มหกรรมทำความเร็วเกิดขึ้นภายในบ้านพักนายแบบหนุ่มเพียงไม่ถึง 10 นาที กับการอาบน้ำแต่งตัว แล้วรีบวิ่งลงมาจากชั้นบนบ้านเพื่อรีบขึ้นรถไปทำงานพร้อมกับนะ โดยที่เขาไม่ลืมหยิบแอปเปิลและนมสดที่ผู้จัดการหนุ่มเตรียมไว้ให้ทานแทนอาหารเช้าในช่วงเวลาเร่งรีบแบบนี้
"นะพร้อมยัง!?" เขาร้องเรียกผู้จัดการหนุ่มด้านนอกประตูรั้วบ้าน
"เรากำลังไปวา..." เมื่อทั้งสองคนมาพร้อมที่รถ
"นะวันนี้วาขอขับเองได้มั๊ย กลัวไปไม่ทันงานน่ะ..."
"จะดีหรอ?!"
"ดีสิ ให้วาขับเองนะตอนนี้เหลือเวลาแค่ 20 นาทีเอง" คนหน้าหวานออดอ้อนเพื่อให้ผู้จัดการเพื่อนสนิทคล้อยตาม
"ถ้างั้นก็ตามใจแล้วกัน ขับดีๆ นะ ไม่ต้องขับเร็วมากนะวา"
"รู้แล้วน่า...”
ด้วยความรีบทำให้วาขับรถเร็วพอสมควร เมื่อเข้าสู่ถนนใหญ่บวกกับความโล่งของถนน ความเร็วของรถยนต์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จนมาถึงปากทางเข้าไปยังสถานที่ถ่ายงานของเขา
"เดี๋ยวนะ งานอะไรหรอนะทำไมเป็นสถานที่ราชการล่ะ?" เขารู้สึกแปลกใจที่ต้องเลี้ยวรถเข้ายังกระทรวงใหญ่แห่งหนึ่งตามพิกัดตำแหน่งที่นะยื่นให้
"เป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์การเลือกตั้ง ที่กำลังจะมีขึ้นเร็วๆ นี้น่ะ วารับงานเยอะเลยลืมใช่ป้ะล่ะ?"
"อ๋อ วาคงลืมเองแหละนะ รับปากท่านรัฐมนตรีเอาไว้ตั้งนาน ฮ่าๆ" ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกันเรื่องงานอยู่นั้น….
"วาระวัง!!"
"ไม่!!..."
เอี๊ยด!!!.....
นายแบบหนุ่มเหยียบเบรคตัวโก่ง ส่งผลให้หน้าผากเขาชนเข้ากับกระจกหน้ารถเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้เกิดรอยแดงขึ้นบริเวณหน้าผากของวาจนเห็นได้ชัด
"วาเป็นอะไรมั๊ย!?"
"มะ...ไม่ แต่คนด้านหน้ารถของเรา…”
สิ่งที่ทั้งคู่เป็นห่วงที่สุดคือบุคคลที่อยู่ด้านหน้ารถเก๋งของเขา ทั้งคู่ดูตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถไปช่วยบุคคลบริเวณหน้ารถทันที
สภาพที่เห็นคือแฟ้มเอกสารกระจัดกระจายเกลื่อนบริเวณหน้ารถ โดยมีชายในชุดสีกากีนอนสลบอยู่
"คุณครับ! คุณครับ! ได้ยินผมมั๊ยครับ" เขาพยายามประคองชายหนุ่มให้พิงบนตัก จากนั้นก็เรียกสติชายเคราะห์ร้ายกลับไม่มีการตอบสนองจากชายในชุดกากี
"นะเขามีเลือดออกที่หัวด้วย ทำไงดี วาทำอะไรไม่ถูกแล้วนะ!" เวลา ณ ขณะนั้นไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นเลย ซึ่งทั้งคู่ดูตกใจไม่หาย นายแบบหนุ่มพยายามเรียกชายบนตักตลอดเวลา
"วานะว่าเราพาเขาไปโรงพยาบาลเถอะ เดี๋ยวนะอุ้มเขาเอง"
"เดี๋ยววาขึ้นไปช่วยบนรถ..."
ผู้จัดการหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ เมื่อทั้งคู่ช่วยกันนำชายเคราะห์ร้ายขึ้นรถเรียบร้อย โดยศีรษะชายหนุ่มนอนหนุนตักของวา นะรีบออกรถขับไปโรงพยาบาลทันที โดยที่ไม่ลืมฝากแฟ้มเอกสารไว้กับรปภ.ด้านหน้าประตูใหญ่
เมื่อถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาช่วยนำร่างข้าราชการหนุ่มไปยังห้องฉุกเฉินทันที...
"คุณหมอช่วยเขาด้วยนะครับ อย่าให้เขาเป็นอะไรนะครับ!" นายแบบหนุ่มรู้สึกร้อนรนกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนพูดติดๆ ขัดๆ แทบจะไม่รู้เรื่อง
"ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ" ทันทีที่เจ้าหน้าที่พยาบาลเข็นเตียงคนไข้เข้าห้องฉุกเฉิน โดยมีหมอซึ่งทำหน้าที่รักษาตอบรับนายแบบหนุ่มก่อนจะเดินตามเข้าไป…
"มันเป็นอุบัติเหตุ เราไม่ได้ตั้งใจชนเขานะวา ว่าไม่ต้องคิดมากนะ" นะกล่าวปลอบใจนายแบบหนุ่ม เมื่อเห็นเขามีสีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด
"วากลัว ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาแล้วจะทำยังไง?"
"อย่าคิดมากเลยนะ มานั่งก่อนเถอะวา"
"นะ!! วาลืมโทรไปบอกเจ้าหน้าที่ที่นั่นเลย ว่าเราไปถ่ายงานไม่ได้แล้ว"
"จริงซิ เดี๋ยวนะโทรบอกเขาก่อนดีกว่า" หลังจากที่เขารับคำจากวาจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อหน่วยงานดังกล่าวทันที
"สวัสดีครับ ขอเรียนสายคุณสุรีย์ครับ"
"สุรีย์กำลังพูดสายอยู่ค่ะ ไม่ทราบจากไหนคะ?"
"ผมนที ผู้จัดการส่วนตัวของคุณวา วายุครับ"
"ค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าคะ ทีมงานของเราพร้อมแล้วค่ะคุณนะ"
"คือผมจะโทรมาบอกว่า ผมกับคุณวาคงไปถ่ายงานไม่ทันแล้วครับเกิดอุบัติเหตุขึ้นตอนจะเลี้ยวเข้าตึกหน้ากระทรวงครับ!"
"มีใครเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ" คุณสุรีย์ยิงคำถามคนต้นสายด้วยความเป็นห่วง
"ผมสองคนไม่เป็นอะไรครับ แต่รถผมชนเจ้าหน้าที่คนหนึ่งครับ ตอนนี้กำลังรักษาพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วครับ"
"โรงพยาบาลอะไรคะ เดี๋ยวดิฉันจะรีบไปค่ะ"
“โรงพยาบาล...” เมื่อผู้จัดการหนุ่มกดวางสาย ทางนายแบบหนุ่มก็ถามขึ้นทันที
"เขาว่ายังไงบ้างครับนะ"
"เขากำลังมาครับ"
"จะทำยังไงดีหมอก็ยังไม่ออกมาเลย ตอนนี้วารู้สึกไม่สบายใจเลยอ่ะนะ"
"เขาต้องไม่เป็นอะไร อย่าคิดมากสิครับ"
"เราจะพยายามนะ"
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปก็ยังไม่มีสัญญาณใดๆ จากห้องฉุกเฉิน ซึ่งทำให้คนทั้งสามคนเป็นกังวลใจมาก
"คุณสุรีย์ครับ วาไม่ได้ตั้งใจนะครับ วาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ..."
"เขาต้องไม่เป็นอะไรค่ะ ถ้าเป็นอย่างที่คุณวาเล่ามา นั่นก็แปลว่าหลังจากที่น้องธีร์มารับเอกสารจากโต๊ะทำงานของดิฉันเพื่อจะไปส่งอีกตึกหนึ่งแน่เลยค่ะ" เมื่อนายแบบหนุ่มได้ยินชายเคราะห์ร้ายนั้นก็หลุดปากเรียกชื่อชายหนุ่มออกมา
"ธีร์!"
"ใช่ค่ะน้อง 'ธีร์ ณธีร์ วีระโชติ' ข้าราชการหนุ่มรุ่นใหม่ผู้มีอนาคตไกล เขาเพิ่งได้รับการบรรจุปลายปีที่แล้วค่ะ เขามีผลงานมากมายทั้งภายในและภายนอกองค์กร รวมถึงเขายังได้รับเลือกเป็นข้าราชการดีเด่นขององค์กรอีกด้วยค่ะซึ่งอายุของเขาก็ไม่ได้มากอะไร เขาเป็นคนดี เรียบง่าย เป็นคนตรงไปตรงมา มีผลงานเป็นรูปธรรม ที่สำคัญเขาเป็นลูกกตัญญู ดูแลแม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งจนกระทั่งวาระสุดท้ายค่ะ ความกตัญญูของเขาจึงได้รับการยอมรับจากทุกคนในองค์กรมาโดยตลอดค่ะ"
เมื่อข้าราชการระดับซีหกกล่าวถึงตรงนี้ทำให้นายแบบหนุ่มนึกถึงหน้าของคนในอ้อมแขนของเขาเมื่อชั่วโมงก่อน ใบหน้าขาวๆ ของข้าราชการหนุ่มที่ชื่อธีร์คนนั้น ทำให้เขารู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงหน้าของอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก ไม่วายที่วาจะคิดมาก หากเขาเป็นอะไรขึ้นมาจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อีก เขาจะทำอย่างไร ความรู้สึกผิด ความรู้สึกโทษตัวเองบวกกับความไม่สบายใจ ถาโถมใส่จิตใจของเขาตลอดเวลา ขณะเดียวกันหมอที่ตรวจธีร์ในห้องฉุกเฉินก็ยังไม่ออกมาแจ้งผลใดๆ
ระหว่างนั้นประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก
"คุณหมอคะ เขาเป็นอย่างไรบ้างคะ"
"คุณเป็นอะไรกับผู้ป่วยครับ"
"ดิฉันเป็นหัวหน้างานเขาค่ะ"
"ครับ ผู้ป่วยยังไม่ได้สตินะครับ อาจจะมีผลจากที่ศีรษะกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ทำให้หมดสติไป ไม่สามารถหายใจได้เอง สัญญาณชีพเป็นปกติ เพียงแค่รอให้เขาฟื้นเท่านั้นเองครับเดี๋ยวผมจะย้ายเขาไปยังห้องพิเศษนะครับ"
"ขอบคุณค่ะคุณหมอ"
"ด้วยความยินดีครับ"
"เขาจะไม่เป็นอะไรมากใช่มั๊ยครับคุณหมอ"
"ครับ คุณวางใจได้ เขาจะปลอบภัยครับ" เมื่อนายแบบหนุ่มได้ยินคำยืนยันอย่างนั้นก็ทำให้เขายิ้มได้และสบายใจขึ้นจากความรู้สึกกังวลใจ
"คุณหมอคะ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมด ผมจะเป็นคนจัดการเองครับ"
"ครับคุณไปติดต่อฝ่ายการเงินของโรงพยาบาลได้เลยครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ"
"ขอบคุณมากค่ะ / ขอบคุณครับคุณหมอ" คนทั้งสามกล่าวขอบคุณเกือบพร้อมกันด้วยความดีใจ
ธีร์ถูกย้ายมายังห้องพิเศษตามคำสั่งแพทย์โดยมีพยาบาลมาตรวงวัดชีพจรและการเต้นของหัวใจเป็นระยะ
"ดิฉันบอกคุณแล้วว่าคุณธีร์ต้องไม่เป็นอะไร"
"ครับ วาเองก็รู้สึกดีใจมากเหมือนกันครับที่คุณเขาปลอดภัย"
"นี่นับว่าเป็นโชคดีของเขานะคะ ที่ได้นายแบบหนุ่มหน้าหวานระดับประเทศเป็นเจ้าของไข้น่ะค่ะ"
"ไม่ใช่หรอกครับ ถ้าวาไม่ประมาทคงไม่ขับรถชนเขาหรอกครับคุณสุรีย์" วากล่าวด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"อย่ากังวลไปเลยค่ะ ตอนนี้เขาก็ปลอดภัยดีแล้ว" ขณะที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่ มือถือคุณสุรีย์ก็มีสายเข้า
"สวัสดีค่ะท่านรอง… ค่ะ… ค่ะ… ได้ค่ะ ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ… ค่ะ... สวัสดีค่ะท่าน"
"คุณวาคะ เดี๋ยวดิฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ พอดีว่าช่วงบ่ายนี้มีประชุมค่ะ ถ้ายังไงดิฉันจะติดต่อญาติคุณธีร์มาดูแลต่อนะคะ คุณรีบไปทำงานต่อหรือเปล่าคะ"
"ได้ครับเดี๋ยววาอยู่เป็นเพื่อนเขาเองครับ ยังไงก็มีผู้จัดการอยู่ด้วยเราช่วยกันดูแลได้ครับ ถ้าญาติเขามาได้ก็เป็นการดีครับ"
"ขอบคุณนะคะคุณวา จะรีบติดต่อญาติเขาให้ค่ะ น่ารักแล้วยังใจดีอีกน่ายกย่องค่ะ"
"ขอบคุณครับ สวัสดีครับ"
"สวัสดีค่ะ"
เมื่อข้าราชการซีหกออกจากห้องไป บรรยากาศในห้องก็เงียบลงอย่างเห็นได้ชัด วาค่อยๆ ลุกจากโซฟาเดินไปยังเตียงผู้ป่วย ซึ่งมีชายเคราะห์ร้ายที่ถูกรถยนต์ของเขาชนนอนหมดสติอยู่ เขาเดินเข้าไปใกล้ยืนมองใบหน้าชายหนุ่มเนิ่นนาน
"วาขอโทษนะครับคุณธีร์ ที่ทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้… ตื่นขึ้นมาเถอะนะครับ ให้วาได้ขอโทษคุณ" น้ำตาแห่งความเสียใจเอ่อล้นออกจากดวงตาคู่สวยไหลเป็นทางอาบสองแก้มอย่างไม่ตั้งใจ สักพักก็มีมือหนึ่งยื่นกระดาษทิชชูให้เขา
"ขอบใจนะนะ" เขารับกระดาษนั้นมาค่อยๆ ซับน้ำตาที่ยังรินไหลไม่หยุด
"อย่าคิดมากเลยครับวา เขาไม่เป็นอะไรแล้วครับ"
นทีกล่าวปลอบนายแบบหนุ่มด้วยความรู้สึกหดหู่เพราะเขาไม่เคยเห็นวาร้องไห้ให้ใครมาก่อน ยิ่งนึกถึงตอนที่คุณสุรีย์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มข้าราชการคนนี้ให้พวกเขาฟัง ทำให้วามีรอยยิ้มมุมปากอย่างคนสุขใจมันเป็นรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความพึงพอใจ รู้สึกชอบ รู้สึกดีกับชายหนุ่มที่ยังไม่ได้สติ จากความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้ยิ่งทำให้เขาเริ่มกลัว กลัวที่จะต้องเสียวาไป ถึงแม้เขาจะคิดเสมอว่าการได้เห็นคนที่เขารักมีความสุขทำให้เขามีความสุขด้วยมันก็จริง แต่หากต้องเสียวาไปอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา เขาจะทำอย่างไร
"นะ… นะ… นะได้ยินวามั๊ยครับ” เสียงเรียกของเขาช่วยดึงผู้จัดการหนุ่มออกจากภวังค์โดยไม่ทันตั้งตัว
"ครับ ครับ ครับ"
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ยืนใจลอยอยู่ตั้งนานสองนาน"
"เปล่า แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนิดหน่อยครับ"
"จ้า ขนาดนิดหน่อยนะเนี่ย หน้าดูเครียดๆ ไปนะ จะถามว่าช่วงบ่ายนี้วามีงานที่ไหนมั๊ยครับ"
"บ่ายนี้...ไม่มีนะครับ"
"ดีเลย ถ้าอย่างนั้นวาขอเฝ้าคุณธีร์ละกัน จนกว่าญาติเขาจะมาโอเคนะครับ"
"ครับวา ถ้างั้นเดี๋ยวนะขอตัวไปเคลียร์งานที่ค้างไว้นะครับ อยู่ได้มั๊ย"
"ได้ครับ ขับรถไปก็ได้นะเดี๋ยววากลับรถไฟฟ้าเอง"
"ไม่เป็นไร นะไปแท็กซี่สะดวกกว่า วาจะได้ไม่ลำบากตอนกลับไง"
"โอเคตามใจ ขอบใจนะมากนะ"
เมื่อผู้จัดการหนุ่มขอตัวกลับบ้านเพื่อไปเคลียร์งาน ทำให้ตอนนี้ในห้องผู้ป่วยพิเศษเหลือเพียงนายแบบหนุ่มที่นั่งเฝ้าชายหนุ่มที่หมดสติสองคนเท่านั้น ในใจของวาเหมือนรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เขาไม่ลืมที่จะสวดขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขานับถือให้ช่วยชายหนุ่มอย่างธีร์ฟื้นคืนสติได้โดยเร็ว