลนเอ่ยปากชมผมแววตาอบอุ่นอ่อนโยนซึ่งใช้มองผมเสมอมาของคุณโรแลนทำให้รู้สึกปลอดภัย ผมหันไปมองงานฉลองในช่วงค่ำซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่ แขกเหรือที่มาในงานมีจำนวนหลักหลายพันคนแต่ความรู้สึกในใจของผมมันกลับเงียบงันและวังเวงไม่ต่างจากการยืนร่วมไว้อาลัยในงานศพอันแสนเศร้า
“ผมกลับบ้านวันนี้ได้เลยใช่มั้ยครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาเจ้านายที่ผมรักและเคารพอย่างอ้อนวอน
"อยากกลับบ้านแล้วอย่างนั้นเหรอ" คุณโรแลนยิ้มล้อๆ ให้กับผม
“เจสัน คิดถึงชาบูใช่มั้ยล่ะ”
คุณอินดี้ชูเจ้าแมวน้อยที่ร้องเมี๊ยวๆ ขึ้นไปส่งให้ผม ผมยิ้มให้กับคุณอินดี้คนรักของคุณโรแลนแววตาสดใสอ่อนโยนนั้นบริสุทธิ์ไร้ซึ่งพิษสงแอบแฝง ต่างจากสะใภ้คนเล็กซึ่งกำลังเดินอย่างนางพญากวาดสายตาแห่งผู้มีชัยชนะเหนือทุกคนไปจนทั่วงาน
“ครับคุณอินดี้ ผมคิดถึงเจ้าชาบูที่สุดเลย” ผมพยักหน้าตอบกลับพร้อมกับก้มลงไปหอมแก้มกลิ่นบลอสซั่มของเจ้าชาบู โดยเจ้าแมวน้อยยื่นปากมาจุ๊บผมตอบเช่นเดียวกัน
“จะกลับเลยหรือว่าจะอยู่ช่วยดูแลเก็บงานให้เรียบร้อยก่อนก็แล้วแต่นาย”
“ผมขอกลับไปพร้อมคุณโรแลนนะครับ” ผมตอบกลับไปในทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด สายตามองกลับเข้าไปภายในงานเลี้ยง ท่ามกลางผู้คนนับพันคุณอัลเดรยืนอยู่ตรงนั้นข้างกายอัลฟ่าหนุ่มคือเจ้าสาวแสนสวยที่กำลังจะให้กำเนิดทายาทอัลฟ่าที่สมบูรณ์กับเขาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“อืม กลับพร้อมกับฉันก็ได้ แต่อย่างน้อยนายควรไปบอกอัลเดรเสียหน่อย ฉันกับอินดี้จะไปรอนายที่รถ” คุณโรแลนพยักหน้าแล้วเดินโอบกอดคุณอินดี้จากไป
ผมเดินกลับเข้าไปในงานแล้วยืนรอหาจังหวะให้คุณอัลเดรว่างจากการทักทายขอบคุณแขกที่มาร่วมงานเพื่อบอกว่าผมจะเดินทางกลับไปพร้อมคุณโรแลนในคืนนี้เลย แต่ดูเหมือนคุณอัลเดรจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับผมเท่าไหร่นัก เพราะเจ้านายอัลฟ่ายังคงทำเหมือนว่ามีเรื่องให้พูดคุยกับคนนั้นคนนี้ไม่หยุด
“คุณอัลเดรครับ” ผมใช้จังหวะที่คุณอัลเดรเดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวของทางโรงแรมเข้าไปเพื่อบอกลาตามที่คุณโรแลนสั่ง
“นายมีอะไรกับฉันอย่างนั้นเหรอ”
“คือผม...จะมาบอกว่าคืนนี้ผมจะ...”
ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคริมฝีปากอุ่นๆ ของคุณอัลเดรก็พุ่งเข้ามาประกบใส่จนผมหน้าหงาย ท่อนแขนแกร่งเกี่ยวรัดกอดกระชับร่างผมแนบชิดติดลงไปกับแผงอกกว้าง
“อื้อ” ผมดิ้นขลุกขลักพยายามผลักอกให้เจ้าบ่าวของคืนนี้ถอยห่างออกไป
ผมถูกคุณอัลเดรผลักให้เดินถอยหลังไปจนหายเข้าในราวผ้าม่านกั้นสำหรับใช้เปลี่ยนชุด ฝ่ามือร้อนลูบไล้ลงไปกับบั้นท้ายเต่งตึงพร้อมกับบีบขยำมันจนเต็มมือ
“อย่า ปล่อยนะ” ผมรวบรวมเรี่ยวแรงผลักเจ้านายอัลฟ่าแล้วออกแรงวิ่งหนีออกมาแต่เพียงแค่พ้นจากราวผ้าม่านราคาแพงออกมาข้อมือผมก็ถูกดึงกระชากกลับไปหาอกแกร่งอีกครั้ง
“นายจะไปไหน” คุณอัลเดรตวาดผมเสียงดังลั่น
“ผมจะกลับไปกับคุณโรแลน”
“ใครอนุญาตให้นายไป งานแต่งของฉันยังเสร็จ” คุณอัลเดรคว้าคอผมไปบีบอย่างแรงจนผมแทบหายใจไม่ออก
“งานกำลังจะจบ ส่วนที่เหลือมีเพียงหน้าที่ของทางโรงแรมเท่านั้น ผมถือว่าผมได้ทำหน้าที่ของผมตามที่คุณโรแลนมอบหมายเสร็จเรียบร้อยลงแล้ว อีกอย่าง คุณโรแลนอนุญาตให้ผมกลับบ้านได้”
“แต่ฉันไม่อนุญาต นายต้องอยู่กับฉัน”
“คุณแต่งงานกับคุณอลิเซียแล้ว ทำไมยังมายุ่งกับผมอีก”
“ฉันแต่งงานกับอลิเซีย เพราะหล่อนกำลังท้องลูกของฉัน”
คำยืนยันตอกย้ำจากริมฝีปากหนาที่ขยับขึ้นลงอยู่ตรงหน้าเหมือนน้ำกรดถังใหญ่ที่สาดรดลงมาในหัวใจผม คุณอัลเดรเป็นคนฉลาดแต่เขามองไม่ออกจริงๆ หรือว่าผมเจ็บปวดแค่ไหนกับการกระทำของเขา
“นั่นเป็นเหตุผลที่มากพอแล้ว คุณควรหยุดทุกการกระทำที่เคยทำกับผม แล้วหันไปใส่ใจคุณอลิเซียกับคุณหนูที่กำลังจะเกิดมา”
“ทำไมฉันต้องหยุด นายมีสิทธิ์ขอร้องฉันอย่างนั้นเหรอเจสัน ชีวิตนาย วิญญาณนาย จำได้มั้ยว่ามันเป็นของตระกูลอัลบราเซส แม้แต่เถ้ากระดูก นายก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยกมันให้ใครถ้าฉันไม่อนุญาต”
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็เอามันคืนไปสิ...ลมหายใจทาสรับใช้อย่างผมไม่เคยมีค่าสำหรับคุณอยู่แล้วนี่ ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้มันลอยหายไปในอากาศเถอะ”
เพี๊ยะ! ฝ่ามือหนาร้อนฉ่าฟาดเปรี้ยงตบลงมาบนแก้มของผมฉาดใหญ่จนผมหน้าสะบัดไปตามแรงตบ มันเจ็บ...บนผิวแก้มซีกซ้ายของผมแสบร้อนเพราะฤทธิ์ของฝ่ามือที่ฟาดกระทบลงมา แต่ความรู้สึกที่เจ็บกว่ามันอยู่ในนั้น ก้อนเนื้อก้อนเล็กที่เต้นเป็นจังหวะช้าๆ ก้อนเนื้อไร้ค่าที่มันถูกเรียกว่า...หัวใจ
แค่จังหวะขยับกล้ามเนื้อก้อนนั้นให้เต้นอยู่ได้ในทุกวัน ผมก็แทบไม่มีเรี่ยวแรงและกำลังใจ หลายครั้งหลายหนที่รู้สึกอยากให้มันหยุดทำหน้าที่ ไม่ต้องทนเหนื่อย ไม่ต้องบีบรัดเพื่อสูบฉีดเลือดไหลเวียนไปส่วนใดของร่างกายไร้ค่านี้อีกแล้ว ผมอยากให้มันหยุด แล้วปล่อยทิ้งร่างกายสกปรกรกโลกนี้ไปซะ ให้มันนอนนิ่งเน่าเปื่อยในสุสานอย่างเดียวดายเพียงลำพัง
“อย่ามาพูดจาจองหองประชดใส่ฉันอีก นายเป็นแค่คนใช้ ไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับฉัน”
“ในเมื่อผมไม่ได้มีค่าอะไร...คุณก็ไม่ควรเก็บไว้ให้รกหูรกตา”
“ได้....อยากไปไหนก็ไป” คุณอัลเดรผลักอกของผมจนล้มลงไปกองกับพื้น แล้วเดินจากไปโดยไม่ได้เหลียวกลับมามองผมอีก
ผมเดินกลับมายังรถยนต์คันหรูซึ่งติดเครื่องจอดรอผมอยู่ ด้านในรถยนต์คันใหญ่คุณโรแลนเจ้านายหนุ่มของผมกำลังนั่งพูดคุยหยอกล้อกับคุณอินดี้อย่างมีความสุข
“เจสัน ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ” คุณอินดี้ส่งยิ้มมาให้ผมพร้อมกับยื่นเจ้าชาบูส่งมาให้
“ครับคุณอินดี้” ผมพยักหน้ายิ้มรับ ซึมซับความอบอุ่นอ่อนโยนจากความเมตตาของทั้งคุณโรแลนและคุณอินดี้ และแน่นอนความรักของเจ้าชาบูที่มีต่อผมด้วยเช่นกัน
ผมมองภาพเงาสะท้อนของโรงแรมหรูซึ่งประดับไฟเป็นแสนดวงระยิบระยับจับตา เปล่งประกายส่องสว่างผ่านบานกระจกมองข้างของตัวรถ ภาพนั้นค่อยๆ ถอยห่างจากผมไปทีละนิดๆ จนในที่สุดมันก็ลับตาไป
“ลาก่อนครับคุณอัลเดร”
ผมยกเจ้าชาบูขึ้นมากอดไว้แนบอกซ่อนหยดน้ำตาไปบนขนนุ่มฟูของเจ้าชาบูอีกครั้ง