ตอนที่ 2 ไร้ค่า
เรื่องราวทุกอย่างระหว่างผมกับคุณอัลเดรมันควรจบลงที่อิตาลีในคืนวันนั้น แต่ทว่าหลังจากนั้นนอกจากคนรับใช้ประจำตระกูลอัลบราเซส ผมก็ไม่ต่างอะไรกับทาสรัก ทาสสวาทที่คุณอัลเดรใช้ร่างกายของผมในการสนองความต้องการตามธรรมชาติอย่างเจ้านายช่างเอาแต่ใจเมื่อนึกอยากได้เมื่อไหร่ก็คว้าผมไปปรนเปรอสนองความใคร่ในทันที
แม้ว่าเราจะกลับมาเมืองไทยแล้ว คุณอัลเดรยังหาจังหวะโอกาสในการเข้ามาหาผมถึงในบ้านของคุณโรแลนเกือบทุกคืน จนร่างกายของผมเหมือนมันจะเคยชินและยินยอมให้คุณอัลเดรตักตวงความสุขจากร่างกายนี้ไปเท่าที่เขาต้องการ ทุกครั้งก่อนที่คุณอัลเดรจะหันหลังทิ้งผมไปเจ้านายหนุ่มจะโยนเงินจำนวนหนึ่งทิ้งเอาไว้ให้ผมเสมอซึ่งผมเองไม่เคยเข้าใจความหมายของกระทำนั้นของคุณอัลเดรเลย
คืนนี้หลังจากที่คุณอัลเดรนอนขย่มใส่ผมจนเหงื่อท่วมตัวและเสร็จใส่ผมมาสองรอบแล้ว ไฟปรารถนาที่ลุกโชนอยู่ของคุณอัลเดรดูเหมือนจะค่อยๆ ทุเลาเบาบางลงมากแล้ว คืนนี้ผมได้ของชิ้นหนึ่งจากเจ้านายอัลฟ่ามันเป็นสร้อยข้อมือประดับจี้เพชรเม็ดเล็กๆ เอาไว้โดยรอบ ตรงตะขอเกี่ยวนั้นมีตัวอักษรเล็กๆ สีเงินสลักไว้เป็นอักษรภาษาอังกฤษสองตัว AJ
“คุณอัลเดรนี่มันอะไรครับ”
“เครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของ มันจะล่ามนายให้เป็นของฉันตลอดไป” คุณอัลเดรสวมสร้อยข้อมือเส้นบางนั้นให้กับผม
“แต่ผมไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของคุณนะครับ” ผมสะบัดมือกลับแล้วหงายข้อมือพลิกขึ้นมามองสำรวจเจ้าสร้อยข้อมือเส้นเล็กนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง
"ใช่...นายไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่นายเป็นของฉัน" คุณอัลเดรใช้ปลายนิ้วชี้ยกเชยคางผมขึ้นไปแล้วประกบริมฝีปากลงมาบดเคล้าหนักๆ ฝ่ามือหนาประคองกรอบหน้าของผมให้ยกเชยเงยขึ้นไปรับจูบอันหอมหวานแต่ว่าหนักหน่วงรุนแรง
“เจสันฉันขอสั่ง ห้ามนายถอดมันออกเด็ดขาดเข้าใจมั้ย” ดวงตาดุคมจ้องผมนิ่ง
“แต่ผมเป็นผู้ชายนะครับ สร้อยข้อมือนี้มันไม่เหมาะกับผม” ผมเอื้อมมือลงไปแกะตะขอสร้อยข้อมือนั้นแต่ถูกมือหนาคว้าเอาไว้เสียก่อน
“ฉันสั่งนายว่ายังไงเมื่อกี้นี้” คุณอัลเดรตะปบมือลงมาบีบคางผมพร้อมกับดึงให้ผมแหงนหน้าขึ้นไปหา ท่าทีเย้ายวนชวนฝันเมื่อครู่อย่างฉากหนังรักอีโรติกแทบจะเปลี่ยนเป็นหนังฆาตกรรมในทันที
“แต่ว่านี่มัน...”
“ห้าม....ถอด...เด็ดขาด นี่คือคำสั่ง” คุณอัลเดรจ้องผมตาเขียวอย่างน่ากลัว
“ครับ...”
“ฉันต้องกลับแล้ว” คุณอัลเดรเหวี่ยงขาซึ่งก่ายกอดผมออกไปจากตัวแล้วลงไปยืนแก้ผ้าอยู่ข้างเตียงนอน สายตาอย่างผู้ชนะชำเลืองแลลงมาเรียกหมารับใช้อย่างผมให้เข้าไปหา
ผมขยับลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าเจ้านายอัลฟ่าหนุ่มมาสวมให้เหมือนกับกำลังแต่งตัวให้เด็กอนุบาล ผมหยิบกางเกงขายาวตัวใหญ่มาสวมให้เจ้านายอัลฟ่า ติดกระดุม รูดซิป พร้อมทั้งใส่ล็อกหัวเข็มขัดและตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะถอยออกมาหนึ่งก้าวแล้วก้มหน้าจับสายตาลงไปตรงกระดุมเสื้อเม็ดเล็กๆ ของคุณอัลเดรแทนที่จะเงยหน้าขึ้นไปสบตาเจ้าของมัน
“ฉันคงไม่ได้มาหานายหลายวัน รอฉันนะ” เสียงทุ้มห้าวนั้นบอกกับผม
คุณอัลเดรเดินมาใช้ปลายนิ้วมือยกเชยคางของผมขึ้นไปแล้วฉกริมฝีปากลงมาจูบผม ก่อนจะเปิดประตูห้องเดินออกไปโดยทิ้งผมให้ยืนอยู่กับความสับสน
“รอ....อย่างนั้นเหรอ”
อันที่จริงผมควรจะรู้สึกดีใจหรือสบายใจขึ้นเมื่อคุณอัลเดรหายไปนานหลายวัน แต่ทำไมผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย ผมเหมือนหมารอคอยเจ้าของ ทุกๆ คืนของผมหลังจากล้มตัวลงไปนอนบนเตียง สายตาของผมมันจะจับจ้องไปยังบานประตูห้อง รอคอยว่าเมื่อไหร่ประตูบานนี้จะถูกเปิดออกพร้อมกับร่างหนาของเจ้านายอัลฟ่าที่เดินเข้ามาแล้วสวมกอดผมเหมือนทุกคืน
"หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า....."
ในความสลัวและความเงียบวังเวงยามค่ำคืน ประกายเพชรเม็ดเล็กส่องแสงวูบวาบเล่นแสงจากโคมไฟหัวเตียง ผมแตะปลายนิ้วสัมผัสแล้วนอนนับเพชรเม็ดเล็กๆ นั้นแทนดวงดาวบนท้องฟ้า ในหัวใจหวนคิดถึงคนที่มอบมันให้กับผมพร้อมคำสั่งว่าให้ผม "รอ"
“อัลเดรกำลังจะแต่งงาน”
เหมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมากลางหัวใจผม เมื่อคุณโรแลนบอกเรื่องนี้ระหว่างมื้อเช้า ผมยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นแองเจิ้ลเทพธิดาแห่งความเศร้าในพิพิธภัณฑ์กรีก ลมหนาวที่มองไม่เห็นพัดวูบสาดโครมเข้ามาปะทะตัวผมให้ยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก มือข้างหนึ่งขยับมารวบกำข้อมืออีกข้างเอาไว้แน่น สัมผัสรับรู้ถึงสร้อยข้อมือเส้นเล็กกดฝังเสียดสีลงมากับผิวเนื้อภายใต้เสื้อเชิ้ตแขนยาวซึ่งสวมปกปิดมันให้พ้นจากสายตาทุกคน
คุณโรแลนมอบหมายให้ผมโทรนัดช่างตัดสูทร้านประจำให้เข้ามาวัดตัวคุณอินดี้เพื่อใช้ใส่ไปงานแต่งงานของคุณอัลเดรและคุณอลิเซียในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า รายละเอียดอื่นๆ ผมเองก็ยังไม่รู้เพราะทุกอย่างดูกะทันหันไปหมด
“นายเองก็ควรตัดสูทตัวใหม่ด้วยเหมือนกันนะเจสัน” คุณโรแลนหันมาบอกกับผม
“ครับ” ผมอมยิ้มแล้วพยักหน้ารับช้าๆ พร้อมกับเดินเข้าไปช่วยเลือกแบบผ้าและสีสำหรับจะใช้ตัดชุดให้คุณอินดี้
“ทำไม...อยู่ๆ คุณอัลเดรถึงรีบแต่งงานนักล่ะครับ ผมไม่เห็นเคยคุณอัลเดรพูดถึงคุณอลิเซียมาก่อนเลย” ผมเงยหน้าขึ้นไปถามสิ่งที่ติดอยู่ในใจจากคุณโรแลน
“เห็นว่าอลิเซียกำลังท้อง อัลเดรก็เลยอยากรีบแต่งงาน”
“.................” ผมยืนหายใจสะดุดปวดแปลบในใจเหมือนมีใครเอาเท้ามาขยี้ลงกลางอก ทั้งๆ ที่ความรู้สึกนั้นเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแต่สิ่งที่ผมสามารถแสดงออกถึงความเจ็บปวดได้คือการพยักหน้าแล้วฝืนยิ้มออกมาไปเท่านั้น
ผมเดินกลับมายังห้องนอนของตัวเอง พยายามสลัดภาพชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้มกับดวงตาเย็นชานั้นให้ออกไปจากหัว เงาสะท้อนของอดีตตลอดหลายสัปดาห์ที่คุณอัลเดรแอบลักลอบเข้ามาหาผมแล้วร่วมรักหลับนอนบนเตียงนอนหลังใหญ่ รวมถึงเสียงหอบหายใจยามเมื่อเขาเสร็จสมอารมณ์หมายยังดังแว่วอยู่ในหู
“รอฉันนะ”
คำสั่งที่เขาพูดเอาไว้ก่อนจะเดินจากผมไปในคืนวันนั้นเป็นเหมือนคำสาปจากเจ้านายอัลฟ่าที่ทำให้ผมไปไหนไม่ได้ทั้งตัวและหัวใจ ผมยกข้อมือของตัวเองขึ้นแล้วก้มลงมองดูสร้อยข้อมือเส้นบางสีเงินวิบวับที่คุณอัลเดรเป็นคนสวมมันลงมาให้ผม ก็เพียงแค่สร้อยข้อมือเส้นเล็กๆ แต่มันแน่นหนาเหลือเกินเพราะมันผูกมัดผมให้ยึดติดอยู่กับเจ้าของเหมือนที่คุณอัลเดรตั้งใจ ใช่แล้วมันล่ามหัวใจของผมเอาไว้ให้อยู่กับคำว่า รอ
“เพื่ออะไรกัน คุณทำแบบนี้กับผมเพื่ออะไรกัน”
ผมเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวบนเตียงนอนหนานุ่มอุ่นสบาย แต่ทว่าภายในใจของผมกับหนาวยะเยือก ฝ่ามือเล็กลูบไล้ไปกับผ้าปูเตียงอุ่นๆ เหมือนอยากดูดซับเอาไออุ่นของร่างหนาเมื่อครั้งเคยมีเขานอนกอดแนบข้างมาช่วยทำให้หัวใจของผมอุ่นสบายอีกครั้ง
“คุณอัลเดร”
ผมเผลอตัวหลับไปและรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อสัมผัสริมฝีปากอุ่นกับกลิ่นบุหรี่จางๆ จากลมหายใจของเจ้านายอัลฟ่าประกบบดคลึงลงมาหาหนักหน่วงเร่าร้อนรุนแรง
“คุณอัลเดร” ผมนอนตัวชาตั้งแต่หัวไปจนถึงปลายเท้าเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังนอนทับคร่อมตัวผมอยู่นั้นคือใคร
“นึกว่าลืมฉันแล้วซะอีก”
“คุณมาทำไม” ผมร้องถามออกไปทั้งหัวใจที่เจ็บปวด
“ฉันบอกนายแล้วนี่ว่าจะกลับมาหา”
“แต่...คุณกำลังจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ” ผมยกมือขึ้นมาดันแผงอกอุ่นร้อนนั้นให้ขยับถอยห่างออกไปจากตัว
“เจสัน นายอยากไปอยู่กับฉันมั้ย” คุณอัลเดรสบตากับผมนิ่งนาน ผมมองไม่ออกจริงๆ ว่าดวงตาคู่นี้กำลังต้องการจะสื่อสารอะไรออกมาเพราะมันเย็นชาและว่างเปล่าเหลือเกินสำหรับผม
“ไปอยู่กับคุณ อย่างนั้นเหรอ” ผมเหมือนถูกกระชากก้อนเนื้อตรงหน้าอกออกไปจากตัวทั้งที่มันยังเต้นตุ้บๆ อยู่ ผมทบทวนแปลความหมายรูปประโยคสั้นๆ จากคุณอัลเดรซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ใช่ ไปอยู่กับฉัน”
“แต่คุณกำลังจะแต่งงานกับคุณอลิเซีย....”
“เพราะอย่างนั้นไง ฉันถึงอยากให้นายไปอยู่ด้วย เพราะถ้าฉันแต่งงาน ฉันคงมาหานายที่นี่ลำบากขึ้น”
ผมคิดว่าผมได้คำตอบให้กับตัวเองแล้วว่าคุณอัลเดรทำแบบนี้กับผมเพื่ออะไร ผมเป็นเพียงเครื่องมือสนองอารมณ์ใคร่ยามเมื่อเขารู้สึกต้องการที่ระบายเท่านั้น ผมมีค่าเพียงแค่เท่านี้...ผมไม่ได้ใช้ความพยายามแม้แต่น้อยในการห้ามหยดน้ำสีใสให้มันไหลลงมาตามร่องแก้ม
“เจสันนายเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”
“ออกไป ออกไปจากห้องผมแล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก” ผมกัดฟันพูดด้วยหัวใจที่เจ็บปวด มือสองข้างซึ่งโอบกอดร่างหนาเอาไว้เมื่อครู่ถูกดึงกลับมา ผมพลิกตัวกลับแล้วกระโดดลงไปยืนอยู่ข้างเตียงนอน
“นี่นายไล่ฉันเหรอ”
“ใช่ ออกไป”
“เจสันนี่นาย...” คุณอัลเดรกระโดดลงมาจากเตียงพุ่งมาทางผม แต่ครั้งนี้ผมไวกว่า ผมเปิดลิ้นชักหัวเตียงคว้าปืนพกด้ามสีดำขลับขึ้นมาแล้วหันปลายกระบอกปืนจ่อลงตรงตำแหน่งหัวใจของผมที่มันกำลังเจ็บ....เจ็บเหลือเกิน...ผมเจ็บจริงๆ
“อย่าเข้ามา อย่าเอาสิทธิ์ความเป็นเจ้านาย ความเป็นเจ้าชีวิตมาทวงบุญคุณจากผมอีก ถ้าคุณอยากได้ชีวิตผม...ผมจะคืนให้เดี๋ยวนี้” ผมกดปลายนิ้วหัวแม่มือปลดเซฟปืนพร้อมเสมอหากเจ้านายตรงหน้าแค่เอ่ยปากอยากได้ชีวิตและลมหายใจจากผมคืนไป ผมยินดีเหนี่ยวไกปืนเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ความเจ็บปวดทุกอย่างที่ผมกำลังเผชิญอยู่ก็คงหมดไปและผมจะได้เป็นอิสระเสียที
“เจสันอย่าทำเรื่องโง่ๆ นะ” คุณอัลเดรยืนจ้องมองปืนในมือสลับไปมากับหน้าผม
“ออกไปซะ แล้วอย่ากลับมาที่อีก วันไหนที่คุณเหยียบเข้ามาในห้องนี้อีกหรือเมื่อไหร่ที่คุณข้ามเส้นความเป็นเจ้านายกับคนรับใช้ ผมสาบานตรงนี้ว่าผมจะไม่ทิ้งแม้แต่ลมหายใจเอาไว้คุณเห็น” ผมพูดออกไปทั้งน้ำตา
“นายคิดว่าตัวเองเป็นใครเจสัน คิดว่าชีวิตเบต้าไร้ค่าต่ำต้อยอย่างนาย มีสิทธิ์จะเอามาต่อรองกับฉันอย่างนั้นเหรอ”
“เพราะชีวิตของผมมันไร้ค่าใช่มั้ย เพราะว่าผมต่ำต้อยเกินไป คุณถึงเหยียบย่ำให้ผมจมอยู่ใต้ฝ่าเท้าของคุณตลอดเวลา” ผมกดปลายกระบอกปืนชิดลงมาแนบอกลงกว่าเดิม
“ฉันมาชวนนายดีๆ แล้ว หากไม่อยากไปก็เรื่องของนาย แล้วถ้าคิดอยากจะตาย อย่าให้เลือดสกปรกของนายทำให้พี่ชายฉันเดือดร้อน ไปตายที่อื่น”
ประตูห้องของผมถูกดีดให้ปิดลงพร้อมกับน้ำตาของผมที่ไหลลงมาเป็นสาย เข่าสองข้างทรุดลงไปกับพื้นปืนพกในมือร่วงตกหล่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ได้
ผมผิดเองที่ปล่อยให้ความอ่อนแอของหัวใจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในวันนี้ ผมควรสำนึกรู้ตัวเองเสมอว่าผมมีค่าเพียงแค่เศษขยะที่ไม่มีใครต้องการ ผมล้มตัวลงนอนไปกับพรมปูพื้นสีเข้มลูบฝ่ามือไปบนพื้นแล้วคิดถึงเจ้านายอัลฟ่าผู้แสนดี แล้วกลืนก้อนสะอื้นลงกลับลงไปในอก การตายของผมมันง่ายแค่ปลายนิ้วมือแต่จริงอย่างที่คุณอัลเดรบอก การตายของผมในอาณาจักรคุณโรแลนคงสร้างความวุ่นวายให้คุณโรแลนไม่น้อย คุณอินดี้เองก็กำลังตั้งท้องอ่อนๆ ไม่ควรมาเห็นหรือรับรู้เรื่องราวไร้สาระของชีวิตคนรับใช้ต่ำๆ อย่างผม