ตอน 2 บัดสี

1843 คำ
เดิมทีสกุลเว่ยฐานะปานกลาง แต่ด้วยความดีความชอบปราบกบฏได้ถึงห้าครั้งในรอบสิบปี องค์จักรพรรดิจึงพระราชทานเงินทอง รวมถึงที่ดินให้เว่ยถิงฟงมากมาย จนสกุลเว่ยมีฐานะเทียบเท่าคหบดี แม้รองแม่ทัพไม่ได้กลับมาบ้านเกิด แต่ก็ส่งเงิน ส่งโฉนดที่ดินมาให้บิดาบริหารจัดการตามสมควร เว่ยจางขยายโรงทอผ้า รับทอผ้าไหมชั้นดีส่งไปยังหลายเมือง เปิดโรงเตี๊ยมอยู่ในเมืองต่าง ๆ อีกหลายแห่ง ผู้นำสกุลเว่ยอยากให้บุตรชายคนเดียวกลับมาอยู่เป็นครอบครัวหลังจากอยู่หน้าศึกมานานแสนนาน จึงเปิดกิจการเตรียมตัวรองรับบุตรชาย หากเว่ยถิงฟงไม่อยากกลับไปรบอยู่แนวหน้า หากบุตรชายยอมลาออกจากการเป็นรองแม่ทัพ สกุลเว่ยคงมีโอกาสอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเสียที เพ่ยซิ่วอิงขี่ม้าสีขาวตัวโปรดมาถึงหน้าหมู่เรือนสกุลเว่ย เห็นแขกเหรื่อเริ่มทยอยมางานเลี้ยง เป็นงานที่ใหญ่กว่าที่นางคิดไว้เสียอีก บ่าวชายนำม้าสีขาวไปผูกให้ที่คอก ส่วนสาวใช้ออกมาต้อนรับคุณหนูกลับเรือน แม้เพ่ยซิ่วอิงแต่งงานออกไปแล้ว แต่นางยังไป ๆ มา ๆ ระหว่างสกุลโจวกับสกุลเว่ยอยู่บ่อยครั้ง โดยไม่สนคำกล่าวที่ว่าบุตรสาวแต่งงานแล้วย่อมเหมือนน้ำสาดออกจากเรือน มารดาของเพ่ยซิ่วอิงนามว่าเหยาเซียน มีโรคประจำตัวเป็นโรคแพ้อากาศ ซิ่วอิงจึงนำยาจากโรงหมอมาส่งให้มารดาต้มกินบำรุงธาตุอยู่เป็นประจำ นางกลับมาที่เรือนสกุลเว่ยทุกสัปดาห์เพื่อเยี่ยมเยียนดูอาการมารดา สาวใช้สองนางออกมาต้อนรับ ทั้งคู่ต่างทำตาโตเมื่อเห็นคุณหนูแต่งกายอย่างงดงาม "คุณหนูงดงามมากเจ้าค่ะ" "ไม่ต้องชมข้าหรอก ข้ารู้ตัวว่างามอยู่แล้ว" ซิ่วอิงยิ้มแย้มเดินเข้าไปในห้องรับรอง เห็นเว่ยจางกับมารดาของนางกำลังนั่งจิบชากันอยู่ ทั้งสองแต่งกายอย่างงดงาม กำลังจะออกไปต้อนรับแขกเหรื่อ "คารวะท่านลุงเจ้าค่ะ" ซิ่วอิงเรียกเว่ยจางว่าท่านลุง แต่นางก็รักและนับถือเหมือนบิดาแท้ ๆ "ซิ่วอิงมาพอดี วันนี้แต่งกายได้งดงามเหลือเกิน พี่ชายของเจ้าไม่พบเจ้านาน ต้องจำไม่ได้แน่" “ข้าคงจำพี่ใหญ่ไม่ได้เช่นกัน” ซิ่วอิงแทบนึกหน้าพี่ใหญ่ไม่ออก "ช่วยเป็นธุระพาสาวใช้เอาอาหารไปต้อนรับพวกทหารนายกองผู้ติดตามด้วย แม่กับท่านลุงต้องออกไปต้อนรับแขกเหรื่อ" "ซิ่วอิงงดงามหยาดฟ้า พวกนายกองเป็นต้องมองตาถลน" เว่ยจางเอ่ยเย้าอย่างอารมณ์ดี "ท่านลุงก็กล่าวเกินไป" "เจ้างดงามที่สุดในเมืองซีเซียงเจ้าย่อมรู้แก่ใจดี" เว่ยจางกล่าวชม ทอดสายตามองซิ่วอิงอย่างเอ็นดู เขารักซิ่วอิงเหมือนบุตรสาวคนเล็ก "คุณหนูงดงามมากจริง ๆ เจ้าค่ะ นายท่านกล่าวถูกต้องแล้ว" สาวใช้ต่างพากันเยินยอซิ่วอิงจนคุณหนูทำตัวไม่ถูก "ข้าจะนำอาหารไปรับรองเหล่าผู้ติดตามของพี่ใหญ่ ท่านลุงกับท่านแม่ไม่ต้องห่วง เชิญต้อนรับแขกเหรื่อตามสบายเจ้าค่ะ" "พี่ใหญ่ของเจ้าก็อยู่เรือนรับรองเช่นกัน ฝากดูแลเขาด้วย" มารดาของซิ่วอิงเดินตามผู้นำสกุลเว่ยออกไปต้อนรับแขกเหรื่อ เพ่ยซิ่วอิงเดินเข้าไปในห้องพร้อมสาวใช้ นางค้นอาภรณ์ของสาวใช้ส่วนตัวออกมาชุดหนึ่งแล้วสวมเปลี่ยนแทนอาภรณ์กรุยกรายลายวิจิตร "อ้าว คุณหนูเปลี่ยนอาภรณ์ทำไมเจ้าคะ แล้วยังใส่ชุดสาวใช้ด้วย" "ข้าไม่อยากเป็นจุดสนใจมากนัก อยากพาพวกเจ้าไปสังเกตการณ์เหล่านายกองมากกว่า อีกอย่างหากข้าสวมชุดสาวใช้คงไม่มีใครสนใจข้าหรอก ข้าอยากเดินเล่นไปทั่วเรือนรับรอง ดูเหล่าชายฉกรรจ์ให้อิ่มตา" "ได้ยินข่าวว่ามีแต่คนหน้าตาดี เรือนร่างกำยำทั้งนั้น" สาวใช้ทั้งสองบิดมือไปมา พวกนางอายุสิบหก วัยกำลังเจริญพันธุ์และทั้งสองยังไม่ได้ออกเรือน "นับเป็นโอกาสของพวกเจ้าแล้ว หากถูกตาถูกใจ ก็จับทำสามีเสียเลยไม่ให้เสียเที่ยว" ซิ่วอิงหัวเราะชอบใจ "คุณหนูก็...." สาวใช้เขินอายจนหน้าแดง "พวกเราเอาอาหารไปให้เสือหิวพวกนั้นดีกว่า พวกเขาคงหิวกันแล้ว" ซิ่วอิงเดินนำขบวนสาวใช้อีกหกนางยกถาดอาหารอันมีขาหมูน้ำแดง หมั่นโถว ผัดผักแปดเซียน เป็ดย่าง ขนมหวานไส้ผลซิ่งจึกวน พร้อมสุราชั้นดีไปรับรองแขกพิเศษ ในใจอยากรู้อยากเห็นว่าพี่ใหญ่นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง เขาจะจำนางได้หรือเปล่าหนอ เมื่อถึงเรือนรับรองเห็นชายร่างกำยำราวยี่สิบคนกำลังสวมอาภรณ์ บ้างเปลือยท่อนบน บ้างกำลังครอบกวานที่เรือนผม พวกเขาทั้งยี่สิบคนมีตำแหน่งนายกอง ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยลับ ต่างเดินทางมารับบำเหน็จจากการตีศึกเมืองซานจิง ชายแดนสงบสุขราวสี่เดือน พวกเขาติดตามเว่ยถิงฟงมาเพื่อรับรางวัลจากองค์จักรพรรดิ ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว "ขออภัยเจ้าค่ะ พวกข้านำอาหารมาให้" ซิ่วอิงในอาภรณ์ชุดสาวใช้ ยกถาดอาหารนำเข้าไปในเรือนรับรอง "เชิญพวกเจ้าเข้ามาได้เลย พวกเรากำลังหิวอยู่พอดี ไม่เจออาหารดี ๆ สตรีงาม ๆ มานาน หิวจนไส้จะกิ่วอยู่แล้ว" นายกองผู้หนึ่งผิวคล้ำหน้าคมเข้ม ใช้สายตาโลมเลียสาวใช้อย่างเก็บอาการ พวกเขาจดจ้องตาเป็นมัน โดยพุ่งสายตามาที่ซิ่วอิงเป็นตาเดียว "เจ้าเป็นหัวหน้าสาวใช้รึ ช่างงดงามเหนือคำบรรยาย งามกว่านางโลมอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงเสียอีก" "เจ้าค่ะ ข้าเป็นหัวหน้าสาวใช้" ซิ่วอิงก้มหน้า รีบวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะ "ขอบใจพวกเจ้ามาก" นายกองผู้อื่นเดินมาสมทบ สายตาเหลือบมองสาวใช้ส่วนตัวของซิ่วอิง "พวกข้าขอตัวก่อน" ซิ่วอิงกวาดสายตามองโดยรอบ ไม่เห็นเว่ยถิงฟงอยู่แถวนั้น "เดี๋ยวก่อน วานหัวหน้าสาวใช้เอาถาดอาหารไปให้ท่านรองแม่ทัพด้วย เขาอยู่ด้านใน รองแม่ทัพเว่ยกำลังแต่งกายเพื่อไปร่วมงานเลี้ยง" "ได้เจ้าค่ะ" ซิ่วอิงในคราบหัวหน้าสาวใช้ยกถาดอาหารเข้าไปยังห้องรับรองด้านในซึ่งเป็นห้องนอนใหญ่สุดในเรือนรับรอง ขณะที่กำลังยกถาดอาหารหนักอึ้งสาวเท้าเข้าสู่ห้องนอนที่เว่ยถิงฟงพักอาศัยอยู่ ซิ่วอิงได้ยินเสียงบางอย่างกระทบกระแทกกันดังแปลก ๆ กึก ๆ ๆ ๆ ตั้บ ๆ ๆ ๆ "อ๊า เบาเจ้าค่ะ ข้าเสียวเหลือเกิน จุกหน่วงไปหมดแล้ว" "เจ้าบอกเองไม่ใช่รึว่าให้เอาแรง ๆ ยั่วยวนให้ข้าเอาเจ้าแรง ๆ" เสียงห้าวคำรามลั่น "อ๊า แรงเกินไป ของท่านใหญ่ยิ่งนัก เมตตาบ่าวด้วยเจ้าค่ะ อ๊า ซี๊ด" เสียงครางของความเมตตา ปนเสียงหวีดร้องด้วยความซ่านสยิว "ข้าชอบควงแท่งเอ็นใหญ่ ๆ ในกายเจ้า เสียวล่ะสิ สตรีร่านสวาท" เพียะ! เพียะ!เพียะ!เพียะ!เพียะ! เสียงมือหยาบฟาดกับเนื้อสาว ซิ่วอิงหน้าแดงแปร๊ด คำลามกลอยเข้าหู นางแต่งงานแล้ว เคยร่วมหอกับโจวเทียนเฉิงก็หลายหน ย่อมรู้ดีว่าบทสนทนาเหล่านั้นคือบทสนทนาของคนกำลังเอากัน อย่าบอกนะว่าเป็นพี่ใหญ่ของนาง ซิ่วอิงใจเต้นกระหน่ำรีบวางถาดอาหารลงที่โต๊ะด้วยกลัวว่าตนเองจะทำหลุดมือ นางย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบที่สุด เมื่อแนบดวงตาไปกับรอยแยกของบานหน้าต่าง เด็กสาวตกใจกับภาพเบื้องหน้าจนตัวสั่นกายชาไปหมด ในห้องจุดเทียนส่องสว่างอยู่หลายเล่ม ราวกับกลัวว่าการเสพสุขนี้จะเห็นได้ไม่สะใจ ซิ่วอิงเห็นทุกอย่างชัดเจน ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์เรือนร่างสูงใหญ่ราวแปดฉื่อกำลังกระแทกแก่นกายขนาดใหญ่โตกว่าข้อแขนใส่สาวใช้นางหนึ่งซึ่งอยู่ในท่าโก้งโค้ง ร่างบอบบางอาภรณ์หลุดลุ่ยยืนหันหลังให้บุรุษร่างสูง เขากระทั้นบั้นเอวกดแทรกตัวตนเข้าลึกล้ำรุนแรง จนหน้าอกทั้งสองข้างสาวใช้กระเด้งกระดอนออกจากสาบเสื้อตัวใน เอ็นหนากระแทกรัวในรูสวาทบวมเป่ง จนน้ำใคร่ไหลอาบชุ่มช่องทางรัก แท่งลำทะลวงเข้าออกอย่างบ้าคลั่ง ตอกตรึงสุดแรงจนสาวใช้หัวสั่นหัวคลอน มือฟาดลงบนสะโพกอวบจนเป็นรอยมือ ฟาดไม่ยั้งจนสะโพกขึ้นสีแดงเถือก "อ๊า เสียวยิ่งนัก อูววว แรงอีกเจ้าค่ะ" สาวใช้ที่ขอความเมตตาในคราแรกกลับบอกให้เขาเอาแรง ๆ ช่างย้อนแย้งสวนทางกับคำพูด เสียงตู้ตำราโขกผนังดังกึก ๆ ตามแรงกระแทกอย่างทารุณ ไม่คาดคิดเขาดึงผมสตรีนางนั้นจนหน้าหงายไปข้างหลังแล้วบดจูบอย่างเร่าร้อนใส่ใบหน้าที่แหงนเงยตามแรงดึง ซิ่วอิงยืนมองภาพสังวาสด้วยใจระทึก ตรงกลางหว่างขาของนางฉ่ำแฉะจนน้ำหวานชุ่มชั้นในตัวน้อย ไหลหยดลงสู่ต้นขา ลีลารักของบุรุษร่างสูงช่างเร้าราคะ เขย่าต่อมกามของซิ่วอิงแทบระเบิด จังหวะกระแทกอย่างดิบดุดันทำให้นางคอแห้งผาก ริมฝีปากสั่นระริกเล็กน้อย แลบลิ้นออกมาเลียปากอิ่มตึงของตนเอง แรงกระแทกสะเด็ดสะเด่าเช่นนี้นางไม่เคยได้สัมผัสจากโจวเทียนเฉิง ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการร่วมรักกันแบบถึงพริกถึงขิงเป็นเช่นไร "อ๊า ข้าจะแตกนายท่าน เสียวจนขาสั่นเจ้าค่ะ" แท่งเนื้อกระแทกขยับบั้นเด้าเข้าถี่ลึก รุนแรงกว่าเดิมหลายระดับ พร้อมกับฟาดก้นและดึงผมสาวใช้แรงขึ้นอีก หญิงสาวเสร็จสมจนตัวอ่อนยวบ ร่างกระตุก สะโพกของนางสะท้านเยือก ๆ "อาาาา " บุรุษคำรามยาว ๆ เขากระแทกถี่กระชั้นก่อนกระชากแท่งเอ็นใหญ่ยาวออกมาพ่นน้ำรักบนสะโพกที่ยังกระตุกไม่หาย ซิ่วอิงมองเขาชักรูดแก่นกายพ่นน้ำคาวสวาทบนสะโพกนุ่ม ท่าทางยั่วเย้าดุดันราวกับพญาราชสีห์ เด็กสาวได้แต่อ้าปากค้างมองน้ำขุ่นคาวหยาดไหลลงบนพื้น ไม่รู้ว่าสาวใช้นางนั้นโชคดีหรือโชคร้าย เสร็จสมจนถึงกับร่างทรุดอย่างหมดแรงลงหน้าตู้ตำรา บุรุษใช้มือใหญ่สาวลำเนื้อต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะรีบสวมใส่อาภรณ์แต่อย่างใด เว่ยถิงฟงกระตุกยิ้มมุมปาก สัมผัสได้ถึงการมาเยือนของใครบางคนหลังบานหน้าต่าง "หากแอบดูเสร็จแล้วก็ออกมา!" เสียงกร้าวตวาดลั่นทำเอาเพ่ยซิ่วอิงตกใจจนหน้าซีด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม