ตอนที่ 9 เสียงร้องไห้
“ครั้งนั้นแค่ขอยืม แต่ครั้งนี้....ขอให้เจสันไปอยู่...เพื่อรับใช้ผมตลอดไป”
ผมยืนนิ่งได้แต่ครุ่นคิดในใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อันที่จริงไม่ใช่เพียงแค่ผมเท่านั้นที่สงสัยแต่ผมเชื่อว่าแม้แต่คุณโรแลนก็คงจะสงสัยเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ” คุณโรแลนพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับหันไปรินบรั่นดีจากขวดแก้วส่งให้กับน้องชาย
“แค่มีปัญหานิดหน่อย” คุณอัลเดรเอื้อมมือไปคว้าแก้วบรั่นดีนั้นมาถือแล้วยกมันกรอกลงคอรวดเดียวจนหมด
“เจสันอยู่รับใช้ฉันมานาน ไม่ง่ายเลยถ้าจะบอกให้เขาไป ฉันเชื่อว่านายต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ แต่คนที่ไปคือเจสันเพราะฉะนั้นนายต้องถามเขา ว่าเขาอยากจะไปกับนายหรือเปล่า”
คุณอัลเดรเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม แววตาซึ่งครั้งหนึ่งเคยแข็งกร้าวดุร้ายเวลานี้ แววตาคู่นั้นเหมือนก้นบ่อน้ำบาดาลที่ยามเมื่อเราชะโงกหน้าลงไปมองเราจะพบเพียงความมืดและความฉงนสงสัยว่ามีอะไรอยู่ก้นบึ้งลึกลงไปข้างล่างหรือเปล่า ผมมองไม่ออกจริงๆ ว่าคุณอัลเดรกำลังคิดอะไรอยู่
“ว่ายังไงเจสัน นายยินดีจะไปอยู่กับอัลเดรหรือเปล่า” คุณโรแลนถามผมซ้ำอีกครั้ง
ผมก้มลงมองดูคุณหนูเคลย์ตันซึ่งเวลานี้หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของผม ขนตางอนยาวหนาเป็นแพปิดสนิท ริมฝีปากบางสีชมพูเล็กยังคงดูดจุกนมอยู่เป็นระยะ พวงแก้มยุ้ยนุ่มนิ่มสีชมพูระเรื่ออิงซบอยู่กับอกผม นิ้วมือเล็กป้อมกำยึดเสื้อเชิ้ตของผมเอาไว้หลวมๆ
“เอ่อ...คือผม” ผมละสายตาจากคุณหนูเคลย์ตันแล้วหันไปสบตากับคนเป็นพ่ออีกครั้ง ดวงตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึกใดๆ จ้องมองผมนิ่งเหมือนรอฟังคำตอบ
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ไหลย้อนเข้ามาในห้วงแห่งความทรงจำของผม ทุกๆ เหตุการณ์มีแต่ความหม่นหมองและเจ็บปวดเหลือเกิน ผมไม่อยากเดินกลับไปที่บ้านหลังนั้นเพื่อจมอยู่กับความรู้สึกเหมือนถูกบีบอัดอยู่ในถังไวน์ ผมไม่อยากเป็นเครื่องมือที่มีค่าเพียงเอาไว้ใช้ระบายอารมณ์ใคร่ ผมไม่อยากยืนอยู่ท่ามกลางสายตาอันเย็นชาและหยามเหยียด ที่นั่นมีเพียงความทุกข์ระทมรอคอยต้อนรับผมอยู่เท่านั้น
“ขอโทษครับ ผมรับใช้คุณโรแลนมานานหลายปีแล้ว และผมอยากอยู่ช่วยคุณอินดี้เลี้ยงคุณหนูนิ้กกี้ที่นี่ ผมคงไปกับคุณไม่ได้”
ผมโค้งให้กับเจ้านายอัลฟ่าหนุ่มซึ่งนั่งกำหมัดแน่นอยู่บนหน้าขา ดวงตาขึ้งโกรธเมื่อได้ฟังคำปฏิเสธจากผมคงทำให้อัลฟ่าเอาแต่ใจคนนี้อารมณ์เดือดเหมือนภูเขาไฟปะทุ หากอยู่กันตามลำพังผมคงถูกคว้าคอแล้วตะคอกใส่หน้าว่าคนอย่างผมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ อันที่จริงคุณโรแลนจะสั่งให้ผมไปก็ได้แต่คุณโรแลนก็ไม่ได้ออกคำสั่งเพื่อให้ผมไป และยังให้ผมเป็นคนตัดสินใจเองนั่นถือเป็นความเมตตาจากเจ้านายอัลฟ่าที่ผมเทิดทูนเอาไว้เหนือหัว
“เจสัน” คุณโรแลนเรียกผมเบา
“ครับ”
“พาเคลย์ตันขึ้นไปนอนกับนิ้กกี้ก่อนเถอะ”
“ครับ” ผมหันไปโค้งให้คุณโรแลนแล้วอุ้มคุณหนูเคลย์ตันซึ่งนอนหลับคอพับคออ่อนอยู่กับอกผมเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านแล้วตามไปขอใช้ห้องนอนของคุณหนูนิ้กกี้
ผมอุ้มคุณหนูเคลย์ตันมานอนลงบนเตียงเล็กๆ ของคุณหนูนิ้กกี้ คุณหนูเคลย์ตันมีอาการนอนสะดุ้งผวาเหมือนตกใจกลัวอะไรบางอย่าง จนผมต้องอุ้มขึ้นมาจากเตียงแล้วกอดไว้ตลอดเวลานั่นแหละคุณหนูเคลย์ตันถึงได้หลับสนิทลงอีกครั้ง ผมต้องนั่งอุ้มคุณหนุเคลย์ตันอยู่นานเกือบสองชั่วโมงกว่าคุณหนูตัวเล็กจะลืมตาตื่นมาพร้อมกับยิ้มโชว์เหงือกสีชมพูให้ผม
“เคลย์ตันไปอาบน้ำกับนิ้กกี้กันเถอะ” คุณอินดี้อุ้มคุณหนูตัวน้อยแล้วชวนกันไปอาบน้ำในอ่างน้ำอุ่นที่คุณหนูนิ้กกี้ชื่นชอบ ทันทีเมื่อผมถอดเสื้อผ้าของคุณหนูเคลย์ตันออกผมก็ต้องประหลาดใจเพราะผมเห็นร่องรอยฟกช้ำหลายจุดตามผิวหนังบอบบางของคุณหนูวัยหกเดือน
“เจสัน นี่อะไรน่ะ” คุณอินดี้หน้าเสียจ้องมองรอยช้ำสีเขียวตามแขนขาของคุณหนูเคลย์ตัน
“ผมก็ไม่ทราบครับ” ผมอุ้มคุณหนูเคลย์ตันแล้วสำรวจไปทั่วร่างบอบบางของเด็กน้อยไร้เดียงสา เจ็บปวดแทบขาดใจใครทำอะไรให้คุณหนูเคลย์ตันต้องเป็นแบบนี้กันนะ
"คุณหนูเคลย์ตัน" ผมก้มลงไปแตะจูบลงบนรอยช้ำสีคล้ำตรงแผ่นหลังบอบบางนั้นเบาๆ พร้อมกับดึงคุณหนูตัวน้อยมาสวมกอด
คุณหนูน้อยทั้งสองคนเล่นน้ำกันอย่างสนุกเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากดังลั่นไปทั่วห้อง จนผมกับคุณอินดี้ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของอัลฟ่าหนุ่มสองคนที่เดินเข้ามา
“เล่นอะไรกันอยู่คะอินดี้ ท่าทางสนุกเชียว” คุณโรแลนชะโงกหน้าเข้ามาภายในห้องน้ำโดยมีคุณอัลเดรยืนเยื้องอยู่ด้านหลัง
“เล่นเป็ดน้อยค่ะ เคลย์ตันชอบมาก” คุณอินดี้ชูตุ๊กตาเป็ดน้อยลอยน้ำที่มีเสียงร้องเหมือนเป็ดลอยอยู่เต็มอ่างอาบน้ำใบใหญ่ส่วนคุณหนูทั้งสองช่วยกันจับคว้าแล้วหัวเราะชอบใจเมื่อเวลาจับไปแล้วเป็ดน้อยจะร้องก๊าบๆ เสียงดังพร้อมกับมีไฟกะพริบวิบๆ ขึ้นด้วย
“เจสัน แต่งตัวให้เคลย์ตันเถอะ ต้องกลับแล้ว” คุณโรแลนตบฝ่ามือลงมาบนไหล่ผมก่อนจะลุกเดินออกไปจากมุมสายตา
“ว้า..เคลย์ตันจะกลับแล้วเหรอ นิ้กกี้ยังสนุกอยู่เลย” เป็นคุณอินดี้ที่พูดออกมาด้วยความเสียดายอย่างใสซื่อ
“ถ้าอย่างนั้นไปแต่งตัวกันนะครับคุณเคลย์ตัน จริงสิคุณอินดี้ ผมขอเสื้อผ้าของคุณหนูนิ้กกี้สักชุดได้หรือเปล่าครับ” ผมกระซิบถามคุณอินดี้เพราะเสื้อผ้าของคุณหนูเคลย์ตันนั้นมอมแมมแล้วหากใส่ไปจะไม่สบายเนื้อตัวเปล่าๆ
“อื้อ เสื้อผ้านิ้กกี้ใส่ไปถึงชาติหน้าก็ไม่หมดคุณป๋าขยันซื้อจะตาย ซื้อเหมือนไม่คิดอยากให้ลูกโตเลย เจสันนายไปเลือกเถอะมีชุดใหม่ๆ น่ารักเยอะแยะเลย” คุณอินดี้พยักหน้ารับทันที
“ขอบคุณครับ”
ผมอุ้มคุณหนูเคลย์ตันแล้วห่อไว้ด้วยผ้าขนหนูเนื้อหนานุ่มไปเลือกชุดหมีน้อยน่ารักแล้วสวมให้คุณหนูเคลย์ตันจากนั้นจึงไปชงนมใส่ขวดแล้วยัดลงไปในกระเป๋าเก็บอุณหภูมิพร้อมกับยื่นส่งให้คุณอัลเดรนำกลับไปด้วย
“เผื่อคุณหนูเคลย์ตันจะหิวน่ะครับ”
ผมส่งคุณหนูเคลย์ตันคืนให้กับคุณอัลเดร แต่คุณหนูตัวน้อยยังคงอ้าแขนย้อนกลับมาหาผมเหมือนอยากให้ผมยังคงอุ้มต่อ พร้อมกับโยกตัวไปมาพยายามดิ้นและยื่นมือมาทางผม
“ต้องกลับบ้านแล้วนะครับคุณเคลย์ตัน เอาไว้มีโอกาสแวะมาเล่นกับคุณหนูนิ้กกี้อีกนะ” ผมยื่นมือไปแตะแก้มนุ่มนิ่มนั้นเบา
“แอ้” คุณหนูตัวน้อยยิ้มโชว์เหงือกสีชมพูและฟันซี่เล็กๆ ที่กำลังงอกขึ้นมาพ้นเหงือก
“เจสัน” คุณอินดี้แหงนคอขึ้นมาร้องเรียกผมหลังจากไฟท้ายจากรถยนต์คันหรูเลี้ยวออกไปพ้นประตูรั้วหน้าบ้าน
“ครับ คุณอินดี้”
“ถ้าเป็นห่วงเคลย์ตัน ทำไมถึงไม่ตามไปล่ะ”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ ทางนั้นก็มีคนรับใช้ตั้งหลายคน อีกอย่างผมอยากช่วยคุณอินดี้เลี้ยงคุณหนูนิ้กกี้มากกว่า” ผมยื่นมือไปรับคุณหนูนิ้กกี้มาจากคุณอินดี้ เด็กน้อยวัยหกเดือนถือลูกบอลกลมเล็กๆ ขนาดเท่าลูกเบสบอลไว้ในมือแล้วยกมันขึ้นมาใส่ปาก
“โกหกนั้นตายตกนรก” คุณอินดี้ยกนิ้วขึ้นมาจิ้มลงบนหน้าอกผมแล้วเดินกอดเอวคุณโรแลนกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ผมยืนเหม่ออยู่คนเดียวจนกระทั่งคุณนิ้กกี้ขว้างลูกบอลในมือตกลงไปบนพื้นนั่นแหละผมถึงรู้สึกตัว
“คุณโรแลนต้องการอะไรหรือเปล่าครับ” ผมยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ภายในห้องทำงานบนตึกสูง
“มีเอกสารอยากให้นายช่วยเอาไปให้อัลเดรหน่อยเขาไม่ได้เข้ามาออฟฟิศหลายวันแล้ว” คุณโรแลนพยักหน้าไปทางเอกสารสามสี่แฟ้มซึ่งเลขาส่วนตัวของคุณโรแลนยื่นส่งมาให้ผม
“ได้ครับ” ผมพยักหน้าพร้อมกับรับเอาเอกสารเหล่านั้นมาถือไว้ในมือ
อันที่จริงผมก็พอจะรู้เรื่องนี้มาบ้างเพราะการประชุมหลายครั้งที่ผ่านมาคุณอัลเดรไม่ได้เข้าร่วมประชุมเลย แต่ผมก็พยายามปล่อยให้ทุกอย่างผ่านเลยไปเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก ไม่อยากเฝ้าวนเวียนเอาความรู้สึกนึกคิดแวะเวียนไปคำนึงหา
ผมขับรถมาจอดหน้าคฤหาสน์หรูหลังใหญ่ แต่ภายในบ้านนั้นกลับเงียบเชียบวังเวงมีเพียงแสงไฟไม่กี่ดวงเท่านั้นที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ไม่มีเมท ไม่มีคนสวน ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว เสียงร้องไห้ของเด็กทารกดังแว่วเข้ามาในหูผมจนเหมือนเสียงสะท้อนของสายลม ผมเงี่ยหูตั้งใจฟังแต่มันไม่ใช่เสียงลม
“คุณหนูเคลย์ตัน” ผมเดินไปหยุดอยู่หน้าบานประตูไม้บานใหญ่พยายามดึงมันให้เปิดออก แต่พบว่ามันถูกปิดล้อคจากด้านใน และโดยรอบนั้นประตูหน้าต่างทุกบานปิดสนิท
เสียงร้องไห้จ้าของคุณหนูเคลย์ตันยังดังแผดเสียงแว่วลงมาจนหัวใจของผมเหมือนมันจะขาด เสียงร้องไห้ของสายเลือดอัลบราเซส ใครทำอะไรให้คุณหนูเคลย์ตันเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ
ผมวิ่งอ้อมไปรอบบ้าน สายตาพยายามหาทางเข้าไปด้านในจนมาถึงประตูห้องครัวซึ่งมันเปราะบางที่สุด ผมทุบลูกบิดประตูแล้วรีบวิ่งไปตามเสียงร้องไห้ประหนึ่งว่าเจ้านายน้อยของผมกำลังเจ็บปวดทรมาน
ก้าวแรกเมื่อเท้าของผมแตะลงไปบนบันไดซึ่งใช้นำทางไปสู่ชั้นสองของคฤหาสน์ด้านบน เสียงชายหญิงคู่หนึ่งเหมือนกำลังตะโกนใส่กันผสมกับเสียงร้องไห้ของคุณหนูเคลย์ตัน ผมยืนตัวชาแทบไม่กล้าขยับ
“แง้” เสียงหวีดร้องของคุณหนูเคลย์ตันตามมาด้วยเสียงข้าวของตกกระทบลงพื้นโครมคราม
ผมก้าวกระโดดขึ้นไปแล้ววิ่งพุ่งขึ้นไปตามเสียงนั้นจนมาหยุดอยู่ตรงทางเดินซึ่งผมจำได้ว่ามันเป็นทางที่จะใช้เดินไปห้องของคุณอัลเดร
“ฉันจะไป คุณไม่มีสิทธิ์ห้าม” เสียงของคุณอลิเซีย ผมจำเสียงหวานแปร่งหูเต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงนั้นได้เป็นอย่างดี
“อยากไปก็ได้ แต่คุณจะเอาเคลย์ตันไปไม่ได้” เสียงของคุณอัลเดรตวาดกลับไป
“ทำไมฉันจะเอาเขาไปไม่ได้ เขาเป็นลูกของฉัน”
“กรี้ดดดด” เสียงหวีดร้องของคุณเคลย์ตันทำให้ผมตัดสินใจผลักบานประตูนั้นเข้าไปขัดจังหวะการทุ่มเถียงของสองสามีภรรยาทันที
“เจสัน” ดูเหมือนการปรากฏตัวของผมไม่อยู่ในความคาดหมายของคุณอัลเดรเพราะสีหน้าแววตาตื่นตระหนกนั้นมันฉายออกมาจากดวงตาสีหม่นปนประกายสีน้ำตาลทอง
“ขอโทษครับ ผม....เอ่อ...ผมมาพาคุณเคลย์ตันไปกินนม”
คุณหนูเคลย์ตันนั่งร้องไห้จ้าอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ น้ำหูน้ำตาไหลพรากปากเล็กๆ ส่งเสียงกรีดร้องไม่หยุด ใบหน้าซึ่งเขรอะไปด้วยคราบน้ำตาแดงก่ำเพราะตะเบ็งเสียงร้องไห้แข่งกับผู้ใหญ่ทะเลาะกัน ท่อนแขนน้อยๆ อ้าออกกว้างเหมือนเรียกร้องอ้อนวอนขออ้อมกอดจากใครสักคน
ผมไม่ได้รอให้พ่อแม่ของคุณหนูตัวเล็กอนุญาต ผมวิ่งตรงเข้าไปแล้วคว้าอุ้มเอาคุณหนูซึ่งถือเป็นเหลนคนเล็กของคุณพารัส เป็นหลานของคุณโรแลน และเป็นลูกชายคนแรกของคุณอัลเดรแห่งอัลบราเซสขึ้นมาแล้วหันหลังเดินออกจากห้องนั้นทันที
“หยุดนะ แกจะเอาลูกฉันไปไหน” คุณอลิเซียเอื้อมมือมาคว้าไหล่ผม
“หยุดอย่าแตะต้องเขา....” เสียงห้วนห้าวของคุณอัลเดรตวาดลั่นเสียงดัง
ผมหันหลังกลับมาเห็นฝ่ามือของคุณอัลเดรยื่นมาปัดกรงเล็บสีแดงของคุณอลิเซียออกไป ก่อนที่กรงเล็บสีแดงของคุณอลิเซียจะจิกลงมาบนไหล่ผม
“อัลเดร!”