“มันไม่เหมือนกันหรอกครับคุณป้า ที่ผมมีทุกวันนี้มันก็เพราะคุณป้า ผมอยากสร้างธุรกิจของผมด้วยตัวเอง ให้โอกาสผมได้ลองดูสักครั้งนะครับ” แค่เพียงคำพูดนิดหน่อยของหลานชายสุดที่รักเท่านั้น มันก็ทำให้คุณเอื้อมเดินถึงกับยิ้มออกมา เธอไม่ได้ระแวงสักนิดว่าหลานชายกำลังจะทำเรื่องไม่ดีอยู่
“เป็นที่อื่นไม่ได้เหรอ ป้าจะไม่ขัดสักคำ” คุณเอื้อมเดือนยังต่อรอง ตอนนี้การกลับไปที่บ้านเกิดมันเป็นของแสลงสำหรับเธอเสียแล้ว
“ที่อื่นผมไม่รู้แนวทางการตลาด แต่ที่เมืองไทย ผมเกิดที่นั่น ผมพอจะมองออกว่าตลาดของที่นั่นต้องเทคโอเวอร์กิจการไหนถึงจะรุ่ง อย่าห้ามผมเลยนะครับคุณป้า” เขาเริ่มใช้ความกะล่อนให้เกิดประโยชน์ จริงๆ แล้วธุรกิจที่เขาจะทำมันเริ่มต้นที่ไหนก็ได้ แต่เพื่อผลประโยชน์เรื่องการแก้แค้นของเขา มันจึงจำเป็นต้องเริ่มที่เมืองไทยเท่านั้น
“ตามใจแกแล้วกัน ถ้าแกตั้งใจไว้แล้วป้าคงห้ามแกไม่ได้” คุณเอื้อมเดือนกล่าวกับหลานชายอย่างยอมจำนน
“ขอบคุณคุณป้ามากนะครับผมจะไม่ทำให้คุณป้าผิดหวังอย่างแน่นอน” ชวกรกล่าวออกไปทั้งที่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต
“แล้วนี่จะไปเมื่อไหร่ล่ะ” แม้ว่าพอจะทราบมาจากลูกน้องของหลานชาย แต่คุณเอื้อมเดือนก็ไม่ทราบกำหนดที่แน่นอนของหลานชาย
“ทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อยผมก็จะบินไปที่เมืองไทย” เขาตอบผู้เป็นป้า แต่สมองยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องของบิดา
“งั้นก็ตามใจแกแล้วกัน ป้าไปธุระข้างนอกก่อนนะ” เมื่อกล่าวจบหญิงสูงวัยก็เดินออกไปจากห้องทำงานของหลานชาย แม้ว่าจะสงสัยในจุดประสงค์ของหลานชายอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามหลานชาย เพราะตอนนี้เขาโตเกินกว่าที่จะให้คนอย่างเธอบงการชีวิตแล้ว
ประเทศไทย...
มัทนาหญิงสาวสวยร่างบางที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาได้ไม่นาน เธอวิ่งกระหืดกระหอบตามรถเมล์เพื่อไปสัมภาษณ์งาน แต่รถเมล์ก็ไม่ยอมจอดรับเธอ เธอจึงพยายามเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างแต่ก็ไม่มีคันใดว่าง ทุกคันที่ผ่านไปต่างก็รับผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว และยิ่งแทกซี่ที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็ดับไฟป้ายที่บ่งบอกว่ารับผู้โดยสารเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
และนี่ก็เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งชัวโมงจะถึงเวลานัดสัมภาษณ์งาน หญิงสาวยืนวิตกกังวลอยู่ริมถนน จนกระทั่งรถจักรยานต์ราคาเจ็ดหลักสัญชาติยุโรปเคลื่อนมาจอดตรงหน้าหญิงสาว ก่อนที่คนขับจะเปิดหมวกกันน็อคราคาแพงออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขา
“มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ” ชวกรมองเหยื่อสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเย็น
“ไม่มีค่ะ ขอบคุณนะคะ” มัทนาไม่รู้จักเขา เธอจึงไม่กล้าวอนขอความช่วยเหลือ แม้ว่าเธอกำลังต้องการมันเป็นอย่างมากก็ตาม
“แต่ผมว่าน่าจะมีนะครับ เพราะดูท่าทางว่าคุณจะรีบ แล้วตอนนี้ก็แทบจะไม่มีรถคันไหนว่างเลย บอกมาเถอะครับไม่ต้องเกรงใจผมหรอก” ชวกรอ่อนโยนกับหญิงสาวเป็นอย่างมาก ด้วยท่าทางและบุคลิกของเขาทำให้หญิงสาวคิดว่าเขาเป็นคนที่ไว้ใจได้ เขาคงไม่ใช่คนที่จะคิดร้ายอะไร เธอจึงขอร้องให้เขาพาเธอไปส่งที่บริษัทที่นัดเธอสัมภาษณ์งาน
“งั้นคุณพาฉันไปส่งที่เควายพี โลจิสติกส์หน่อยค่ะ”
“ได้ครับ แต่ว่าคุณต้องบอกทางผมนะ เพราะผมไม่คุ้นกับแถวนี้เท่าไหร่” ชายหนุ่มกล่าวก่อนที่จะยื่นหมวกกันน็อคให้กับหญิงสาว
“ค่ะ” เธอรับหมวกกันน็อคจากมือของชายหนุ่ม ก่อนจะรีบสวมที่ศีรษะด้วยความทะมัดมะแมง แล้วขึ้นซ้อนรถของชายหนุ่มทันที เมื่อหญิงสาวขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว เขาก็จัดการบึ่งรถไปตามทางที่เธอบอก ถ้าหากเธอได้เห็นใบหน้าของเขาตอนนี้เธอคงจะรู้สึกกลัวผู้ชายอย่างชวกรแน่นอน