“ขอให้ลูกจำไว้นะว่าพ่อรักลูกที่สุด” ชัชวาลย์กล่าวเสียงสั่น เขาคงต้องสูญเสียบุตรชายไปจริงๆ แล้ว แต่เพื่ออนาคตของบุตรชาย เขาจะต้องยอมรับมันให้ได้
“พ่อโกหก ถ้าพ่อรักผมพ่อคงจะไม่มีครอบครัวใหม่หรอก” เด็กน้อยมองไปที่บิดาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ไปกันเถอะลูก เดี๋ยวเรื่องที่ฉันรับปากแกไว้ฉันจะจัดการให้นะ” เอื้อมเดือนหันมากล่าวกับหลานชายด้วยความอ่อนโยน แต่พอหันมากล่าวกับชัชวาลย์เท่านั้น น้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นแข็งกระด้างทันที
“ผมไม่ต้องการสิ่งที่คุณจะให้ครับ” ชัชวาลย์ยืนกรานเสียงแข็ง
“ยังไงก็รับไปเถอะ เพราะฉันไม่เคยผิดคำพูดกับใคร” เมื่อกล่าวจบเอื้อมเดือนก็จูงมือเด็กชายออกไปจากบ้านโกโรโกโสทันที เมื่อร่างของบุตรชายออกไปพ้นบ้าน น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลพรากออกมาทันที ชาตินี้เขาไม่รู้ว่าเขาจะได้เจอหน้าบุตรชายอีกหรือเปล่า แต่ไม่ว่าอย่างไร ทางที่เขาเลือกนั้นน่าจะดีกับบุตรชายที่สุดแล้ว แม้ว่าจะต้องแลกกับการที่บุตรชายจะเข้าใจผิดเขาไปตลอดกาลก็ตาม
ความทรงจำที่ผุดขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้มันกำลังทำให้ชวกรรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ที่บิดาเคยบอกเขาเมื่อตอนเด็กว่าจะไปมีครอบครัวใหม่ จากรูปถ่ายที่เขาเห็นมันก็ไม่ผิดคำพูดของบิดาเลยสักนิด ในขณะที่เขาต้องทุกข์ใจอย่างมากกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ แต่บิดาของเขากลับมีความสุขกับครอบครัวใหม่ มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลย
ถึงเวลาที่เขาจะทำให้บิดาของเขาต้องเสียใจ ที่ตัดสินใจเฉดหัวเขาออกจากชีวิต แม้ทุกอย่างจะผ่านมากว่ายี่สิบปี แต่เขาไม่เคยลืมสิ่งที่บิดาทำกับเขาเลย คราวนี้เมื่อเขาพร้อมทุกอย่างแล้ว เขาจะทำให้บิดาของเขาต้องทุกข์ทรมานอย่างที่เขาเป็น
“ตากร ทำไมไม่บอกป้าว่าจะกลับไปที่เมืองไทย” ระหว่างที่เขากำลังนั่งจมอยู่กับความคิดเรื่องเก่าๆ ในอดีต คุณเอื้อมเดือนในวัยหกสิบปีแต่ยังคงความสง่างามอยู่เดินเข้ามาในห้อง จึงทำให้ชายหนุ่มหลุดออกมาจากภวังค์
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณป้า ผมอยากไปเริ่มธุรกิจใหม่ที่นั่น มันยังไม่ลงตัวเท่าไหร่ก็เลยยังไม่ได้บอกคุณป้า” ชวกรรีบแก้ตัวทันที เขาไม่อยากให้ผู้เป็นป้ามารู้เรื่องราวที่เขากำลังทำอยู่
“ธุรกิจของเราก็มีเยอะแยะ กินทั้งชาติก็ไม่หมด ทำไมต้องกลับไปที่นั่นอีก” คุณเอื้อมเดือนไม่พอใจทันที ท่านไม่อยากให้ชวกรกลับไปที่เมืองไทย เพราะไม่ต้องการให้ชวกรติดต่อกับบิดาของเขาอีก