“พี่ว่าเพื่อนคนนั้นของช่อ ต้องคิดไม่ซื่อกับช่อแน่ ๆ เชื่อพี่สิ”
เขตยังคงหมกมุ่นกับเรื่องของหมอกไม่ยอมหยุด เขายังคงซักไซ้ถามอะไรหลาย ๆ อย่างเพิ่ม คล้ายจะจับผิดเธอให้ได้ ทว่าพอได้ยินแบบนั้น ช่อแก้วก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธกลับไปทันที นัยน์ตากลมโตส่อแววไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ราวกับกำลังบอกว่าความคิดเหล่านั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงจัง ปนกับความหงุดหงิดเล็กน้อยที่แฟนหนุ่มดูเหมือนจะไม่เชื่อใจเธอเลย ช่อแก้วจึงต้องการจะตัดบทความคิดเพ้อเจ้อเหล่านั้นของเขตให้จบไปเสียที ซึ่งพอเขตได้ยินแบบนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ นึกสงสัยว่าทำไมช่อแก้วถึงได้รีบปัดตกการคาดเดาของเขาด้วยท่าทีที่เด็ดขาดนัก
“ช่อกับหมอกเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วนะคะพี่เขต แทบจะตั้งแต่ช่อจำความได้เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วด้วยซ้ำค่ะ อีกอย่าง...พวกเราไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นสิบกว่าปีแล้วด้วยนะคะ เพราะเขาไปเรียนต่อที่อเมริกา เพราะงั้นหมอกจะเอาเวลาไหนมาสนใจในตัวช่อกันล่ะคะ มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะที่เขาจะคิดอะไรเกินเลยกับเพื่อนสนิทน่ะ” ช่อแก้วยื่นคำขาดเพราะทนฟังคำพูดปรักปรำของเขตอยู่นาน
“แต่ท่าทางของเขามันดูไม่เหมือนคนที่คิดแค่เพื่อนเลยนะช่อ” เขตพยายามจะแย้งขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและแฝงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“พี่เขตคิดมากเกินไปแล้วค่ะ เพื่อนคนนี้ของช่อ เขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับช่อหรอกค่ะ ช่อเชื่อแบบนั้นจริง ๆ ค่ะ พี่เองก็เชื่อที่ช่อพูดบ้างสิคะ”
“…ก็ได้ ๆ ถ้าช่อยืนกรานถึงขนาดนี้แล้ว งั้นพี่ก็คงต้องว่าตามนั้น”
เขตที่ดูออกว่าช่อแก้วต้องการให้เขาหยุดยั้งความคิดของตัวเองเอาไว้ ก็ตอบกลับมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็ยอมอ่อนข้อไปก่อนเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี่ เขาจึงชวนเธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อคลายบรรยากาศอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นได้ไม่นาน
“จริงสิ วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวเลยนะ โดยเฉพาะในห้องนี้น่ะ พี่เห็นว่าช่อทำงานอยู่ที่หน้าตู้อบเกือบทั้งวัน สีหน้าก็ดูเหนื่อย ๆ ด้วย พี่เลยทำน้ำผลไม้ปั่นเย็น ๆ หวาน ๆ มาให้ ดื่มซะหน่อยนะจะได้สดชื่นขึ้น” เขตไม่พูดปากเปล่า แต่ยังยกแก้วน้ำส้มปั่นที่ถือเข้ามาด้วยตั้งแต่แรกมายื่นให้เธอ
“ช่อกำลังหิวน้ำอยู่พอดีเลยค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะพี่เขต” ช่อแก้วตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่ดูสดใสขึ้นเล็กน้อย
เธอรู้สึกขอบคุณในความใส่ใจของเขา แล้วรับแก้วน้ำผลไม้จากแฟนหนุ่มขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหายทันที ความเย็นของน้ำผลไม้ไหลผ่านลำคอลงไปสู่กระเพาะ ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างเล็กน้อยหลังจากที่รู้สึกเหนื่อยล้าจากความตึงเครียดเมื่อครู่
ทว่าระหว่างที่ช่อแก้วกำลังดื่มน้ำผลไม้ปั่นอย่างเอร็ดอร่อย เพื่อแก้อาการคอแห้งของตัวเองอยู่นั้น ทันใดนั้นเธอก็มีเหตุให้เธอต้องชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อจู่ ๆ ปลายนิ้วเรียวของเขตก็สัมผัสเข้าที่กรอบหน้าของเธอ แล้วช่วยปัดปอยผมที่ตกลงมาปรกบนใบหน้าของเธอออกไป เป็นท่าทีที่แสดงถึงความห่วงใยตามประสาคู่รักทั่วไปที่ทำต่อกัน แต่ด้วยความตกใจจึงทำให้ช่อแก้วเผลอดีดตัวเองออกมาจากเขตอย่างไม่ทันตั้งใจ
“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ ช่อขี้ตกใจไปหน่อยน่ะ”
เมื่อเห็นว่าคิ้วของเขตย่นเข้าหากันทันทีที่เธอทำแบบนั้น ช่อแก้วก็ไม่อยากให้แฟนหนุ่มที่เพิ่งคบหาดูใจกันได้ไม่ถึงสามเดือนต้องมารู้สึกแย่กับสิ่งนี้ เธอจึงรีบพูดออกไปแบบนั้น พร้อมยิ้มแห้ง ๆ ให้เขาไปหนึ่งทีเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดในใจ เธอรู้ดีว่าการกระทำของเธอเมื่อครู่มันอาจจะดูแปลกและทำให้เขาเสียความรู้สึกได้
“ไม่เป็นไรครับ พี่เข้าใจ... ก็ช่อไม่เคยมีแฟนมาก่อนนี่นา”
เขตกลับมาทำตัวเป็นปกติ แล้วตอบกลับมาเรียบ ๆ คล้ายว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของเธอดี เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าช่อแก้วไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยในชีวิต เขตจึงมักจะปลอบใจเธอด้วยประโยคนี้เสมอ เมื่อเธอแสดงอาการที่บอกชัดถึงความไม่คุ้นชินกับความสัมพันธ์แบบคู่รัก เขตจึงนับว่าเป็นแฟนคนแรกของช่อแก้ว และนี่คือความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวครั้งแรกในชีวิตของเธอด้วยเช่นกัน ทุกอย่างจึงเป็นเรื่องใหม่ ๆ ไปหมดสำหรับเธอ
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ช่อแก้วเพิ่งจะเคยมีแฟนเป็นครั้งแรกในชีวิต นั่นก็เป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเอาแต่ทุ่มเทเวลาของตัวเองให้กับการเรียนอย่างหนัก และการทำขนมที่เป็นความฝันสูงสุดของเธอมาโดยตลอด เธอจึงไม่เคยมีเวลาว่างให้เรื่องอื่นเลยแม้แต่น้อย และไม่เคยคิดถึงเรื่องความรักหรือความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับใครเลย
ด้วยความที่เธอถูกป๊าฟลอยด์กับแม่ปุ้ยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก และได้รับความเมตตาจากครอบครัวของหมอกที่ส่งเสียด้านการศึกษามาโดยตลอด เธอจึงไม่อยากทำให้พวกท่านรู้สึกเสียดายเงินที่ทุ่มเทไป และไม่อยากทำให้พวกท่านผิดหวังในตัวเธอ ช่อแก้วจึงพยายามตั้งใจเรียนอย่างหนักเพื่อตอบแทนบุญคุณทุกคน
“พูดแล้วก็น่าเอ็นดูจริง ๆ นะที่คนอย่างช่อไม่เคยมีแฟนเลยน่ะ รู้ไหมว่าตอนแรกพี่แทบไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ”
“…ทำไมล่ะคะ หรือว่าช่อดูเป็นคนขี้โกหกเหรอพี่เขต”
“ไม่ใช่แบบนั้น พี่หมายถึงว่า…คนที่ทั้งสวย น่ารัก แล้วก็เรียนเก่งแบบช่อไม่น่าจะโสดได้ง่าย ๆ น่ะสิ”
ทุกอย่างเป็นจริงตามที่เขตกล่าว เพราะระหว่างที่เธอกำลังเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ช่อแก้วก็ยังคอยทำตามความฝันของเธอควบคู่ด้วย เป็นฝันที่อยากเปิดร้านขนมเล็ก ๆ เป็นของตัวเองหลังจากที่เรียนจบ แต่การจะลงทุนทำธุรกิจมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องใช้ทั้งความพยายาม ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ รวมถึงเวลาและเงินทุนจำนวนมหาศาล และยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อีกมากมาย
นั่นจึงทำให้ตลอดระยะเวลาที่ช่อแก้วพยายามทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริงให้ได้อยู่นั้น เธอจึงแทบไม่มีเวลาว่างเหลือให้ตัวเองเลยแม้แต่วันเดียว เธอไม่เคยคิดชายตามองใครด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ดีว่าเธอไม่มีเวลาให้คนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ หรือการออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนเหมือนคนอื่น ๆ
กระทั่งวันหนึ่ง เขตที่เป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยก็เป็นฝ่ายตามจีบเธอก่อนตั้งแต่ที่เธอเข้าเรียนปีหนึ่ง เขาเป็นคนที่มีความเสมอต้นเสมอปลาย พยายามเข้าหาเธออย่างสม่ำเสมอ คอยดูแลเอาใจใส่ และให้กำลังใจเธอในทุกเรื่องจนกระทั่งเธอเรียนจบ
ความเสมอต้นเสมอปลายของเขาทำให้เธอใจอ่อนยอมตกลงเป็นแฟนด้วยในที่สุด หลังจากที่เขาตามจีบมานานนับปี ความรู้สึกดี ๆ ที่เขามีให้มันมากมายจนเธอรู้สึกผิดที่จะปฏิเสธ แต่เธอก็รู้ดีว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับผู้ชายคนนี้ มันคือความรู้สึกที่คล้ายกับพี่น้องมากกว่า เช่นเดียวกับผู้ชายอีกคนที่คอยบอกตัวเองมาตลอดว่าให้เจียมตัวและหักห้ามหัวใจไม่ให้ไปรักคนที่ไม่ควรรัก
น่าแปลกที่เธอไม่เคยรู้สึกเชิงชู้สาวกับเขตเลยสักครั้ง ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา ในสายตาของเธอ เขตเป็นเหมือนพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่ง เป็นคนที่คอยดูแล ห่วงใย และให้คำปรึกษาเธอได้เสมอ เป็นคนที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอดในยามที่เธอต้องการกำลังใจ และเพราะแบบนั้น เมื่อครู่ช่อแก้วถึงได้รีบเด้งตัวเองออกมาจากเขาอย่างไม่รู้ตัว โดยที่เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ลึก ๆ แล้วช่อแก้วก็รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองอยู่ไม่น้อย ต่อให้เธอจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแย่อยู่ดี เธอไม่ต้องการทำร้ายความรู้สึกดี ๆ ของเขต และได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งตัวเธอจะสามารถใกล้ชิดและมองเขตในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรักได้อย่างเต็มใจจริง ๆ
“พี่ว่าพี่ไม่กวนแล้วดีกว่า เดี๋ยวช่อจะทำงานไม่สะดวกแล้วขนมจะไหม้เอา พี่…ไปยืนประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ก็แล้วกันนะ แต่ถ้าช่อต้องการลูกมือช่วยงานตรงไหนก็บอกพี่ได้ พี่จะรีบเข้ามาช่วยทันทีเลย”
“ได้เลยค่ะ ยังไงก็…ขอบคุณสำหรับน้ำปั่นด้วยนะคะพี่เขต มันช่วยให้ช่อสดชื่นขึ้นเยอะเลยค่ะ”
หลังจากที่ช่อแก้วดื่มน้ำผลไม้ปั่นจนหมดแก้วแล้ว เขตก็พยักหน้ารับคำขอบคุณของแฟนสาว แล้วเดินมาลูบผมของเธอเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับออกไปจากห้องทำขนมอย่างเงียบ ๆ เพื่อให้ช่อแก้วได้มีสมาธิกับการทำงานต่อ
ส่วนช่อแก้วก็กำลังรอให้เขตเดินออกไปจากห้องทำขนมของเธอเสียก่อน เมื่อเสียงปิดประตูห้องดังขึ้นแล้ว เธอก็ได้กลับมาอยู่เพียงลำพังอีกครั้ง ช่อแก้วจึงค่อย ๆ แอบถอนลมหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความหนักใจ
“...เฮ้ออออ~”
ตอนนี้ช่อแก้วไม่รู้แล้วว่าเธอควรจะสนใจอะไรก่อนดี ระหว่างเรื่องที่หมอกกลับมาเมืองไทยและท่าทีที่แปลกไปของเขา หรือควรจะสนใจเรื่องของตัวเองและจดจ่ออยู่กับการที่เธอไม่สามารถข้ามเส้นคำว่าพี่น้องระหว่างเธอกับเขตได้สักที สองเรื่องนี้วนเวียนอยู่ในหัวของช่อแก้วไม่หยุดหย่อน จนทำให้เธอสับสนวุ่นวายใจไปหมด เธอต้องการเวลาที่จะคิดทบทวนทุกอย่างอย่างจริงจังว่าอะไรคือสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ กันแน่ และควรจะทำยังไงต่อไปกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้ดี
“วันนี้ปวดหัวชะมัดเลยแฮะ เป็นไมเกรนแล้วหรือเปล่าเนี่ย”
ช่อแก้วยกมือขึ้นกุมข้างขมับเบา ๆ พลางหลับตาลงและนวดคลึงดวงตาอย่างอ่อนล้า ภาพรอยยิ้มที่เคยสดใสของหมอกยามที่เพิ่งเจอหน้ากันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังคงติดตา ทว่าแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังยามที่ได้ยินคำว่าแฟนจากปากของเขตมันหมายความว่ายังกันแน่
“แล้วถ้าสิ่งที่พี่เขตสงสัยเป็นความจริงล่ะ ผู้ชายด้วยกันก็อาจจะอ่านความคิดกันออกก็ได้นี่นา สมมติว่า…ถ้าหมอกชอบเราจริง ๆ ขึ้นมา…จะทำยังไงต่อดี”
ช่อแก้วบ่นพึมพำพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง การปรากฏตัวของหมอกในวันนี้ทำให้กำแพงบาง ๆ ที่เธอก่อขึ้นมาหว่างเขตกับตัวเองเริ่มเปลี่ยนแปลง และความรู้สึกที่เธอเคยเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจก็เริ่มปะทุขึ้นมาเสียอย่างนั้น