เวลาต่อมา
ไม่นานกรก็ขับรถมาถึงร้านกาแฟที่ คีตะนั่งรออยู่
“ว่าไงครับเพื่อน ไอ้หน้าหล่อ มึงมีอะไรจะคุยกับกู โว้ย โว้ย นาน นานที จะโทรหาเพื่อน?”
กรเอ่ยติดตลก พลางยิ้มกว้าง คีตะนั่งพิงเก้าอี้ ดวงตาจริงจัง
“คลับหรูที่พี่ช่อตาลเป็นผู้จัดการ เจ้าของคือเฮียวาคิน ใช่ไหมวะ?”
กรมองหน้าเพื่อน แล้วยิ้มแห้ง
“ทำไมวะ! สนใจแล้วดิ มึงนี่หยิ่งในศักดิ์ศรีจริงๆ นะไอ้คีย์ยุคนี้สมัยนี้หล่อๆ อย่างมึงแค่ยืนเฉยๆ คืนละห้าหมื่นเลยนะเว้ย”
คีตะเผลอพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด เพราะเขาเพิ่งไปนอนกับผู้หญิงคนหนึ่งมา เมื่อคืนเธอจ่ายให้แสนห้า
“แต่ถ้าไปกับแขก ก็แสนห้าใช่ไหม?”
กรทำตาโตอึ้งเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน
“เอ้ย!? มึงไปรู้ราคามาจากไหนวะ!”
คีตะชะงัก ก่อนเปลี่ยนเรื่องทันที
“เปล่า… กูแค่ต้องการเงินผ่าตัดหัวใจสานฝัน เลยสับสนไปหน่อย”
กรเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ไอ้คีย์… มึงเอ่ยปากขอยืมกูสักคำสิ กูหาให้มึงได้นะเว้ย เป็นล้านกูก็ให้มึงยืมได้ มึงเป็นเหี้ยอะไรกับศักดิ์ศรีของมึงมากนักวะ”
คีตะมองเพื่อนแววตาขอใจ
“ไม่หรอก… กูหาเงินรักษาน้องกูเอง มึงไม่ต้องห่วง”
กรพยักหน้าเบาๆ ยอมรับการตัดสินใจของเพื่อน
“เห้อ! เอางี้ กูขอช่วยมึงสักครั้งได้ไหม? ขอเถอะเพื่อน… พี่สาวกูเธอเป็นหมอรักษาโรคหัวใจแบบน้องโดยตรงอ่ะ เธอเก่งด้านนี้นะ กูจะคุยกับเธอให้ ว่าแต่น้องมึงผ่าตัดวันไหนวะ?”
คีตะหน้าตาเครียดหนัก
“อีกสามวัน…”
กรตาโตแทบตกใจ
“ห๊า!? สามวันตอนนี้พี่สาวกูหนีออกจากบ้านว่ะ เอ่อก็ไม่เชิงหนีออกจากบ้าน เธอไปไหนไม่บอกใครเลย กูโทรก็ไม่รับ”
คีตะก้มหน้ามองกาแฟตรงหน้า พึมพำเบาๆ แต่แววตายังคงสงสัย
“ทำไมพี่มึงถึงหนีไปทะเลแบบนั้นละ…”
กรหรี่ตามองเพื่อนเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“มึงรู้ได้ไงว่าเธอไปทะเล?”
น้ำเสียงของเขาไม่ได้ก้าวร้าว แต่แฝงความประหลาดใจเล็กๆ
คีตะชะงักไป ยกขาที่ไขว่ห้างลง แลบลิ้นแตะริมฝีปาก เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เอ่อ... กู… แค่สันนิษฐานไง พ่อมึงทำธุระกิจอสังหาริมทรัพย์แบบนั้น ยังไงก็ต้องมีบ้านพักตากอากาศบ้างแหละวะ”
กรหัวเราะเบาๆ ก่อนเอนตัวไปพิงเก้าอี้ ดวงตาเป็นประกายหยอกล้อ แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ
“มีดิ ไม่แน่เธออาจจะไปที่นั้นก็ได้ว่ะ พี่กูชอบความสงบ แต่พี่กูโคตรแรงนะเว้ย… เธอดื้อนิดๆ แต่ใจดี นิสัยดีว่ะ”
เขาพูดพร้อมยิ้มมุมปาก สายตาส่องไปไกลราวกับกำลังคิดถึงพี่สาว
กรเล่าต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น
“เธอกำลังจะหมั้น บางทีกูก็ส่งสารเธอเม้งพ่อบังคับให้แต่งงานเพื่อธุรกิจ… แต่ยังดีนะ เธอเหมือนจะชอบพอกับแฟนหนุ่มของเธออยู่ แต่เธอยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้แค่นั้น”
ความห่วงใยและความเอาใจใส่ ปรากฏชัดเจนในน้ำเสียงของเขา
คีตะฟังด้วยความสนใจ สายตาจับจ้องเพื่อนเต็มไปด้วยความเข้าใจและความขอบคุณ
“อืม… ก็ยังดีที่เธอมีความสุข แล้วเธอไม่ได้ถูกบังคับมากเกินไป”
คีตะหลับตาลงแน่น ริมฝีปากขบแน่นเล็กน้อย
ในความคิดเขายังวนเวียนไปด้วยความแค้นและความไม่พอใจ
รักกันดี… แต่ปล่อยให้คู่หมั้นไปนอนกับชายอื่น พี่สาวมึงต้องแรงขนาดไหนวะกร
สายตาที่ปิดอยู่เต็มไปด้วยความคิดซับซ้อน ทั้งความโกรธ ความห่วงใย และความสับสนใจตัวเอง เขาพยายามตั้งสติและหาทางออก แต่หัวใจกลับเต้นแรงด้วยความแปลกใจเหมือนคิดถึงเธอ
กรยิ้มบางๆ มองคีตะ
“ใช่… ก็เห็นสนิทสนมกันดีแหละ แต่เธอแค่ยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้เอง”
เขาพูดด้วยความสบายใจ ดวงตาเป็นประกายอ่อนโยน ความเป็นห่วงเพื่อนยังคงอยู่
คีตะพยักหน้าเบาๆ ลมหายใจลึก
“เข้าใจละ… ขอบใจมากนะเว้ย กร”
ในใจเขาเต็มไปด้วยความขอบคุณ และแรงใจที่จะสู้เพื่อสานฝันน้องสาว
คีตะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย สายตาหลุบต่ำ ไม่ได้สบตากรตรงๆ
เขายกแก้วกาแฟขึ้นดูดเบาๆ ก่อนส่ายหน้าเหมือนกำลังไล่ความคิดบางอย่างออกไป
กรบังเอิญเหลือบไปเห็นจุดช้ำ บนคอของเพื่อน ดวงตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คีย์… คอมึงไปโดดใครดูดมาว่ะ!? โห แบบนี้ผู้หญิงคงแซบมากเลยนะ ไปเปิดโสดกับใครมาว่ะ?”
คีตะชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แน่วแน่
“เรื่องของกู…”
คำตอบสั้นๆ นั้นชัดเจนว่า เขาไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวายเรื่องส่วนตัว แต่ก็แฝงไปด้วยความหนักแน่น เหมือนบอกให้กรรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเขตแดนของเขาเอง
กรยิ้มกว้างก่อนเปลี่ยนเรื่อง
“เอ่อ… ไม่เสือกก็ได้ว่ะ สรุปคืนนี้จะไปทำงานที่คลับกับพี่ช่อตาลใช่ไหม กูจะได้โทรบอกพี่เขา เขาตามตื้อกูไม่เลิกสมใจพี่เขาสักที”
คีตะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเบาๆ
“ใช่…คืนนี้ไปทำงานที่คลับกับพี่ช่อตาล”
คีตะยกคิ้วมองกรอย่างนิ่งจัง
“กูยื่นคำขาดแล้วเว้ย กูไปแค่ครั้งเดียว แล้วจะไม่มีการไปทำงานที่นั่นอีกเป็นครั้งที่สอง แล้วบอกพี่เขาด้วยว่า… กูเชียร์แค่จุดขายในคลับ กูไม่เชียร์แขก”
กรหันขวับ ใบหน้าส่องประกายหยอกล้อ
“ฮ่าๆ ทำไมมึงเล่นตัวจังวะ กูต้องบอกพี่ช่อตาลแบบนี้เลยเหรอ ว่ามึงไม่ไปกับแขกเด็ดขาด?”
คีตะหัวเราะเบาๆ แต่ดวงตายังคงจริงจัง
“เออ… ต้องบอกแบบนั้นแหละ เพื่อความชัดเจน กูไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด"
กรพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ยังอดหยอกไม่ได้
“โห… เพื่อนกูเนี่ย นอกจากจะหล่อแล้ว ยังมีสัจจะกับตัวเองสูงอีกต่างหากนะเนี่ย”
คีตะแค่ยักไหล่ สายตาหยุดอยู่ที่แก้วกาแฟ
“กูทำเพื่อสิ่งสำคัญ กูไม่สนเรื่องอื่น”