คีตะยิ้มบางๆ ในใจ แม้จะมาจากบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้า แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้อง 'ขายตัว' เพื่อแลกเงินแน่นอน
ก่อนจะเบือนหน้าหันไปจ้องระบบ เครื่องยนต์ที่ยังคงดับสนิทอยู่ใต้ฝา กระโปรง
“เอ่อ... จากที่เห็น ระบบน้ำมันน่าจะมีปัญหาครับ อาจจะเป็นหัวฉีดหรือปั๊มแรงดัน ต้องตรวจเช็กอย่างละเอียดหน่อย”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ พร้อมหยิบเครื่องมือออกมาเตรียมซ่อม
อลินายิ้มอ่อนลง พลางยื่นมือออกมาอย่างสุภาพ
“ฉันชื่อ อลินา เรียกฉันว่า ‘แอล’ ก็ได้ค่ะ”
เธอเสริมด้วยน้ำเสียงแซ่บๆ แบบแอบหยอก
“แต่ก็อย่าลืมนะ ว่าฉันอายุมากกว่านายตั้ง 4 ปี เป็นพี่นายแล้วนะ”
คีตะเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มที่มีแววหยอกล้อกลับมา
“รับทราบครับ พี่แอล”
ไม่นานนัก คีตะก็จัดการซ่อมเครื่องยนต์เรียบร้อย
เขาปิดฝากระโปรงรถ ก่อนหันมาบอกเสียงสุภาพ
“พี่ครับเดี๋ยวผมขอสตาร์ตรถดูนะครับ”
“ตามสบายเลย”
อลินาตอบทันที ทว่า...สายตาของเธอกลับไม่ละไปจากเขาแม้แต่วินาทีเดียว
คีตะก้าวขึ้นนั่งหลังพวงมาลัย เปิดประตูฝั่งคนขับอย่างคล่องแคล่ว
แต่นั่นเอง...
เขาเหลือบไปเห็น 'การ์ดงานหมั้น' ที่วางอยู่บนเบาะผู้โดยสาร
กระดาษแข็งพิมพ์ลายหรูหรา สีขาวทอง มีชื่อคู่หมั้นอย่างชัดเจน
“คุณอลินา กรระวิทย์ & คุณคีรณัฐ อนันต์วานิช”
คิ้วของเขาขมวดทันที ริมฝีปากขบแน่น ก่อนจะสบถในใจอย่างเกรี้ยวกราด
"พี่ณัฐ..."
แววตาที่นิ่งสงบเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นเข้มข้นร้อนระอุ
เมื่อ 12 ปีก่อน
เสียงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ถูกโยนออกมาจากหน้าประตูคฤหาสน์ดัง
“ตุบ!”
ตามมาด้วยร่างของหญิงสาวและเด็กชายวัย 10 ขวบที่ล้มลงข้างกันอย่างแรง เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกน้อยในท้องอายุครรภ์ เพียงแค่สองเดือน
“อย่าให้ฉันเห็นหน้าพวกแกในบ้านหลังนี้อีก!”
เสียงแหลมของหญิงวัยกลางคนตะโกนลั่น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยโทสะ
ชายชุดดำสองคน คนขับรถของบ้าน ยืนมองด้วยสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งของ 'คุณหญิงสุภาวดี' ภรรยาในทะเบียนสมรสของเจ้าสัวภิวัฒน์
“กลับไปที่ของแกซะ มาริกา! ลูกชู้ไม่มีวันเป็นอนันต์วานิชได้หรอก!”
มาริกาแม่ของคีตะ กอดลูกแน่นทั้งน้ำตา ขณะเด็กชายคีตะได้แต่มอง ประตูบานใหญ่ของบ้านที่เขาเคยเรียกว่า 'บ้านของเรา' ค่อยๆ ปิดลงอย่างเย็นชา
ย้อนกลับปัจจุบัน
คีตะกลืนน้ำลาย ฝ่ามือกำแน่น เขาไม่ได้โกรธเพียงเพราะชื่อบนการ์ดหมั้น... แต่เพราะผู้หญิงตรงหน้าเขา ผู้หญิงที่เขาเริ่มรู้สึกบางอย่าง ดันเป็น 'ว่าที่สะใภ้' ของตระกูลที่เคยโยนเขา กับแม่ออกมาจากชีวิตอย่างไร้ความเมตตา
"ตลกร้ายชะมัด... จะหนีไปไหนก็หนีไม่พ้นมันจริงๆ"
จากนั้งเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นอย่างนุ่มนวล แต่ชัดเจน
บรื้น...!!
อลินาหันควับกลับไปมองทันที มุมปากยกขึ้นอย่างประทับใจ ไม่ใช่แค่เพราะรถสตาร์ตติด... แต่เพราะคนที่ซ่อมมันต่างหาก
“หล่อก็หล่อ... เก่งก็เก่ง...”
เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ พลางมองชายหนุ่มในชุดช่างที่ก้าวลงจากรถด้วยท่าทีสบายๆ
คีตะเดินกลับมาหาเธอ หยุดยืนตรงหน้าในระยะพอดี ไม่ใกล้เกิน ไม่ไกลเกิน แต่คำถามที่เขาพูดออกมากลับทำให้อลินา... แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“ถ้าผมจะไปนอนด้วยจริง ๆ... พี่จะให้เท่าไหร่ครับ?”
เธอเบิกตากว้าง ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ด้วยความคาดไม่ถึง จากนั้นก้าวเข้าไปใกล้ เข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบจะชนกัน
มือเรียวของเธอกระชับคอเสื้อช่างของเขาเบาๆ
ก่อนจะโน้มตัวกระซิบข้างหู... เสียงต่ำ เย้ายวน แต่มั่นใจ
“ก็... แล้วแต่ลีลาของนายแล้วกัน”
คีตะชะงักเล็กน้อย ดวงตาคมกริบสบสายตาเธออย่างลึกซึ้งและหยั่งเชิง... แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เขาหันหลัง แล้วก้าวขึ้นรถของเธอ อย่าง... ไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ตลอดทางที่รถแล่นมุ่งหน้า สู่บ้านพักตากอากาศริมทะเลของเธอ อลินานั่งเงียบอยู่ในที่นั่งคนขับ ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
แสงเย็นของดวงอาทิตย์สาดผ่านกระจกหน้ารถ
ทาบลงบนใบหน้าที่เรียบเฉย...แต่ภายในใจ กลับเหมือนคลื่นทะเลยามพายุ
“เหนื่อย...จริงๆ เหนื่อย”
เธอคิดในใจอย่างเงียบๆ ขณะมองออกไปยังทิวต้นสนริมทาง
“ในเมื่อคนที่เรารักและไว้ใจที่สุด กลับเป็นคนที่หักหลังเราได้ลงคอ
แล้วเราจะต้อง ‘ซื่อสัตย์’ กับเขาไปเพื่ออะไร...?”
เธอหลับตาลงชั่ววินาที ก่อนเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างแน่วแน่กว่าเดิม
“สิ่งที่ฉันเคยหวงแหน... สิ่งที่ฉันเคยคิดว่าจะ ‘มอบให้เขาเป็นคนแรก’ ในคืนหลังงานหมั้น มันก็แค่ความคิดโง่ๆ ที่ไม่มีค่าอะไรเลย”
ริมฝีปากของเธอเม้มแน่น เธอหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งเบาะข้างคนขับเงียบๆ ข้างตัวเด็กช่างจากอู่เล็กๆ ที่เธอเพิ่งรู้จักไม่ถึงครึ่งวัน แต่กลับมีบางอย่าง... ที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด
“เพราะฉะนั้น...
ถ้าฉันจะมองใคร คิดอะไร หรือเลือกจะ ‘ให้’ อะไรกับใครอีก มันก็ต้องเป็นเรื่องของฉัน...คนเดียว”
ตลอดทางคีตะนั่งมองทางเงียบๆ ไม่หันมามองคนข้างกายเลยแม้แต่น้อย
แววตาแน่นิ่ง ด้วยแรงกดที่สม่ำเสมอ แต่ในใจของเขากลับสับสน... อัดแน่นด้วยความคิดที่ซ่อนอยู่หลังสีหน้าเรียบเฉย
“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ...”
“ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนี้...”
เขาพูดกับตัวเองในใจซ้ำๆ
“ผมก็แค่... กำลัง ‘สนอง’ ความต้องการของผู้หญิงของพี่ชายตัวเอง แล้วพี่จะมาว่าผมทีหลังไม่ได้
ก็ในเมื่อเธอ...เป็นคนเสนอเอง”
กรามของคีตะขบแน่นอย่างควบคุมไม่อยู่ ความทรงจำในอดีตผุดขึ้นมาพร้อมชื่อที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต “สุภาวดี”
“ต่อให้เป็นเดนของพี่... ผมก็ไม่ติด ต่อให้ผู้หญิงข้างๆ นี้จะเป็น... ‘คนแรก’ ของผม
ผมก็จะไม่เสียใจ”
เขากำลังผลักตัวเองให้เดินไป ในเส้นทางที่แสนเย็นชา แม้จะรู้สึกบางอย่างในใจลึกๆ แต่เขาก็เลือกที่จะ “ไม่ฟัง” มัน