ดูเหมือนพวกเขาจะชื่อ...
“เอียนกับแอชตันใช่ไหม?” เพื่อนร่วมงานคนที่สองเอ่ยขึ้นตรงกับที่ปาหนันคิดพอดี ทำให้หญิงสาวลอบพยักหน้าไปด้วย ขณะที่หูก็ฟังเพื่อนสนิทคุยกัน “เธอชอบคนไหนล่ะ”
“แน่นอนว่าต้องเอียนสิ” คนแรกเอ่ย “ฉันชอบผู้ชายที่ดูดิบเถื่อนหน่อยๆ น่ะ มันตื่นเต้นเร้าใจดี”
เอียน แอดดิสันได้ยินมาว่าเขาดูแลกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ของแอดดิสัน และแอชตัน แอดดิสันก็ดูแลกิจการค้าปลีกของตระกูลแอดดิสัน
“ต๊าย!” คนที่สองกลับแย้งขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย “แต่ฉันชอบเย็นชาอย่างเจ้านายเรามากกว่า”
เจ้านายที่พูดถึงก็คือเอเดรียนซึ่งเป็นซีอีโอของแอดดิสันไฟแนนซ์เชียลนั่นเอง
“ฉันว่าต้องดูร้ายๆ อย่างเอียนสิ” ทว่าเพื่อนคนแรกก็เถึยงอย่างไม่ยอมแพ้ “เวลาเขายิ้มนะมันดึงดูดออก”
“ว่าแต่เธอล่ะปาหนัน เธอชอบผู้ชายแบบไหน?”
แล้วหนึ่งในสามสาวก็วกมาถามเธอ
“ฉันเหรอ อืม…” ปาหนันกะพริบตา ไม่คิดว่าเรื่องจะวกเข้ามาหาตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ตอบออกไปตามที่ตัวเองคิดเอาไว้ “ไม่รู้สิ แต่ที่แน่ๆ ฉันคงไม่ชอบพวกจอมมารในชุดสูทอย่างสามพี่น้องแอดดิสันเด็ดขาด พวกเขาร้ายกาจมากเกินไป ฉันคงตามไม่ทันหรอก ฉันขอคนธรรมดาก็พอแล้วล่ะ”
ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชาย ทว่าแท้จริงแล้วอีกภาคหนึ่งของผู้ชายตระกูลแอดดิสันก็คือ ‘จอมมาร’ ดีๆ นี่เอง สื่อบางที่เหน็บแหนมพวกเขาว่าเป็น ‘จอมมารในชุดสูท’ หรือ ‘จอมมารในคราบของเจ้าชาย’
สุภาพ เรียบร้อย สง่างาม แต่ย่างกรายไปที่ใดพวกเขาต่างทำให้ผู้คนสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว โดยเฉพาะเอเดรียน แอดดิสันที่ต่างรู้ดีว่าเขามีสไตล์การทำงานที่ไร้หัวใจมากเพียงใด อะไรที่กลืนกิน ควบรวมได้เอเดรียนทำทันที ไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากผลประโยชน์ของแอดดิสัน
“เฮ้อ…” เพื่อนสาวทั้งสามคนพร้อมใจกันถอนหายใจใส่เธอในทันที “เธอก็จืดชืดพออยู่แล้วนะที่รัก ยังจะชอบคนจืดๆ อีกเหรอ!” หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจนัก
ปาหนันเป็นคนเดียวที่แต่งตัวทุกๆ อย่างได้ถูกต้องตามกฏระเบียบของบริษัทมากที่สุด! แถมแม่สาวไทยกลับชอบแต่งหน้าเบาบางเสียจนเรียกได้ว่าแทบไม่แต่งแต้มสีสันใดๆ ลงบนใบหน้าเลย แล้วไอ้แว่นสายตากรอบดำอันโตที่ชอบใส่เวลางานอีก
โอย…นี่มันยุคสมัยไหนกัน แม่นี่ยังชอบทำตัวคร่ำครึจนไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีคนแบบนี้บนโลก!
ถึงความฝันเฟื่องที่ว่าจะได้ครอบรักกับเจ้าชายของแอดดิสันไม่ใช่ความจริง แต่หนุ่มๆ ที่ทำงานในแอดดิสันต่างก็ดูดีทั้งนั้น! อย่างน้อยก็ควรเห็นแก่อนาคตตัวเองด้วยการทำตัวดีๆ แล้วสะดุดตาหนุ่มๆ พวกนั้นบ้างสิ!
ปาหนันได้ยินเพื่อนค่อนขอดก็ทั้งฉุนทั้งขำ แต่ค่อนไปทางขำมากกว่า “คนธรรมดาสิ!” เธอแย้งขึ้นมา “ไม่ใช่คนจืดๆ”
รักคนธรรมดาไม่ดีตรงไหน หรูหราเลิศเลอเกินไปน่าปวดหัวทั้งนั้นแหละ!
“แต่ฟังแล้วยังไงมันก็คิดถึงแต่พวกจืดๆ แค่นั้นแหละ!” เพื่อนคนที่สองเอ่ยแย้งขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วยอยู่ดี ก่อนที่อีกฝ่ายจะหรี่ตาลง ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วล้อเลียนเธอว่า “งั้นเธอคงจะชอบเยเกอร์ที่ทำงานฝ่ายไอทีสินะ หมอนั่นเขาสนใจเธอนี่”
ปาหนันถึงกับสะดุ้งโหยงแล้วโบกมือว่อนไปมาปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นแหละจ้ะ ฉันไม่มีแผนอยากจะแต่งงาน”
เธอเพิ่งอายุยี่สิบสามย่างยี่สิบสี่ ทำงานได้ปีสองปี อะไรจะคิดเรื่องแต่งงานไวขนาดน้าน...
พอได้ยินเธอปฏิเสธอย่างขึงขังแบบนั้น เพื่อนคนที่สองก็เปลี่ยนมานั่งข้างเธอ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปาหนันเหลือบตามองไปทางประตูห้องประชุมใหญ่ด้วยความระแวงว่าเจ้านายจะโผล่มาแวบหนึ่ง เมื่อไม่เห็นก็โล่งใจ เพราะดูท่าเธอจะทำงานต่ออย่างจริงจังนี่ลำบากแล้ว
ความอยากรู้อยากเห็นของคนเรานี่เอาชนะได้ทุกสิ่งจริงๆ!
“ถามจริงๆ นะที่รัก เธอเคยคบใครไหม?”
คำถามของอีกฝ่ายทำให้ปาหนันเกือบหลุดหัวเราะ ก่อนจะตอบว่า “ไม่”
“เคยชอบใครหรือเปล่า”
คราวนี้เธอส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะตอบว่า “ก็ต้องเคยสิ”
“นี่” เพื่อนคนที่สามซึ่งเงียบอยู่นานคงทนไม่ไหว จึงขัดทั้งคู่ขึ้นมาว่า “ทำไมไม่ถามปาหนันไปตรงๆ เลยล่ะว่าเธอน่ะเคยมีเซ็กซ์บ้างไหม”
“เมแกน!”
ปาหนันอุทานออกมาเสียงดังอย่างตกใจกับคำถามนั้น นั่นทำให้เพื่อนสาวคนแรกถึงกับปรบมือเข้าหากันพร้อมกับเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “ไม่เคยชัวร์ๆ เลย ตายแล้ว! ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าจะเจอกับสาวพรหมจารีย์แบบเธอน่ะปาหนัน!”
ปาหนันหน้าแดงแปร๊ด ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องน่าอายกับการที่เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใคร แต่การเอามาพูดอย่างหน้าตาเฉยอย่างนี้ ต่อให้เธอมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่อายุสิบสองก็ยังไม่ชินอยู่ดี
“ก็ฉัน...”
“นี่ๆ” ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า “เลิกไล่ต้อนปาหนันได้แล้วล่ะน่า หัวหน้าเดินมาโน่นแล้ว ถ้าเขาเห็นเราอยู่ด้วยกันนานเกินไปต้องหาว่าเราอู้อีกแน่ๆ”
“แยกย้ายๆ” สองสาวเอ่ยอย่างเสียดาย แต่ก็ยอมแยกไปแต่โดยดี ทว่าถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ยังมิวายหัวมาถามปาหนันและคนอื่นๆ ในกลุ่มที่ค่อนข้างสนิทกันว่า “แต่เดี๋ยวเย็นนี้นัดกินข้าวเย็นด้วยกันนะ ห้ามปฏิเสธล่ะ?”
“ต้องขอโทษด้วยนะ” ปาหนันเอ่ยขึ้น “แต่ฉันคงไปไม่ได้ ฉันต้องอยู่ทำโอทีต่อ งานฉันยังไม่เสร็จ”
“โธ่ ปาหนัน…” ใครคนอื่นร้องครางอย่างเสียดาย เธอว่าไม่ได้เสียดายที่เธอไปไม่ได้ แต่เสียดายที่เธอไม่ได้ไปให้ซักไซ้ต่อต่างหาก …ขอบคุณโอทีช่วยชีวิตแท้ๆ
“ขอให้สนุกกันนะ” ปาหนันอวยพรพลางยิ้มบาง ขณะที่เพื่อนสาวมองหน้าเธออย่างรู้ทัน
“คราวหน้าเธอห้ามเบี้ยวด้วยนะ ไม่อย่างนั้นโกรธเธอจริงๆ ด้วย”
“ได้เจนนี่” ปาหนันรับปากด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มบาง “ฉันไม่เบี้ยวเธอแน่ๆ”
๐๐๐๐