แล้ววันนี้ก็เป็นวันประชุมวันแรก สำหรับการพัฒนากาสิโน บอดีการ์ดมากมายของชินกร ก็มารอหมอกันต์ที่คอนโด ตามคำสั่งที่เขามอบหมาย เนื่องจากช่วงนี้อันตราย มีอยู่รอบด้านเขาจริง ๆ จนหมอหนุ่มที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับตกใจ มาที่นี่หลายครั้งแล้ว ก็ไม่เห็นจะคุ้มกันดีขนาดนี้สักครั้งเลย
“มึงเล่นใหญ่อะไรขนาดนี้ว่ะนนท์” เมื่อมาถึงก็ถามน้องชายเสียงแข็งทันที
“ก็ปกตินะเฮีย” ถึงแม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่ภายในใจเขาก็รู้สึกกังวลอยู่ดี เพราะถ้าประมาทไป อาจจะเกิดอันตรายต่อพี่ชายเขาอีกคนก็ได้
“ปกติเหี้ยอะไร บอดีการ์ดตั้ง 10 กว่าคน ไม่ต้องให้พวกมันมาดูแลกูขนาดนี้ก็ได้ กูไม่ใช่มาเฟียแบบพวกมึง”
“เอาเถอะเฮีย อยู่ที่นี่ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ”
“เฮ้อ” หมอหนุ่มได้แต่ถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่อึดอัด เขาคงคิดถูกแล้วแหละ ที่ไม่ได้มารับหน้าที่มาเฟียแบบพวกมัน เป็นหมอผ่าตัดอย่างคนธรรมดายังสบายใจกว่าอีก
“สวัสดีครับเจ็ก” เมื่อมาพบปะกับน้องชายพ่อ อย่างเจ็กธวัช กันต์ก็รีบทักทายด้วยความเคารพทันที
“เป็นยังไงบ้าง เฮียดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ครับ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังต้องดูแลอาหารการกินอย่างใกล้ชิด อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
“ดี ๆ แบบนี้ก็คงไม่มีอะไรเป็นน่าห่วงแล้วสิ”
“ครับเ**ก”
“แล้วเรื่องหมั้นหมายล่ะ”
“คุยกันไว้แล้วครับ ยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้หรอก”
“หมั้น? เฮีย มึงเนี่ยนะจะหมั้น” ชินกรหันมองหน้าพ่อและพี่ชายที่คุยกัน ในเรื่องที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน
“เออ”
“กับใครว่ะ”
“คนที่ผู้ใหญ่คิดว่าเหมาะสม” กันต์ตอบด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“ได้ไง ไม่รักกันก็แต่งกันแบบนี้เหรอป๊า” นี่คือเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง ยุคนี้สมัยนี้แล้ว ยังมีเรื่องการหมั้นหรือการแต่งงานที่คลุมถุงชนอีกหรือ
“ก็ต้องได้สิ มันเพื่อความเหมาะสม และผลประโยชน์ ไม่ใช่ความรัก” เจ้าสัวธวัชจิบชาต่ออย่างคนใจเย็น
“คิดดีแล้วเหรอวะเฮีย” สายตาคมจ้องหน้าพี่ชาย ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ
“เออ ก็ตามนั้นแหละ”
เพราะกันต์กับผู้หญิงคนนั้นก็รู้จักกันดีเธอคือ หมอมิริน มาริกา วัฒนารัตนภักดิ์ หมอศัลยแพทย์สาวสุดสวย ประจำโรงพยาบาลของเขา ซึ่งด้วยที่รู้จักกันมานาน จนได้มาเป็นรุ่นน้องตั้งแต่เรียนแพทย์ และเธอเป็นคนน่ารัก นิสัยดี ทุกคนในครอบครัวก็เอ็นดู
และที่สำคัญ จุดชนวนของการหมั้นหมาย คือ ปู่ของเขา เกิดอุบัติเหตุขับรถชนรถพ่อของเธอ จนตอนนั้นทั้งคู่เสียเลือดมากพอกัน พ่อของเธอเลยบอก ต้องการบริจาคเลือดให้ปู่ของเขาก่อนจะเสียชีวิต และตอนนั้นทุกคนในครอบครัวเธอ ต่างก็เศร้าเสียใจกันหมด
สุดท้ายปู่ของเขาเลยรอดมาได้ เพราะเลือดของพ่อเธอที่บริจาคไว้ให้ มาช่วยชีวิตได้ทันพอดี คนในตระกูลก็เลยตกลงกันว่า จะให้ใครสักคนได้แต่งงานและดูแลเธอ เพื่อเป็นการตอบแทน ซึ่งคน ๆ นั้นก็คงจะเป็นหมอกันต์ เพราะเขาเป็นคนดื้อรั้นน้อยที่สุดแล้ว
และทั้งคู่ก็โอเคกันมาก เพราะมีความสนิทกัน ทั้งไม่อยากมีคนรักเหมือนกันด้วย ถ้าอยู่ด้วยกันไปก็คงเป็นพี่น้องที่ดีให้กันแบบนี้ ต่างคนต่างสบายใจด้วย
ชินกรได้แต่มองหน้าพี่ชายพร้อมกับครุ่นคิด พี่ชายเขาคงชอบผู้หญิงคนนั้นเข้าแล้วแน่ ๆ ถึงได้ยอมแบบนี้ ถ้าเป็นเขาคงไม่มีทาง เพราะไม่มีใครมาบังคับอะไรเขาได้ และยิ่งเรื่องใหญ่แบบนี้ ไม่มีทางเกิดขึ้นกับเขาแน่นอน
หลังจากคุยงานเสร็จ และแยกย้ายกับพี่ชาย ชินกร ก็แวะเข้ามากาสิโนต่อ เนื่องจากวันนี้ มีนัดใช้หนี้จากลูกชายเจ้าสัวผู้ร่ำรวย ที่ตอนนี้กลับกลายเป็นผีพนันไปแล้ว
“มันอยู่ไหน” สายตาคมฉายแววดุกวาดไปทั่วบริเวณ ก็ไม่พบกับบุคคลดังกล่าว ที่ตกปากรับคำว่าจะมาใช้หนี้เขาวันนี้ ตอนนี้ไม่เห็นแม้กระทั่งเงา
“อยู่ในห้องดำแล้วครับนาย”
“ห้องดำ?”
“ครับนาย”
“หึ!” ริมฝีปากหนายักยิ้มออกมา ด้วยความที่หงุดหงิด วันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี ได้กระทืบคนซะหน่อยก็ดีเหมือนกัน
ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!
“พะ...พอแล้ว เฮือก พะ พอ”
ทันทีที่เข้าไปถึงห้องดำ เขาก็กระทืบไอ้ลูกหนี้ไฮโซพ่อรวย ที่ไม่ค่อยรักษาคำพูด แล้วเอาอำนาจใหญ่โตของครอบครัวมาอ้าง เพื่อจะไม่ใช้หนี้ เป็นคนอื่นอาจยอมได้ แต่ถ้าเป็นเขาแล้ว มันไม่ตายก็คงได้หยอดน้ำข้าวต้ม ซึ่งคนอย่างเขาไม่เคยเกรงกลัวใครในที่นี่ มันคงคิดว่าจะง่ายเสมอไปเมื่อเล่นผิดคน
“ยะ...ยอมแล้ว กะ...กูยอมแล้ว” คนที่โดนซ้อมปางตาย รีบคลานเข้ามา จับรองเท้าของเขาไว้ ใบหน้าที่พกช้ำ เลือดอาบทั้งตัว ด้วยสภาพที่น่าสมเพช พยายามขอร้องอ้อนวอน เพราะไม่แน่อาจจะได้ตายอยู่ตรงนี้ได้
“ไอ้กระจอก! ไม่ตายคาตีนกูก็บุญแล้ว ถ้ามึงยังรอดตายไปได้ บอกพ่อมึงเอาเงินมาใช้หนี้กู ทุกบาททุกสตางค์!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน จนคนฟังตัวสั่นไปหมด
“อะ...โอเค” พูดจบคนโดนซ้อมปางตายก็สลบไป
“ส่งตัวมันไปโรงพยาบาล” ชินกรหันไปสั่งลูกน้องต่อ ลูกน้องก็ได้แต่พยักหน้าและไปทำตามคำสั่ง
ซึ่งเขาไม่ใช่คนใจดีอะไรหรอก เพียงแต่โรงพยาบาลที่เขาส่งมันไป คือโรงพยาบาลของเขาเอง แล้วก็เป็นแบบนี้ประจำทุกครั้ง เพื่อจะได้เก็บค่ารักษาแพง ๆ กับมั่นใจว่ายังไงก็จะได้เงินคืน
วันต่อมา
“ดูอะไรขนาดนั้นว่ะเฮีย นี่มึงดูทั้งวันแล้วนะ” เมื่อเห็นแบบนั้นก็ต้องแปลกใจ เพราะปกติแล้วไอ้พี่ชายตัวดีเขาก็ไม่เป็นแบบนี้
“ยุ่ง”
“หึ กูว่าติดเด็กจริงแน่ ๆ อาการนี้มันใช่”
“เด็กบ้าเด็กบออะไร ชีวิตกูมีแต่งานมึงก็รู้”
“หึ ขนาดลูกน้องกูบอกว่า หาเด็กไปให้ถึงห้องขนาดนั้น แม่งเอารอบเดียวแล้วปล่อยกลับเลยเหรอวะ” เมื่อลูกน้องมารายงานเขาก็แทบไม่เชื่อ
“ก็... กูไม่มีอารมณ์”
“เหอะ จะบ้า มึงเนี่ยนะเฮียไม่มีอารมณ์ เอาเหี้ยอะไรมายืนยันกูก็ไม่เชื่อ มันมีอะไรนักหนาวะที่เมืองไทย” เขาเองก็เริ่มจะสนใจแล้วสิ
“ไม่มี เมืองไทยกับที่นี่ก็ไม่ต่างกันหรอก ถ้างั้นมึงก็คงกลับไปแล้ว” หมอหนุ่มก็พยายามพูดอย่างกลบเกลื่อน เปลี่ยนเรื่องอื่นไปเรื่อย
“หึ ถ้ามีอะไรน่าสนใจก็น่ากลับอยู่ แต่ตอนนี้มันไม่มีนี่สิเฮีย”
“มึงก็กลับบ้าง แม่งอยู่นี่มาหลายปีแล้ว กูก็ไม่เห็นมึงจะมีเมียสักที ไม่แน่กลับไปเมืองไทยรอบนี้มึงอาจจะเจอเนื้อคู่ก็ได้”
“หึ ไม่เอาอ่ะ กูไม่เชื่อมั่นในเรื่องความรัก” เพราะพ่อเขาจะสอนเสมอ ว่าคนมีความรักคือคนอ่อนแอ ถ้าวันไหนมีความรัก วันนั้นจะไม่เป็นตัวของตัวเอง อย่างไอ้นายน์ น้องชายเขาที่เอาแต่คิดถึงฟ้าใส จนแทบจะบ้าเหมือนทุกวันนี้ เขาจะไม่เป็นแบบนั้นเด็ดขาด
“เออ อย่าให้กูเห็นแล้วกัน ว่าถ้ามึงรักใครแล้วตามต้อย ๆ เหมือนหมา กูจะหัวเราะเสียงดัง ๆ ให้”
“ไม่มีวันนั้นหรอกเฮีย” เขาพูดอย่างคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง เกิดมา 28 ปีแล้ว อย่าว่าแต่มีความรักให้ใครเลย ขนาดชอบยังไม่เคยรู้สึก
1 สัปดาห์ต่อมา
แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่เสร็จงานที่นี่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี กันต์ก็รีบเตรียมตัวกลับในวันนั้นทันที
“หึ เกินไปไหมเฮีย จะรีบอะไรขนาดนั้น” เมื่อเห็นท่าทางที่แปลกมาก ๆ ของพี่ชาย เขาเองก็ยิ่งสนใจ จนคิดว่าตัวเองก็ควรกลับเมืองไทย ไปพักผ่อนบ้างเหมือนกัน
“เรื่องของกู แล้วนี่มึง...” เมื่อเห็นกระเป๋าหลายใบของน้องชาย ก็อดแปลกใจไม่ได้ คนที่ไม่กลับเมืองไทยไปหลายปี วันนี้เกิดจะกลับไป
“เออ เบื่อนิดหน่อย กลับไปหาอะไรสนุก ๆ ทำที่เมืองไทยดีกว่า”
“หึ กูขอให้มีเมียเป็นตัวเป็นตน แล้วเมียมึงก็เอามึงอยู่ จนมึงสยบแทบเท้าเธอ”
“ไร้สาระว่ะเฮีย” เพราะเรื่องนั้นไม่เคยอยู่ในหัวเขา
และเมื่อเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเตรียมพร้อมแล้ว ทั้งคู่ก็กลับเมืองไทยด้วยกันในทันที
ณ ประเทศไทย
“มึงยังจำทางกลับบ้านมึงได้ใช่ไหม” กันต์ก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่ามันเป็นมาเฟียที่บ้าดีเดือดขนาดไหน ศัตรูก็มีอยู่รอบทิศ ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่อันตราย ถึงแม้จะคุยกันไม่ค่อยดี แต่ก็รักและเป็นห่วงมาก
“ชิว รีบไปเถอะ เด็กมึงคงรอแย่แล้วมั้ง” ด้วยที่เห็นท่าทางร้อนรน กับการอยู่ไม่ค่อยสุขของพี่ชายตั้งแต่บนเครื่อง ก็อดแซวไม่ได้
“เออ งั้นกูกลับละ” พูดจบทั้งคู่ก็แยกย้ายกันทันที โดยที่แรกที่เขาจะกลับก็คือบ้าน...