ตอนที่ 8 ตัดสินใจ
ผมยืนมองจอมอนิเตอร์ซึ่งฉายภาพว่าที่เจ้านายตัวน้อยของผมซึ่งกำลังนอนขดคุดคู้อยู่ในท้องแบนๆ ของคุณอินดี้ ทารกเพศชายตัวน้อยซึ่งยังเห็นหน้าไม่ชัด อันที่จริงจะบอกว่าดูแทบไม่ออกด้วยซ้ำว่าวุ้นก้อนยู่ย่นนั้นเป็นอนาคตทายาทอัลบราเซสรุ่นถัดไป
“คุณป๋าขา”
“ขา ว่ายังไงคะ”
“ก้อนๆ นี่เหรอคะ ลูกของเรา” คุณอินดี้จิ้มนิ้วมือเล็กไปบนจอแสดงภาพอัลตร้าซาวด์จนผมอมยิ้มเพราะอดดีใจกับคุณโรแลนไม่ได้ที่ได้คู่ชีวิตน่ารักสดใจอย่างคุณอินดี้มาแนบข้าง
“ใช่ค่ะ ก้อนนี่แหละ อินดี้น้อยของป๋า” คุณโรแลนก้มลงไปหอมแก้มคุณอินดี้ที่นอนเอียงแก้มคอยอย่างน่ารัก
ผมจ้องมองภาพทารกอายุสามเดือนในจอแล้วหวนกลับไปคิดถึงถึงทายาทอีกคนของอัลบราเซสที่มีอายุครรภ์ไล่เลี่ยกัน ลูกของคุณอัลเดรกับคุณอลิเซียก็คงจะมีขนาดประมาณนี้แหละ ผมถอนหายใจแล้วรีบสลัดความคิดโง่ๆ ของตัวเองทิ้งเพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะหวนกลับไปคิดถึงเจ้านายอัลฟ่าคนนั้นอีก
“คุณอินดี้ทำอะไรครับ” ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องของคุณโรแลนแล้วก็ต้องประหลาดใจ นี่ผมไม่อยู่เพียงไม่นานทำไมห้องเจ้านายผมถึงได้รกขนาดนี้นะ
“อินดี้สร้างอาณาจักรของอินดี้” คุณอินดี้เงยหน้าขึ้นมามองผมแวบเดียวแล้วก็ก้มลงไปทำอะไรขยุกขยิกต่อไป
ข้างๆ เตียงนอนหลังใหญ่นั้น กองหมอน กองผ้าห่มนวม ทั้งโต๊ะเก้าอี้ กับราวแขวนเสื้อผ้าห้อยระโยงระยางมีแต่เสื้อผ้ากางเกงของคุณโรแลนเต็มไปหมด เจ้าชาบูแมวน้อยนอนขดซุกตัวอยู่ในโพรงเสื้อยืดของคุณโรแลนซึ่งถูกม้วนจำลองทำเป็นเหมือนรังนก
“เอิ่ม...ผมเข้าไปได้มั้ยครับ” ผมหัวเราะแล้วร้องขออนุญาตเจ้าของอาณาจักรอินดี้ผู้น่ารักนั้นทันที
“อื้อ” คุณอินดี้พยักหน้าอนุญาตให้ผมเข้าไปภายในห้องได้
คุณอินดี้เวลานี้เหมือนปลากระเบนตัวใหญ่เพราะคนตัวเล็กสวมใส่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งของคุณโรแลนเอาไว้ แขนเสื้อยาวๆ เหลือพื้นที่อีกกว่าครึ่งแถมชายเสื้อเชิ้ตนั้นยังแทบจะคลุมตัวคุณอินดี้มิดลงมาถึงเข่า เมทที่บ้านบอกกับผมว่าช่วงนี้คุณอินดี้ไม่ค่อยออกไปเดินเล่นนอกบ้านวันๆ จะขลุกอยู่แต่ในห้องและไม่ชอบให้ใครเข้าไปข้างในถ้าคุณโรแลนไม่อยู่ด้วย ตั้งแต่ผมกลับมาได้สองสามวันก็เพิ่งจะมีโอกาสเข้ามาในห้องคุณโรแลนวันนี้เอง
ผมเดินเข้าไปแล้วนั่งย่อตัวลงแล้วค่อยๆ คลานเข้าไปใกล้เพราะรู้ว่านี่คงเป็นการสร้างรังน้อยๆ ของคุณอินดี้ตามสัญชาตญาณโอเมก้า ในอาณาจักรของคุณอินดี้มีห่อขนมซุกหมกเอาไว้ในกองผ้าแทบจะทุกมุม
“คุณอินดี้อยากทานอะไรมั้ยครับ” ผมนั่งอมยิ้มให้กับคู่ชะตาสุดน่ารักของคุณโรแลนอย่างนึกเอ็นดู
“อินดี้อยากกินไอติมวนิลลา”
“ได้ครับ แต่ว่าคุณอินดี้อย่าเอาเข้าไปกินในนั้นนะครับเดี๋ยวมดจะขึ้น”
“อื้อ อินดี้จะเอาลงไปกินกับคุณป๋า” ผมรู้สึกหัวใจสั่นนิดๆ เมื่อได้เห็นคุณอินดี้แสดงความรักอันบริสุทธิ์ที่มีต่อคุณโรแลนเสมอ เจ้าชาบูแมวน้อยลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินตรงมานอนบนตักผมแทน
“คุณโรแลนโชคดีจังเลยนะครับที่มีคู่ชะตาน่ารักแบบคุณอินดี้” ผมกวาดสายตาสำรวจอาณาจักรน่ารักตะมุตะมิที่คุณอินดี้พยายามสร้างขึ้นแล้วอดเอ็นดูไม่ได้
“ไม่ๆ อินดี้โชคดีมากกว่าที่คุณป๋ารักอินดี้” คุณอินดี้ส่ายหน้ารัวๆ แล้วเหวี่ยงมุมชายแขนเสื้อของคุณโรแลนเล่นไปมาอย่างมีความสุข
“ทั้งคุณโรแลนแล้วก็คุณอินดี้โชคดีทั้งคู่ที่เกิดมาคู่กัน”
"อินดี้รักคุณป๋า คุณป๋าก็บอกว่ารักอินดี้เหมือนกัน เจสันล่ะ ไม่คิดจะมีคู่ชะตาบ้างเหรอ”
“ผมเป็นเบต้านะครับคุณอินดี้ ผมไม่มีคู่ชะตาหรอก” ผมวางมือลงไปบนหัวเล็กๆ ของเจ้าชาบูแล้วลูบเบาๆ เจ้าแมวน้อยหลับตาพริ้มครางครืดๆ เหมือนชอบใจ
“เบต้าก็มีคู่นะ แม่อินดี้ยังมีพ่อเลย แม่บอกว่ามันคือพรหมลิขิต รักแท้ไม่จำเป็นหรอกว่าต้องอัลฟ่า โอเมก้าหรือว่า เบต้า อินดี้ว่าความรักที่เกิดจากหัวใจไม่ใช่เกิดขึ้นกลิ่นและรสสัมผัสของฟีโรโมนที่เป็นแรงกระตุ้น ความรักแบบนั้นสิสวยงามแล้วก็มีคุณค่ามากนะ เหมือนพ่อกับแม่ของอินดี้รักกัน แม้ว่าจะไม่ได้กลิ่นอะไร ไม่มีแรงกระตุ้น มีแค่ความรักกับ ความเข้าใจกันเท่านั้น”
เหมือนท้องทะเลที่คลื่นลมสงบพัดมากระทบชายฝั่งอีกครั้ง ผมมองดูรอยยิ้มอ่อนโยนบอบบางของโอเมก้าน้อยเจ้าของหัวใจเจ้านายอัลฟ่าหนุ่มใหญ่ของผม ผมไม่แปลกใจเลยที่พระเจ้าสร้างคุณอินดี้ให้เกิดมาคู่กับคุณโรแลนเพราะทั้งสองต่างมีหัวใจอันอบอุ่นอ่อนโยนและบริสุทธิ์ทั้งคู่
“มันเป็นยังไงเหรอครับเวลาที่คุณอินดี้ได้กลิ่นจากคุณโรแลน” ผมถามคุณอินดี้แล้วพยายามจินตนาการตามถึงความสัมพันธ์ที่คนอย่างผมคงไม่มีวันเข้าใจ
“หอม นุ่มนวล อบอุ่น ปลอดภัย อืม...อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป”
"มัน....หอมมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ"
"อืม มากพอที่จะทำให้เราลืมทุกสิ่งทุกอย่าง"
"อย่างนั้นเหรอครับ" ผมพยักหน้ารับรู้แล้วความคิดสับสนในใจก็ตีวนปั่นป่วน
ตั้งแต่คุณโรแลนได้เจอคุณอินดี้และรู้ว่าคุณอินดี้คือคู่ชะตา ผมไม่เคยเห็นหรือได้ยินคุณโรแลนพูดถึงใครอื่นอีก แต่ทำไม....คุณอัลเดรเพราะอะไรกัน
ผมกลับมาอยู่ที่บ้านกับคุณโรแลนช่วยดูแลคุณอินดี้และใช้ชีวิตอย่างปกติสุข มีได้รับรู้ข่าวคราวจากทางฝั่งคุณอัลเดรบ้างว่าคุณอัลเดรเองก็ได้ลูกชายและมีกำหนดคลอดใกล้เคียงกับคุณอินดี้ แต่คุณอลิเซียคลอดก่อนกำหนดเกือบสองเดือน เมื่อตอนที่พวกเราทุกคนทราบข่าวต่างพากันกังวลถึงคุณหนูตัวน้อยว่าจะสมบูรณ์แข็งแรงดีหรือไม่ โดยเฉพาะคุณอินดี้ซึ่งดูเหมือนจะวิตกเป็นกังวลมาก
เป็นเวลานานถึงห้าเดือนนับตั้งแต่ผมกลับไปอยู่กับคุณโรแลนแล้วไม่ได้มีโอกาสพบหน้าคุณอัลเดรเลยนับตั้งแต่คืนวันแต่งงาน นี่เป็นการกลับมาพบกันครั้งแรกของเรา คุณอัลเดรดูเงียบขรึมขึ้นมากกว่าเดิม ดวงตาที่ปกติเย็นชาอยู่แล้วตอนนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่ความเยือกเย็นเท่านั้น แต่แววตาของอัลฟ่าหนุ่มไร้แวว ไร้ความรู้สึก และว่างเปล่าเหลือเกิน
“คุณป๋าขา น้องอยากอุ้มเจ้าตัวเล็กได้มั้ยคะ” คุณอินดี้ซึ่งเวลานี้ท้องโย้อุ้ยอ้ายยืนกระตุกแขนเสื้อคุณโรแลนยิกๆ แววตาซุกซนเหมือนเด็กพร้อมกับหันไปมองทารกน้อยซึ่งนอนอยู่ในห่อผ้าสีขาวสะอาดตา
“ไม่ได้” เสียงเรียบเฉียบขาดของคุณอลิเซียดังสะท้อนตอบกลับมาเย็นชาจนคุณอินดี้หน้าเสีย
“คุณหนูเพิ่งคลอด ร่างกายยังไม่มีภูมิอย่าเพิ่งอุ้มเลยนะครับคุณอินดี้” ผมกระซิบบอกคุณอินดี้เบาๆ เจ้านายน้อยของผมแหงนหน้าขึ้นมาหาพร้อมดวงตามีแววผิดหวังแต่พยักหน้ารับเบาๆ
“เจ้าตัวเล็กจะแข็งแรงใช่มั้ยคะ” คุณอินดี้แหงนคอขึ้นมาถามคุณโรแลนพร้อมกับมองสลับไปถามคุณพ่อมือใหม่ซึ่งยืนตีหน้าขรึมอยู่ข้างๆ
“ต้องแข็งแรงสิคะ” คุณโรแลนยิ้มตอบพร้อมกับก้มลงมาบรรจงจูบหน้าผากเล็กๆ ของคุณอินดี้ ผมเห็นแววตาเป็นกังวลนิดๆ ฉายมาจากดวงตาคู่สีน้ำตาลทองของเจ้านายผมรวมไปถึงคุณอัลเดรด้วย ทารกซึ่งคลอดก่อนกำหนดนานถึงเจ็ดสัปดาห์ตัวเล็กเหมือนลูกแมวน้อยตัวแดงๆ นอนหลับสนิทไม่ไหวติง
ผมได้เห็นหน้า คุณหนูเคลย์ตัน ลูกชายคนแรกของคุณอันเดรเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นเพราะคุณอลิเซียดูท่าทางเธอจะหวงลูกชายของเธอมาก ถึงขนาดไม่ยอมให้ใครจับ ไม่ยอมให้ใครอุ้มทั้งสิ้น พวกเราอยู่พูดคุยกับคุณอัลเดรและคุณอลิเซียเพียงไม่นานคุณโรแลนก็พาพวกเราทุกคนกลับ
“คุณป๋าขา” เสียงคุณอินดี้ออดอ้อนคุณโรแลนหวานจ๋อยอยู่ด้านหลัง ผมฟังทีไรแล้วอบอุ่นหัวใจทุกที
“ว่ายังไงคะ” ผมมองผ่านกระจกมองหลังแล้วเห็นคู่รักนั่งประคองกอดกันตัวกลมโดยมีเจ้าชาบูเป็นพยานเดิมย่ำไปมาใกล้ๆ พุงของคุณอินดี้
“เจ้าตัวเล็กของเราจะแข็งแรงใช่มั้ยคะ”
“แข็งแรงสิคะ อินดี้ไม่ต้องกังวลนะคะ”
“อื้อ น้องรักคุณป๋านะคะ”
“ป๋าก็รักหนูค่ะ”
ผมนั่งฟังประโยคบอกรักของคุณโรแลนและคุณอินดี้แบบนี้วันละประมาณสิบรอบเป็นอย่างน้อย แต่ผมฟังมันไม่เคยเบื่อเลย เพราะทุกครั้งที่ได้ฟังผมสัมผัสได้ถึงความรักที่คนทั้งสองมีต่อกัน คิดไปคิดมาก็แปลกผมไม่ยักเคยได้ยินคุณอัลเดรบอกรักคุณอลิเซียและไม่เคยได้ยินคุณอลิเซียบอกรักคุณอัลเดรเช่นกัน หรืออาจจะเป็นเพราะทั้งสองคนเป็นอัลฟ่าผู้หยิ่งทะนงทั้งคู่ก็เป็นได้
หลังจากนั้นคุณอินดี้ก็ให้กำเนิดทายาทคนสำคัญของอัลบราเซสตามกำหนดเวลาที่ควรจะเป็นไม่ขาดไม่เกินแม้แต่วันเดียว คุณหนูนิโคลัส อัลบราเซส หรือ คุณหนูนิ้กกี้ ซึ่งคุณพารัสถึงขนาดบินมาไกลจากอิตาลีเพื่อมาดูหน้าหลานชายคนโตแถมชื่อ นิโคลัส นี้คุณพารัสยังเป็นคนตั้งชื่อให้ด้วย
ผมกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปโดยปริยาย และมีเจ้าชาบูเป็นแมวองครักษ์พิทักษ์คุณหนูนิ้กกี้ เจ้าชาบูออกอาการหวงคุณหนูนิ้กกี้ยิ่งกว่าใคร ไม่ว่าจะกิน จะนอนเจ้าชาบูจะตามเฝ้าคุณหนูนิ้กกี้ไม่ให้คลาดสายตา จนพวกผมทุกคนในบ้านต้องยอมหลบทางให้ ถ้าใครที่หน้าตาไม่คุ้นเข้ามาอุ้มคุณหนูนิ้กกี้ เจ้าชาบูจะใช้อุ้งเท้าไปตะปบและจับมือออกไม่ยอมให้อุ้มโดยเด็ดขาด
“นี่ชาบูไม่ต้องหวงขนาดนั้นก็ได้ นี่ลูกอินดี้นะไม่ใช่ลูกตัวเองสักหน่อย หวงจังเลย” คุณอินดี้ยกมือขึ้นมาเท้าเอวดุเจ้าชาบูที่ไปตะปบหัวเมทคนหนึ่งซึ่งพยายามจะอุ้มคุณหนูนิ้กกี้ไปเปลี่ยนผ้าอ้อม
“เมี๊ยว” เจ้าชาบูร้องเหมียวๆ แล้วเดินตามเมทคนนั้นเข้าไปในห้องน้ำเพื่อยืนเฝ้าคุณหนูนิ้กกี้เปลี่ยนผ้าอ้อม
หลังจากคุณอินดี้คลอดได้ไม่นานคุณอัลเดรแวะมาดูหน้าคุณหนูนิ้กกี้เพียงครั้งเดียว และก็อีกเช่นเคยคุณอลิเซียไม่ได้มาด้วย อาจจะเพราะคุณหนูเคลย์ตันไม่ค่อยแข็งแรงและคุณอลิเซียเองก็ดูจะไม่ค่อยชอบคุณอินดี้มากนักเพราะถึงอย่างไรคุณอินดี้เองได้ชื่อว่าเป็นโอเมก้าซึ่งโดยปกติธรรมดามักจะถูกเหยียดหยามจากสายเลือดของอัลฟ่าอยู่แล้ว ต่อให้คุณอินดี้นั่งแท่นสะใภ้คนโตและเป็นหลานสะใภ้ที่คุณพารัสโปรดปรานมากก็ตามที
ผมไม่ได้เข้าไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับคุณอัลเดรนอกเหนือจากที่ได้พูดคุยร่วมกันในวงสนทนาใหญ่ภายในห้องซึ่งคุณโรแลนสั่งให้ตกแต่งขึ้นมาใหม่พิเศษสำหรับใช้เป็นห้องเลี้ยงคุณหนูนิ้กกี้ คุณอัลเดรอยู่เพียงไม่ถึงสองชั่วโมงก็ขอตัวกลับ ผมไม่ได้เจอตัวคุณอัลเดรอีกเป็นเวลาหลายเดือนจนกระทั่งวันนี้
ระหว่างที่พวกผมกำลังคุยเล่นกันเพลินๆ เมทคนหนึ่งเดินนำหน้าคุณอัลเดรเข้ามาภายในห้องทำงานพร้อมกับทารกเพศชายวัยหกเดือนเสียงหัวเราะของพวกเราจึงหยุดลง
“โรแลนขอคุยธุระด้วยหน่อยสิ” คุณอัลเดรเดินเข้ามาหาคุณโรแลนท่าทางเคร่งขรึม ดวงตาคู่นั้นหม่นหมองเหลือเกิน
ผมยืนตัวชารู้สึกทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตื่นเต้นมากใจสั่นหวิวๆ เจ้านายอัลฟ่าตัวโตกำลังยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าผมพร้อมกับทารกในวงแขนซึ่งเริ่มจะส่งเสียงร้องไห้งอแง
“เจสัน” คุณโรแลนเรียกชื่อดึงสติให้ผมรู้สึกตัว
“ครับ”
ผมขยับเดินเข้าไปหาคุณอัลเดรเงยหน้าขึ้นไปสบตากับดวงตาสีน้ำตาลทองเข้มพร้อมกับยกมือทั้งสองออกไปรับคุณหนูเคลย์ตันบุตรชายอันเป็นสายเลือดอัลฟ่าบริสุทธิ์ของคุณอัลเดรกับคุณอลิเซียมาอุ้มไว้
คุณหนูเคลย์ตันยกกำปั้นอวบอ้วนขึ้นมาขยี้ตากลมโตนั้นแรงๆ พร้อมกับเริ่มต้นร้องไห้ และถีบขาไปมารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมอุ้มคุณหนูตัวน้อยไปตรงมุมห้องซึ่งมีถาดชุดอุปกรณ์ชงนมสำหรับคุณหนูนิ้กกี้วางอยู่ จัดการตวงนมผงใส่ลงไปในขวดเติมน้ำอุ่นผสมลงไปอย่างคล่องแคล่วตามความเคยชินเพราะต้องชงให้คุณหนูนิ้กกี้เป็นประจำแล้วจึงค่อยๆ ส่งจุกนมซิลิโคนเล็กๆ เข้าไปในปากสีชมพูใสของคุณหนูเคลย์ตันช้าๆ
คุณหนูตัวน้อยจุ๊บปากเล็กๆ ดูดนมจากขวดกินจนแทบลืมหายใจด้วยความหิว ผมประคองอุ้มคุณหนูเคลย์ตันให้เอนซบลงมากับอกของผม ทารกน้อยปรือตาขึ้นมามองผมช้าๆ พร้อมกับเอื้อมมือขึ้นมาจับกระดุมเสื้อของผมพลิกไปพลิกมาเล่นจนเพลิน คุณหนูตัวเล็กนอกจากหิวแล้วคงจะง่วงนอนด้วยเพราะเวลาเพียงไม่กี่นาทีดวงตากลมโตเล็กๆ นั้นดูร่วงโรยปิดปรือกะพริบขึ้นลงอย่างช้าๆ
ผมก้มลงไปจ้องดวงตากลมโตใสของเด็กน้อยไร้เดียงสาซึ่งจ้องมองผมตาปรือลงเรื่อยๆ มือข้างหนึ่งกำเสื้อเชิ้ตของผมเอาไว้แน่น ส่วนอีกข้างประคองขวดนมดูดกินไปจนเกือบหมดขวดแล้ว ผมเงยหน้าละสายตาจากคุณหนูตัวน้อยขึ้นไปมองดูเจ้านายทั้งสองแวบหนึ่งเพราะเห็นว่าเจ้านายทั้งสองคนเงียบเสียงไปนาน
“นายมีอะไรอย่างนั้นเหรออัลเดร”
คุณโรแลนเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ของตัวเอง ส่วนคุณอัลเดรยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน สายตาเย็นชานั้นจับจ้องมองมายังผมและคุณหนูเคลย์ตันพร้อมกัน
“ผมมาขอตัวเจสันไปอยู่กับผม”
“ขอตัวเจสัน....แต่นายเพิ่งขอยืมตัวเจสันไปช่วยงานแต่งงานของนาย”
“ครั้งนั้นแค่ขอยืม แต่ครั้งนี้....ขอให้เจสันไปอยู่...เพื่อรับใช้ผมตลอดไป”