มาริสาเดินกึ่งวิ่งไม่หยุด จนกระทั่งแน่ใจว่าฟลินน์จะไม่ตามเธอมาแล้วหญิงสาวจึงยอมผ่อนฝีเท้าลง เพราะไม่เคยใส่ส้นสูงขนาดนี้มาก่อน เธอจึงรู้สึกปวดเท้ามากเป็นพิเศษ หญิงสาวหยุดหอบหายใจ ก่อนจะใช้มือแตะริมฝีปากที่ยังคงรู้สึกร้อนผ่าวและวาบหวามเพราะจูบลึกซึ้งจนแทบจะกระชากวิญญาณเมื่อครู่นี้ ความรู้สึกร้อนวูบวาบยังแล่นไปทั่วกายอย่างน่าชิงชัง เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าฟลินน์จะทำแบบนี้กับเธอ เขาไม่เคยมีท่าทีจะมองเธอเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ! เขาย้ำเสมอว่าเธอไม่ใช่สเป็กที่เขาจะยอมกิน นั่นทำให้เธอเชื่อ! เธอถึงได้ไม่ระวังตัวเองเสียเลย แต่คืนนี้เธอก็ได้เรียนรู้แล้วว่าไม่ควรปล่อยให้ฟลินน์เข้าใกล้เกินไปอีกต่อไป และต้องไม่ลืมว่าเขาคือไอ้หื่นเสเพล ที่พร้อมจะกระโจนเข้าหาผู้หญิงทุกคนแม้คนๆ นั้นจะโดนเขาดูถูกถากถางแค่ไหนก็ตาม!
มาริสาเริ่มออกเดินอีกครั้งเมื่อปรับอารมณ์หวามไหวของตัวเองได้แล้ว เธอตัดสินใจเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อจะไม่ให้ผ่านห้องบอลลูมที่กำลังใช้จัดงานนั่น หญิงสาวไม่มีธุระอะไรที่จะต้องอยู่ในงานเลี้ยงไฮโซนั่นอีกต่อไปแล้ว
ทว่าในระหว่างที่ขอให้ทางโรงแรมเรียกรถเพื่อไปส่งเธอกลับ
อพาร์ทเม้นต์ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมาเสียก่อน มาริสามองผู้ที่ติดต่อเข้ามาด้วยความรู้สึกไม่อยากรับสาย ทว่าสุดท้ายเธอก็กดรับไปจนได้
“สวัสดีค่ะคุณปู่”
“เธอไปทำบ้าอะไรบนเวทีนั่น!”
ความกราดเกรี้ยวจากปลายสายส่งผลให้มาริสาเผลอยืดแผ่นหลังเหยียดตรงด้วยความตระหนกโดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่ากรินเดล ฟอสเตอร์รู้แล้วว่าเธอทำอะไรลงไปในวันนี้
ทว่าถึงอย่างนั้นมาริสาก็เก็บความหวาดหวั่นลงไปในอก แล้วตอบโต้ผู้เป็นปู่กลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
“ก็ทำตามคำสั่งของคุณปู่ไงคะ”
เธอนึกอยากปรบมือให้ตนเองเสียจริงๆ ที่ควบคุมน้ำเสียงไม่ให้แสดงออกถึงความหวาดหวั่นได้ มาริสาได้ยินเสียงผู้เป็นปู่สูดลมหายใจเข้าปอดลึก รู้สึกได้ถึงความโกรธของเขาที่แผ่ขยายมาตามสายโทรศัพท์
“ฉันไม่ได้สั่งให้เธอทำแบบนี้นะมาริสา”
งั้นปู่อยากให้เธอเดินตรงเข้าไปหาฟลินน์ เบรดฟอร์ด แล้วบอกผู้ชายคนนั้นว่าฉันถูกส่งมาเพื่อดัดนิสัยของคุณค่ะ คุณเบรดฟอร์ด กรุณาให้ฉันดัดนิสัยของคุณนะคะ ให้พูดอย่างนั้นเหรอ ตลกน่า...คนอย่าง
ฟลินน์ เบรดฟอร์ดต้องสั่งสอนเขาด้วยวิธีการที่เฉียบคมยิ่งกว่านั้น
เขาคือชายหนุ่มฉกรรจ์อันตรายที่อายุสามสิบสี่ ไม่ใช่เด็กหัวดื้ออายุสิบแปดสิบเก้าอย่างที่ปู่มาทำให้เธอคิดในตอนแรก!
“หนูมีวิธีการของหนูค่ะคุณปู่” มาริสาตอบกลับไปด้วยความอดทนอดกลั้นเท่าที่เธอจะสามารถทำได้ “ถ้าไม่ทำแบบนี้หนูก็เข้าถึงตัวเขาไม่ได้” เธอพยายามชี้แจง แต่ปลายสายไม่ได้สนใจฟังต่อสักนิด
“มันยังมีอีกหลายวิธี”
และเป็นหลายวิธีที่ฟังแล้วนิ่มนวลเกินไปสำหรับฟลินน์ เบรดฟอร์ด ไม่ละ คนอย่างเขาต้องเจออย่างนี้
“วิธีนี้แค่ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ เองค่ะ” หญิงสาวตอบกลับ ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “อีกอย่างวิธีนี้หนูปรึกษากับมิสเตอร์ไวท์แล้ว เขาก็เห็นชอบด้วยค่ะ”
ถ้าผู้สนับสนุนรายใหญ่ในโปรเจกต์นิวฟลินน์เห็นชอบ ปู่ก็ทำอะไรเธอไม่ได้ แล้วมันก็เป็นความคิดที่ถูกต้อง เมื่อปู่หยุดหาเรื่องเธอใน
ทันที
“เอาละ” เขายอมเลิกไล่จี้ตำหนิเธอแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายจิกกัดด้วยความหงุดหงิดอยู่ดี “เลิกสร้างข่าวฉาวพวกนั้นซะ แล้วฉันจะให้เธอเข้าไปทำงานกับมิสเตอร์เบรดฟอร์ดเอง”
“คะ?”
คราวนี้มาริสาตกใจจริงๆ กับคำสั่งในประโยคสุดท้ายของปู่ เธอทำท่าจะประท้วงไปตามสาย ทว่าท่านไม่สนใจฟัง แล้วเอ่ยอย่างเอาแต่ใจตัวเองว่า
“เตรียมตัวให้พร้อม อีกสามวันฉันจะให้เธอเข้าไปเป็นผู้ช่วยของเขา”
“คุณปู่!” เธอร้องเสียงแหลมอย่างขัดใจ “อย่าบังคับให้หนูทำตามคุณปู่นะคะ หนูมีวิธีการของหนูอยู่แล้ว”
มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่เธอจะต้องไปทำงานรองมือรองเท้าเขา! ฟลินน์ เบรดฟอร์ดจะต้องหาทางเล่นงานเธอแน่ๆ เธอคิดว่ามันยังไม่สมควรที่จะต้องใกล้ชิดขนาดนั้น
แต่คำคัดค้านของเธอก็เป็นอันตกไปทันที
“ถ้าเธอไม่ทำ” น้ำเสียงเย็นชานั้นทำให้มาริสาตัวแข็งทื่อ “ฉันจะเรียกเก็บหนี้ที่แม่เธอกู้ฉันไปพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด”
“ว่าไงนะคะ!”
มาริสาตกใจ หนี้! แม่เป็นหนี้ปู่อย่างนั้นเหรอ หนี้อะไรกัน?!
“ฉันไม่รับคำปฏิเสธ”
ปลายสายไม่สนใจว่าเธอจะเป็นอย่างไร เมื่อสมใจแล้วกรินเดล ฟอสเตอร์ก็ตัดสายทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ทว่าสิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้ให้เธอก็สร้างความรู้สึกทั้งหงุดหงิดและโกรธเคืองไม่ต่างกัน
เธอนึกอยากจะโทร.ไปหามารดาแล้วสอบถามความจริงเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อฉุกใจคิดได้ในวินาทีต่อมาก็เห็นว่าไม่เหมาะสม...หญิงสาวทำใจให้เย็นลง และตอนนั้นเองที่พนักงานโรงแรมเข้ามาบอกเธอว่ารถแท็กซี่ที่ขอให้เรียกนั้นมาจอดรอแล้ว เธอกล่าวขอบคุณ ให้ทิปอีกฝ่ายไปแล้วตรงไปยังแท็กซี่สีเหลืองอย่างรวดเร็ว
---------------------------------------------
จากโรงแรมซันไชส์ใช้เวลาราวๆ สิบนาทีก็มาถึงอพาร์ทเม้นส์ของเธอ มาริสาจ่ายค่ารถก่อนจะลงมายืนหน้าตึก เธอใช้คีย์การ์ดทาบเปิดประตู เดินตรงไปยังบันได แวบหนึ่งอดเงยหน้าขึ้นมองบันไดที่ทอดยาวขึ้นไปไม่ได้ สุดท้ายเมื่อมองสภาพตัวเองแล้วคิดว่าเธอคงไม่สามารถสวมรองเท้าที่สูงถึงห้านิ้วแล้วไต่ไปถึงชั้นสามได้อย่างแน่นอน จึงตัดสินใจถอดรองเท้าเฟอร์รากาโม่ออกมาถือเอาไว้ คิดถึงตอนวิ่งหนี
ฟลินน์แล้วก็โล่งใจที่ไม่ล้มเสียก่อน โชคดีที่ส้นไม่หักและรองเท้าราคาแพงไม่ถลอก เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีปัญญาซื้อมาใช้คืนมิสเตอร์ไวท์แน่ๆ หญิงสาวหนีบกระเป๋าครัชต์ไว้ใต้วงแขนก่อนจะค่อยๆ ไต่ขึ้นไปข้างบนด้วยท่าทีกระปลกประเปลี้ยอ่อนแรง
เมื่อได้อยู่กับตัวเองแล้วเธอก็อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองกับฟลินน์ไม่ได้ ซึ่งพอคิดถึงเขาความรู้สึกทั้งหลายก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งจนต้องรีบด่าตัวเองโดยเร็วว่าไม่สมควรจะรู้สึกอะไรกับคนแบบนี้ หรืออันที่จริงฟลินน์อาจจะไม่ใช่คน เธอคิดว่าเขาอาจจะเป็นแอสโมดิอุส[1]...ปีศาจราคะที่คอยกระตุ้นให้ผู้หญิงหิวกระหายในเรื่องเพศ และล่อลวงพวกเธอให้ขึ้นเตียงไปกับเขา ต้องใช่แน่ๆ เลย!
ทว่าในระหว่างที่กำลังเดินขึ้นบันได โทรศัพท์มือถือของเธอก็สั่นขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวเอามันออกมาจากกระเป๋าใบเล็กที่หนีบไว้ใต้วงแขน ก่อนจะรับสายอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าคราวนี้เป็นหนึ่งในเจ้านาย ติดต่อมา
“ค่ะ มิสเตอร์ไวท์”
“ผมให้คนไปตามหาคุณหลังจากลงเวที คุณหายไปไหนครับ”
น้ำเสียงของเขาสุภาพและดูเป็นห่วงเป็นใย จนไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฟลินน์ เบรดฟอร์ดผู้ห่าม เถื่อน และดูชั่วช้าแบบนั้นได้!
เธอว่าต้องมีอะไรผิดพลาดที่ทำให้สองคนนี้ได้มาเป็นเพื่อนกัน ทว่าความห่วงใยที่ดาเรน ไวท์แสดงออกต่อฟลินน์ รวมถึงความวิตกกังวลที่มีต่อพฤติกรรมของฟลินน์ก็เป็นเรื่องจริงจนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสองหนุ่มนี้ดูสนิทสนมและรักใคร่กันมากกว่าพี่น้องแท้ๆ เสียอีก
“ฉันกลับแท็กซี่น่ะค่ะ” มาริสาตอบ ก่อนจะข้ามเหตุการณ์หลัง
จากนั้นไปอย่างจงใจว่าทำไมเธอถึงไม่อยู่ในงานต่อ “เลยไม่ได้รอพบคุณ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” ตอนท้ายเธอย้อนถามเพื่อเบี่ยงไม่ให้เขาซักไซ้ว่าหลังจากลงเวที เดินควงฟลินน์ที่หน้าบูดบึ้งเป็นหมีวนไปวนมาในงานครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นอีกเกือบชั่วโมงเธอหายตัวไปไหน
“ไม่ครับ ผมแค่จะให้คนขับรถไปส่งคุณที่อพาร์ทเม้นต์” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลและยังคงมีความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของเธอในน้ำเสียงของเขา “ตอนนี้มันดึกมากแล้ว เป็นผู้หญิงแถมยังแต่งตัวแบบนั้นคงจะเดินทางลำบาก แล้วดูจากสีหน้าไอ้ฟลินน์บนเวทีตอนเห็นหน้าคุณ ผมไม่คิดว่ามันจะยังมีสติพอที่จะคิดว่าควรส่งคุณกลับบ้านตามหน้าที่ของสุภาพบุรุษที่ดี”
สมกับที่เขารู้จักกันมานานนั่นแหละ สองคนนี้รู้จักกันดีจริงๆ เพราะฟลินน์ไม่ได้ทำหน้าที่สุภาพบุรุษเลย
เขาทำหน้าที่เป็นบุรุษเถื่อนกับเธอก่อนหน้านั้นต่างหาก!
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” มาริสาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยความรู้สึกขอบคุณสำหรับน้ำใจของปลายสาย “ฉันใกล้ถึงที่พักแล้ว ยังไงจะติดต่อคืนชุดให้นะคะ” เธอบอกเขาเมื่อนึกได้ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเธอตอนนี้ มีแต่ของที่ดาเรน ไวท์ส่งมาให้ทั้งนั้น แค่ชุดของแบรนด์ระดับไฮด์เอน คอลเลคชั่นซัมเมอร์ปีล่าสุดที่สวมอยู่ตอนนี้ราคาก็สามารถซื้อรถได้เป็นคันแล้ว ยังไม่รวมรองเท้าและกระเป๋า นี่ยังไม่คิดถึงค่าแต่งหน้า ค่าสไตล์ลิสต์กระทั่งค่าเช่าห้องในโรงแรมอีก
“ไม่ต้องหรอกครับ” ปลายสายตอบกลับมาเสียงกลั้วหัวเราะ “ถือว่าเป็นคำขอบคุณสำหรับวันนี้ที่ต้องรับมือกับไอ้เพื่อนประสาทเสียของผม”
ตอนแรกมาริสากำลังจะปฏิเสธ แต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมรับกลับไปอยู่ดี ชุดนี้เป็นไซส์ของเธอไม่ใช่สิ่งที่จะเอาไปให้ผู้หญิงคนไหนต่อไปได้จึงไม่ปฏิเสธออกไป
“ค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
เขาตอบกลับมาก่อนจะขอตัววางสาย ขณะที่มาริสาอดคิดไม่ได้ว่าถ้ามิสเตอร์ไวท์ยังไม่ได้แต่งงาน เธอคงหลงเสน่ห์ในความเป็นสุภาพบุรุษของเขาอย่างแน่นอน!
ช่างน่าอิจฉาผู้หญิงที่ได้ครอบครองหัวใจของผู้ชายคนนี้เสียจริง...
-----------------------------------
[1] แอสโมดิอุส (Asmodeus) จอมปีศาจแห่งราคะ หนึ่งในบาป 7 ประการ เป็นปีศาจแห่งราคะและตันหาทางเพศ มันจะใช้ความพยายามทุกวิธีทางที่จะให้มนุษย์ลุ่มหลงในประเวณีและย่ำยีผู้อื่น แต่ทว่าจะขัดขวางทุกวิธีทางกับคนที่ต้องการมีลูก เมื่อมันปรากฏต่อมวลมนุษย์ มันจะมีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาดสามหัว ขี่มังกร และมีหอกเป็นอาวุธ หัวทั้งสามของมันเป็น วัว แพะ และคน เพราะว่าสัตว์พวกนี้ถือว่าเป็นสัตว์ที่ลุ่มหลงในตัณหา เท้าของมันถ้าสังเกตจะเป็นเท้าของไก่