11

1663 คำ
หลังวางสายมาริสาก็ก้าวเท้าออกเดินอีกครั้ง เหลืออีกราวๆ สิบขั้นก็จะถึงชั้นที่พักของตนเอง ทันทีที่เธอเดินผ่านมุมบันไดมาได้เพื่อตรงไปยังห้องพักของเธอซึ่งเป็นห้องแรกทางซ้ายมือ หญิงสาวก็ต้องตกใจเมื่อห้องตรงกันข้ามเปิดประตูออกแล้วเจ้าของห้องก็เรียกชื่อเธอดังลั่น “มารีน!” “เรแกน” เธอเรียกและมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาเกือบจะเป็นตำหนิที่ทำให้เธอตกใจ แต่เรแกนดูจะไม่สนใจ เพราะอีกฝ่ายกวาดตามองเธอเร็วๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตื่นเต้นว่า “ฉันว่าแล้วว่าต้องเป็นเธอ นี่ฉันอดทนดักรอเลยรู้ไหม” ก่อนที่เรแกนจะได้พูดอะไรต่อและปลุกคนทั้งชั้นให้ออกมาด่าพวกเธอ มาริสาก็บอกกับเพื่อนสนิทว่า “เข้าห้องกันก่อนเถอะ” “โอเค” อีกฝ่ายตอบตกลง แล้วเป็นฝ่ายดึงกุญแจห้องจากมือเธอไปไขเปิดประตูเองเสียด้วยซ้ำ และทันทีที่เข้าไปข้างในพร้อมกับประตูปิดสนิท เรแกนที่ยังคงมีท่าทีตื่นเต้นก็หันขวับมาจับต้นแขนเธอแล้วร้องออกมาอย่างสิ้นความอดทน “กรี๊ดดด มารีน สวยมากเลยอะ!” เจ้าหล่อนกรีดร้องใส่เธอจนมาริสาต้องยกมือปรามให้ทำเสียงเบาๆ เธอวางรองเท้าแบรนด์หรูที่ถืออยู่ในมือลงกับชั้นอย่างช้าๆ เพราะกลัวมันจะถลอก ต่อมาวางกระเป๋าครัชต์ที่ถืออยู่กับเตียงนอน แน่นอนว่าต้องช้าๆ และทะนุถนอมเช่นเดียวกัน จากนั้นจึงตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบเอารีมูฟเวอร์ออกมาแล้วหันไปบอกกับเพื่อนสนิทว่า “ขอฉันอาบน้ำล้างหน้าก่อนค่อยคุยกัน หนักหน้ามาก” เธอบ่นพลางโบกมือไปรอบๆ หน้า ต้องขอบคุณนวัตกรรมของเครื่องสำอางโดยเฉพาะลิปติกที่เธอถูกฟลินน์จูบขยี้ราวกับสูบวิญญาณมาขนาดนี้ก็ไม่ได้ทำให้ลิปสติกบนริมฝีปากเธอดูเลอะเทอะเท่าไรและเธอก็เช็คมันเรียบร้อยแล้วว่าจะไม่มีใครจับได้ว่าเธอจูบกับผู้ชายมา ซึ่งหวังว่าเรแกนจะไม่สังเกตเห็น “ก็หัดแต่งบ่อยๆ สิ แกแต่งแบบนี้สวยจะตาย” เรแกนกวาดตามองเพื่อนสนิทอย่างชื่นชม ชุดนี้ทำให้มาริสาดูหวานอมเปรี้ยว และสวยโดดเด่นเป็นที่จับตามอง ร้อยหนึ่งเอาเหรียญเดียว เธอว่าฟลินน์ เบรดฟอร์ดตกหลุมรักเพื่อนของเธอแน่ๆ ! “ไม่เอาอะ รำคาญ” มาริสาไม่ชอบแต่งหน้า แค่เธอยอมทาลิปและให้บรัชออนได้แตะแต้มบนใบหน้าบ้างก็ถือว่าเธออนุโลมให้กับความเป็นผู้หญิงของตัวเองมากพอแล้ว “กว่าจะได้แบบนี้ฉันแทบถูกมัดติดกับเก้าอี้นะบอกเลย” และเกือบสี่ชั่วโมงที่ติดแหง็กจะขยับก็ไม่ได้ มันคือความทรมาน โดยเฉพาะที่คนพวกนั้นดึงขนคิ้วของเธอเพื่อจัดทรงให้คิ้วน่ะ! เจ็บเป็นบ้า! “เหอะ” เรแกน...ผู้หลงใหลในแฟชั่นค้อนขวับ ก่อนแย่งรีมูฟเวอร์ จากมือเธอแล้วเอ่ยอาสาขึ้นมาว่า “มา เดี๋ยวช่วยเช็ดหน้าให้” “ขอบใจ” มาริสาส่งให้เพื่อนไปแต่โดยดี “นั่งลงตรงนี้เลย” อีกฝ่ายชี้นิ้วไปที่ปลายเตียงซึ่งนั่งอยู่ก่อนหน้า มาริสายอมทำตาม ทว่าก่อนที่จะลงมือจัดการลบเครื่องสำอางบนใบหน้าของเธอ เรแกนกลับมองอย่างสำรวจแล้วร้องอุทานดังลั่น “เอ๊ะ ว่าแต่แกเถอะ ทำไมปากเลอะจัง หรือว่า...” ดวงตาสีมรกตของเพื่อนสนิทหรี่มองเธออย่างจับผิด มาริสาสะดุ้ง ไม่สามารถปกปิดอาการตกใจที่ถูกจี้อย่างปัจจุบันทันด่วนขึ้นมาได้ เธอได้แต่ร้องห้ามไม่ให้เพื่อนพูดออกมาเสียงดังลั่น “ไม่ต้องพูดออกมานะ!” แต่นั่นมันเหมือนกับว่าเธอตกลงไปในหลุมพรางเต็มๆ เพราะ เรแกนถึงกับเบิกตากว้างแล้วเขย่าบีบต้นแขนเธอไปมาเพื่อเค้นคอให้เธอสารภาพ “แกจูบกับเขาแล้วใช่ไหม สารภาพมานะ!” รู้อยู่แล้วว่าคงไม่สามารถปิดเพื่อนสนิทของตนเองได้ มาริสาจึงอดนิ่วหน้าแล้วประท้วงออกมาไม่ได้ถึงความไม่ยุติธรรมที่เธอกำลังได้รับ “ทำไมแกไม่คิดว่าฉันโดนบังคับละ พูดแบบนั้นเหมือนฉันสมยอมเลย!” แต่ดูเหมือนเพื่อนจะไม่ได้สนใจสักนิดว่าเธอถูกรังแกมาไม่ได้สมยอม! อีกฝ่ายยกมือปิดปากแล้วกรีดร้องดังลั่น “กรี๊ดดด! จูบของเขาเป็นไง!” คำถามของเรแกนทำให้เธอหน้าแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่ และผงะด้วยความคาดไม่ถึงว่าเพื่อนจะทำกับเธอแบบนี้! “ยายเรแกน!” “ก็ฉันอยากรู้” เรแกนที่เริ่มรู้แล้วว่าเธอไม่พอใจจึงตอบเสียงอ่อยๆ เป็นการ ขอโทษไปในตัว แต่ถึงอย่างนั้นความอยากรู้อยากเห็นก็อยู่ในดวงตาของเจ้าหล่อนอยู่ดี มาริสาเลยตัดสินใจบอกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าและน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “มันไม่ได้ดีอะไรหรอก หยาบคาย กระด้าง!” ขบเม้มอย่างลึกซึ้งและบดขยี้ราวกับจะสูบเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ...ซึ่งอันหลังเธอจะไม่มีวันบอกออกไปโดยเด็ดขาด “ว้าว! ต้องเร่าร้อนมากแน่ๆ” เรแกนเอ่ยขึ้นราวกับเห็นเหตุการณ์เอง ซึ่งนั่นทำให้มาริสาไม่พอใจ “เรแกน!” “โอเคๆ” อีกฝ่ายยกมืออย่างยอมแพ้ ก่อนจะเริ่มเช็ดเครื่องสำอางบนหน้าให้เธอ “งั้นข้ามเรื่องนี้ แกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ฉันฟังสิ” คราวนี้น้ำเสียงของอีกฝ่ายเป็นงานเป็นการขึ้น ซึ่งทำให้มาริสาพอจะเต็มใจเล่าให้ฟังขึ้นมาบ้าง “อืม…ก็หลังจากที่ฉันโทร.หาแกใช่ไหม ฉันก็...” แล้วมาริสาก็เริ่มต้นเล่ารายละเอียดของงานวันนี้รวมถึงสิ่งที่เธอทำให้กับเรแกนฟัง เพื่อที่ว่าจะได้วางแผนรับมือกับสิ่งที่จะตามมาถูก และแน่นอนว่ารวมถึงเรื่องที่คุณปู่สั่งให้เธอเป็นผู้ช่วยของเขา โดยละเรื่องหนี้ที่ปู่ใช้บีบบังคับไป ------------------------- วันต่อมา “เธอต้องการอะไรกัน?” “ฉันบอกแล้วไงว่าอีกไม่นานคุณจะรู้” “เธอเป็นใคร?” “ฉันเหรอคะ?...” “…” “ฉันเป็นของขวัญวันเกิดของคุณ” เพล้ง! ของขวัญจากนรกน่ะสิ! ฟลินน์ขว้างแก้วที่วางอยู่ไม่ไกลอัดใส่กำแพงห้องทำงานเต็มๆ แรงเพื่อเป็นการระบายโทสะที่อัดแน่นภายในร่างของเขาจนแทบจะปริแตก แต่กลับหาทางระบายออกไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ยายปีศาจนั่นก็ตามหลอกหลอนเขาจนไม่อาจข่มตาหลับได้ลง ยิ่งเขาถูกบังคับให้ต้องเข้าสำนักงานในวันนี้ ฟลินน์ก็หมดความอดทนจนเผลอระบายอารมณ์อย่างรุนแรงไปจนได้ ซึ่งวินาทีเดียวกันกับที่เขาปาแก้ว ประตูห้องทำงานของเขาก็ถูกเปิดออก “มิสเตอร์เบรดฟอร์ด!” ผู้ช่วยของเขายืนหน้าตื่น ทักเกอร์ ลีร้องขึ้นหน้าตื่น เพราะแก้วที่ลอยละลิ่วต่อหน้านั้นไม่ได้ห่างจากตัวเขาไปเสียเท่าไรนัก ฟลินน์เม้ม ริมฝีปากแน่นจนแทบจะเป็นเส้นตรงกับสีหน้าแตกตื่นของผู้ช่วยที่ทำงานกับเขามายาวนานเกือบสิบปี “ให้คนเข้ามาเก็บเศษแก้วด้วย” เขาสั่งเสียงห้วน แล้วหันหลังให้กับทักเกอร์ “เกิดอะไรขึ้นครับ?” ทักเกอร์ที่เดินไปกดเรียกแม่บ้านประจำชั้นที่โต๊ะทำงานซึ่งตั้งอยู่หน้าห้องของซีอีโอแล้วจึงเดินกลับมาหาฟลินน์ในห้องอีกครั้ง พร้อมกับย้อนถามด้วยความสงสัย ฟลินน์คลายริมฝีปากที่ขบกันแน่นออก แล้วจึงตอบคำถามผู้ช่วยของตนเอง “ไม่มีอะไรทักเกอร์ ฉันแค่หงุดหงิดนิดหน่อย” เพราะยายปีศาจคนเดียวที่ตามหลอกหลอนเขาทั้งวันทั้งคืนแบบนี้! “ครับ…” ทักเกอร์ไม่เอ่ยอะไรต่อ แม้จะเห็นได้ชัดว่าฟลินน์ไม่ได้แค่หงุดหงิดนิดหน่อยอย่างที่เอ่ยอ้าง “อ้อ วันนี้คุณมีเอกสารสำคัญมากที่ต้องเซ็นด้วยตัวเอง” เขาเปลี่ยนเรื่อง ฟลินน์ได้ฟังอย่างนั้นก็พยักหน้าหงึกๆ รับ “งั้นก็เอาเข้ามา” “ครับ” “มีงานอะไรค้างก็รีบส่งมา” คนเป็นเจ้านายสั่งต่อ “ฉันจะไม่อยู่หนึ่งอาทิตย์” เขาไม่มีอารมณ์อยากจะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว เขาน่าจะสั่งให้คนเตรียมเรือสตาร์ดิวารี่เอาไว้ แล้วเขาจะล่องเรืออยู่กลางทะเลสักสัปดาห์ ทะเล น่ะช่วยให้เขาหายเครียดและหงุดหงิดได้เสมอ ความเวิ้งว้างของมันให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว...เหมือนกับเขานั่นแหละ “คุณจะไปที่ไหนครับ” “ลาสเวกัส” เขาตอบไปส่งๆ เพื่อไม่ให้ทักเกอร์เอาข้อมูลที่อยู่ของเขาไปบอกพวกตาเฒ่าพวกนั้น “ครับ” ทักเกอร์ตอบรับ ทว่าก่อนจะออกจากห้องเขาก็นึกขึ้นได้ถึงกำหนดนัดหมายวันนี้ของผู้เป็นเจ้านาย “อ้อ…แต่ว่าวันนี้คุณมีเดตที่...” สืบเนื่องจากเรื่องเมื่อวานนี้ วันนี้คือวันที่เขาต้องทำตามข้อตกลงระหว่างผู้ถูกประมูลกับผู้ประมูล “ไม่ไป” ฟลินน์ปฏิเสธเสียงเฉียบขาด “ถ้ายายนั่นมาก็ให้รอไป” ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะทนๆ ทำหน้าที่ไปให้เสร็จสิ้น แต่กับยายปีศาจนั่น ปล่อยเธอไป! เธอทำเขาเจ็บแสบเสียขนาดนั้นอย่าคิดว่าเขาจะญาติดีกับเธอเลย! “แต่ว่ามัน...” ทักเกอร์อดทักท้วงไม่ได้ ฟลินน์ถลึงตาใส่ผู้ช่วยด้วยความฉุนเฉียว “ถ้าจะยายนี่จะฟ้องปล่อยข่าวลืออะไรก็ช่างหัวเธอ! ฉันไม่สนใจแล้ว!” “ครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม