Episode 01 เสี่ยสิงห์
มะลิสาวน้อยวัยแรกแย้มที่ควรจะมีช่วงเวลาวัยรุ่นที่สนุก และน่าจดจำให้สมกับวัยของตัวเองตอนนี้กลับต้องวิ่งวุ่นทำงานถึงสามที่ในวันเดียวกันเพื่อหาเงินมารักษาปู่ที่ป่วยเป็นมะเร็งรวมถึงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
เช้าต้องตื่นตั้งแต่ตีห้ามาช่วยปู่กับย่าเตรียมขายหมูปิ้ง สิบโมงก็ต้องไปทำงานประจำที่ร้านเสื้อจนถึงสองทุ่ม พอหลังสามทุ่มก็ไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่บาร์หรูจนถึงตีหนึ่ง
กว่าจะได้พักผ่อนในแต่ละวันเวลาของเธอก็แทบจะไม่เหลือแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยคิดย่อท้อแม้แต่ครั้งเดียว เพราะกำลังใจที่เธอมีเธอเชื่อมั่นมาตลอดว่ายิ่งใหญ่กว่าทุกอย่างบนโลกใบนี้
“หนูไปก่อนนะปู่ย่า” มะลิยกมือไหว้ลาปู่กับย่าหลังจากพาทั้งสองคนกลับมาพักที่บ้านเช่าหลังจากที่ขายหมูปิ้งเสร็จช่วงเก้าโมงเศษ ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอต้องไปทำงานอีกที่หนึ่งแล้ว
“ดูแลตัวเองดีๆ นะลูกอย่าลืมกินข้าวนะ” มานีผู้เป็นย่าบอกลาหลานสาวด้วยความห่วงใย
“จ้า มีอะไรโทรมานะจ๊ะ”
ร่างบอบบางรีบรุดวิ่งไปยังวินมอเตอร์ไซต์ไปนั่งรถเมล์ต่ออีกทอดหนึ่งเพื่อไปทำงานอีกที่ให้ทันเวลา
ร้านแบรนด์เสื้อ
มะลิที่ถึงแม้จะต้องตื่นเช้ามาขายหมูปิ้งแต่เธอก็ไม่เคยมาทำงานประจำสายเลยสักครั้ง รวมถึงความน่ารัก และความเอาใจใส่ยังทำให้เธอถือว่าเป็นพนักงานที่มียอดขายอันดับต้นๆ ของร้านเลยก็ว่าได้
“ลูกค้ามาแล้ว” พนักงานคนหนึ่งส่งสัญญาณให้พนักงานคนอื่นๆ ในร้านเตรียมตัว เนื่องจากแบรนด์ที่พวกเธอทำงานเป็นแบรนด์ดังที่มีราคาสินค้าสูง การบริการจึงต้องเตรียมพร้อมสำหรับต้อนรับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา
“เสี่ยสิงห์ช่วยเมย์เลือกหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเดรสสายเดี่ยวรัดรูปเดินควงแขนผู้ชายวัยสามสิบปลายที่แต่งตัวมีภูมิฐานขับให้ภาพลักษณ์ของเขายิ่งดูดี และโดดเด่นขึ้นราวกับเขามีอายุเพียงสามสิบต้นๆ เท่านั้น
“เธอไปเลือกเองเถอะ ฉันจะนั่งรอตรงนี้”
“ก็ได้ค่ะเสี่ย~” คำตอบที่เย็นชาบ่งบอกว่าเขาไม่ต้องการคนขัดใจในเวลานี้ทำให้หญิงสาวที่มาด้วยตอบรับคำอย่างเอาอกเอาใจ ก่อนจะเดินแยกไปเลือกเสื้อผ้าเพียงลำพัง
“น้ำดื่มค่ะคุณผู้ชาย” มะลิวางขวดน้ำดื่มลงบนโต๊ะรับรองตามหน้าที่ เพราะมัวแต่ก้มหน้าทำหน้าที่ของตัวเองทำให้เธอไม่ทันสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มจับจ้องมองมาที่ใบหน้าหวานของเธออย่างเปิดเผย
“สงสัยจะเป็นเด็กเสี่ย” พนักงานสาวสองคนแอบซุบซิบกันอยู่หลังร้านตอนที่มะลิเดินถือถาดมาเก็บ ทำให้เธอพลอยได้ยินไปโดยปริยาย
“มีคนเลี้ยงก็ดีเหมือนกันเนอะ วันๆ ไม่ต้องทำอะไรได้ใช้ชีวิตสุขสบาย”
“แต่ก็ไม่ได้ดีไปซะทุกอย่างหรอก เพราะต้องแลกกับศักดิ์ศรี แลกกับความสัมพันธ์ทางกายที่ไม่สามารถมีความสัมพันธ์ทางใจได้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เผลอใจมีความรู้สึกให้อีกฝ่ายวันที่ถูกเขาเขี่ยทิ้งคงไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่ง”
“นั่นสิเนอะ”
มะลิฟังบทสนทนาของพนักงานสองคนเงียบๆ ไม่ได้เสนอความคิดเห็นอะไร หรือคิดตามอะไรมากนัก เพราะเธอเองไม่คิดที่จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว
หญิงสาวเดินออกมายืนประจำหน้าร้านเพื่อคอยดูแลลูกค้าคนอื่นๆ ที่อาจจะเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม โดยรอยยิ้มที่สดใสนั่นดูเหมือนจะไปถูกใจเสี่ยคนนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่เพราะความใสซื่อเธอถึงไม่รับรู้ หนำซ้ำยังส่งยิ้มหวานตามมารยาทตอนที่เผลอไปสบตาเข้ากับเขาอีกต่างหาก…