"คุณชายวินด์แฮม หยุดเดี๋ยวนี้นะคะ!!"
เสียงทรงอำนาจดังขึ้นหน้าประตูห้อง ทำให้เจ้าของห้องและผู้ถูกกระทำรีบหันไปตามเสียงนั้นอย่างรวดเร็วด้วยตกใจ
"นม!!"
คุณชายเอ่ยเรียกคนตรงหน้าประตู แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นออกจากตัวพ่อบ้านหนุ่ม ขณะที่หญิงวัยกลางคนรีบเดินเข้าไปที่เตียงเพื่อประคองพ่อบ้านให้ลุกขึ้นแล้วทำการแกะเข็มขัดที่รัดข้อมืออยู่ออกด้วยความสงสาร
"แม่นม"
พ่อบ้านหนุ่มเมื่อหลุดจากพันธนาการก็โผเข้ากอดแม่นมประจำบ้านด้วยความเสียใจ
"นมไม่คิดเลยว่าคุณชายที่นมเลี้ยงมากับมือจะกลายเป็นคนแบบนี้ นมเสียใจค่ะเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม นมจะให้หนูปาร์วีนลาออกจากการเป็นพ่อบ้านที่นี่และจะจ่ายเงินชดเชยให้เขา 3 ปี และนมก็จะไม่หาพ่อบ้านหรือแม่บ้านคนใหม่ให้คุณชายอีก ต่อจากนี้คุณชายต้องดูแลตัวเองนะคะ นมเสียใจจริงๆ "
แม่นมพูดด้วยความไม่พอใจในพฤติกรรมของคุณชาย ขณะที่พ่อบ้านก็ไม่ได้เอ่ยปากอะไรแล้วเดินตามหญิงกลางคนออกไปจากห้อง โดยไม่หันมามองคนทำผิดที่ยังคงยืนสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำอยู่ข้างเตียง
แต่ในใจลึกๆ เขาอยากจะบอกแม่นมว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะคำพูดยั่วยุของอีกฝ่าย ทำให้เขาบันดาลโทสะทำแบบนั้นกับอีกฝ่ายด้วยความโกรธเพื่อให้ได้รับโทษที่เขาก่อขึ้น แต่ทำไมเขาต้องใช้วิธีนี้ บทลงโทษมีตั้งมากมาย น่าจะเลือกใช้กับพ่อบ้านหนุ่มได้ พยายามคิดทบทวนกับการกระทำของตัวเองต่อคนตัวเล็ก ยิ่งทำให้รู้สึกผิดและโทษตัวเองมากขึ้น ไมล์รีบหยิบเสื้อยืดคอกลมและกางเกงนอนขายาวขึ้นใส่ แล้วรีบวิ่งเปิดประตูลงไปด้านล่าง
"นม!!...นมครับ อย่าให้ปาร์วีนออกนะครับนม นมอยู่ไหนครับ"
เสียงเรียกหาแม่นมดังลั่นบ้าน ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนที่เขาเรียก ไมล์จึงเดินตามหาทุกห้องที่มีแม้แต่ห้องพักของพ่อบ้านหนุ่มเขาก็ไป เมื่อไปถึงประตูถูกเปิดออกทุกอย่างกับดูว่างเปล่าเสื้อผ้าในตู้ก็ไม่มีสักตัว ทำให้ยิ่งรู้สึกตกใจ รีบวิ่งไปหน้าบ้านด้วยความเร็ว สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้คือแม่นมกำลังเดินกลับมาจากประตูบ้าน ขณะที่รถแท็กซี่กำลังแล่นผ่านรั้วบ้านที่สามารถเห็นได้ชัดเจนว่าคนด้านในรถแท็กซี่นั้น คือพ่อบ้านหนุ่ม
"นม นมให้เขาไปทำไม"
เมื่อชายหนุ่มถามจบก็รีบวิ่งไปประตูบ้านและเร่งฝีเท้าตามรถแท็กซี่นั้นอย่างไม่ลดละ พร้อมทั้งส่งเสียงตะโกนเรียกคนในรถตลอดเวลา
"ปาร์วีน!! ปาร์วีนกลับมาก่อน เราขอโทษ ปาร์วีนนายอย่าไปนะ ปาร์วีนเราขอโทษ"
เสียงตะโกนชื่อของหนุ่มร่างบางทำให้คนขับแท็กซี่ได้ยินหันมองกระจกหลัง เห็นเด็กหนุ่มวิ่งตามรถแท็กซี่มาอย่างกระชั้นชิด
"หนุ่ม เพื่อนหรือเปล่าที่กำลังวิ่งตามรถเรามาเนี่ย ให้ลุงจอดไหม"
"ไหนหรอครับ" ปาร์วีนหันมองตามที่ลุงขับแท็กซี่บอก
"คุณชาย!!"
"ว่าไง ให้ลุงจอดไหม"
"ไม่ต้องจอดครับ เขาคงอยากจะออกกำลังกายเลยอยากลองวิ่งตามรถดูครับ เขาชอบทำอะไรแปลกๆ แบบนี้แหละครับ ลุงอย่าสนใจเลย รีบขับให้เร็วขึ้นดีกว่าครับ ผมกลัวจะตกเครื่องบินครับ" ปาร์วีนบอกกับลุงคนขับแท็กซี่ แต่สายตากลับหันไปมองคนที่วิ่งตามด้วยความสงสารขึ้นมาในใจ
"หนูแน่ใจนะว่านี่คือการวิ่งออกกำลังกายของเขา นี่มันก็ระยะทางไกลมากแล้วนะ ลุงไม่รู้หรอกนะว่าหนู 2 คนมีปัญหาอะไรกัน แต่คนคนหนึ่งจะทำอะไรได้ขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องปกตินะ คิดดีๆ" เสียงตะโกนจากคนด้านหลังยังคงดังเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย
"ผมแน่ใจครับ ลุงขับให้เร็วกว่านี้ได้ไหมครับผมขอร้อง"
"ครับ"
สิ้นเสียงตอบรับรถแท็กซี่ได้วิ่งด้วยความเร็วเพิ่มขึ้นหลายเท่า ทำให้คุณชายที่วิ่งตามต้องเพิ่มแรงและความเร็วขึ้นอีก ความรู้สึกนี่มันคืออะไร ทำไมเขาต้องวิ่งตามคนๆ หนึ่งแบบนี้ด้วยทั้งๆ ที่รู้สึกเหนื่อยล้า แต่เขายังพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อหวังให้คนในรถเห็นและได้ยิน กับไม่มีการตอบรับจากรถแท็กซี่ที่วิ่งตามเลย
ไมล์รู้สึกเหนื่อยสายตัวแทบขาด จึงตัดสินใจนั่งวินมอเตอร์ไซค์แทน หากเขายังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้อาจจะขาดใจตายเพราะความเหนื่อยก็เป็นได้ ทันทีที่รถแท็กซี่เลี้ยวเข้าสนามบินทำให้เขารู้ว่า พ่อบ้านหนุ่มกำลังจะหนีเขาไปตลอดกาล จึงให้วินมอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้าสนามบินตามไปเพื่อจะไปขอโทษและขอร้องคนๆ นั้น เมื่อลงจากรถมอเตอร์ไซค์ได้คุณชายก็ควักเงินในกระเป๋ากางเกงนอน นับว่าเป็นโชคดีที่เขาพอมีเงินติดกระเป๋ามาบ้าง แต่ก็รู้สึกแปลกใจว่าเอาใส่ไว้เมื่อไหร่ แล้วยื่นเงินนั้นให้กับวินมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปด้านในเพื่อตามหาพ่อบ้านหนุ่มแต่ก็ไม่พบ จึงตัดสินใจไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของสนามบินเพื่อติดต่อกับบุคคลที่เขากำลังตามหา เมื่อเขามาถึงยังจุดประชาสัมพันธ์
"สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ช่วยเหลือคะ"
"สวัสดีครับคือผมอยากจะขอประกาศตามหาคนๆ นึงครับ"
"ยินดีค่ะ ขอทราบชื่อจริง นามสกุลจริงของผู้ที่คุณต้องการประกาศหาค่ะ"
เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ หยิบปากกาและสมุดโน้ตขึ้นมาเตรียมจดชื่อและนามสกุลจากคุณชาย
"ขอโทษครับ ผมขอยืมไมค์ได้ไหมครับ ผมต้องการจะประกาศตามหาเขาด้วยเสียงของผมเองครับ"
เจ้าหน้าที่มีอาการลังเล ก่อนจะยื่นไมค์ให้กับเขา
"ปาร์วีน ปาร์วีนได้ยินเราไหม เราขอโทษกับเรื่องเมื่อกี้นี้ เราขอโทษจริงๆ อย่าไปเลยนะ"
เสียงคุณชายวินด์แฮมดังก้องอาคารผู้โดยสาร ทำให้เจ้าของชื่อถึงกับตกใจพยายามมองหาต้นเสียงนั้น ระหว่างที่เขากำลังรอขึ้นเครื่องในโซนผู้โดยสารขาออก เสียงคุณชายประกาศตามหาเขาอยู่หลายรอบ ทำให้เจ้าหน้าที่ของสนามบินตามหาตัวเขาให้วุ่นวายด้วยเช่นกัน
"คุณคะ พอเถอะค่ะ เดี๋ยวผู้โดยสารท่านอื่นจะเกิดความตกใจกันนะคะ"
เจ้าหน้าที่สาวร้องห้าม ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่ชายรับไมค์คืนจากคุณชาย แต่กลับถูกปฏิเสธพร้อมทั้งยังส่งเสียงใส่ไมค์อย่างไม่ขาดสาย จนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงเข้าควบคุมตัวคุณชายตามคำสั่ง ที่กำลังส่งเสียงโวยวายและยื้อแย่งไมค์จากเจ้าหน้าที่
"ปล่อยผม ปล่อยผมนะครับ ปาร์วีน ปาร์วีนได้ยินไหม เราขอโทษกลับมาหาเราเถอะ"
ไมล์พยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากพันธนาการจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพร้อมทั้งตะโกนโวยวายส่งผลให้ผู้โดยสารในสนามบินต่างแตกตื่นด้วยความตกใจกันยกใหญ่
"ทำยังไงกับเขาดีครับ"
หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเอ่ยถามเจ้าหน้าที่สาวฝ่ายประชาสัมพันธ์
"ฉันว่านำตัวส่งตำรวจดีกว่าค่ะ แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้อาจจะเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารท่านอื่นได้"
"ครับ"
ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตำรวจท่องเที่ยว กำลังจับกุมและควบคุมตัวคุณชายอยู่นั้น เป็นจังหวะเดียวกับพ่อบ้านหนุ่มปรากฏตัวขึ้น
"คุณชาย" พ่อบ้านหนุ่มยืนเรียกชายตรงหน้าที่กำลังถูกควบคุมตัวก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ
"นี่คุณรู้จักเขาหรอคะ"
"ครับ ผมเองคนที่เขาประกาศตามหา รบกวนปล่อยตัวคุณชายได้ไหมครับ"
"คุณชาย!!!" ทุกคนพูดพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียงด้วยน้ำเสียงตกใจ
"ใช่ครับ ท่านนี้คือคุณชายไมล์ วินด์แฮม"
ปาร์วีนกล่าวเสียงเรียบๆ พร้อมเดินเข้าไปประคองชายตรงหน้าที่มีอาการอิดโรยจากความเหนื่อย ขณะที่เจ้าหน้าที่ทุกคนค่อยๆ ปล่อยคุณชายด้วยความตกใจปนหวาดกลัว
"คุณชาย ดิฉันขอประทานอภัยค่ะ ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าท่านคือคุณชาย" เจ้าหน้าที่สาวกล่าวอย่างสุภาพก่อนจะทำความเคารพ
"ไม่เป็นอะไรหรอกครับ พูดธรรมดากับผมก็ได้ ผมไม่ถือ"
"พวกผมขออภัยคุณชายด้วยนะครับ ที่ล่วงเกินคุณชายเมื่อสักครู่นี้"
"อย่ากังวลเลยครับ ผมเองก็ผิดที่ทำแบบนี้ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพราะผมไม่อยากให้เขาจากผมไป พวกคุณกลับไปทำงานเถอะครับ ผมคงไม่โวยวายอีกแล้วล่ะ"
คุณชายกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจและมีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเจ้าหน้าที่ทุกคนกลับไปปฏิบัติงานตามเดิม ทำให้บริเวณนั้นมีเพียงคุณชายวินด์แฮมและปาร์วีนเพียงสองคนเท่านั้น
"ปาร์วีน เราขอโทษกลับไปเป็นพ่อบ้านให้เราต่อเถอะนะ เรื่องเมื่อเช้านี้เราผิดเองที่ใช้แต่อารมณ์โดยไม่มีเหตุผล"
"คุณชายจะมาไม้ไหนอีกครับ"
"เปล่า เราไม่อยากให้นายไปจริงๆ อย่าไปเลยนะ"
"ไม่ ผมไม่เชื่อคุณชายอีกแล้ว การที่ผมไปนับว่าเป็นผลดีต่อคุณชายนะครับ ผมเองก็ไม่สามารถอยู่บ้านเดียวกันกับคนที่คิดจะทำร้ายผม เพราะผมไม่อาจอดทนที่จะไม่โต้ตอบคุณชายได้" พ่อบ้านหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ผู้โดยสาร
"ถ้านายต้องการจะตอบโต้เรา เราก็ยินดี นายจะต่อย จะเตะเรายังไงก็ได้ ถ้าทำให้นายพอใจ เราขอเพียงอย่างเดียวขอให้นายกลับมาเป็นพ่อบ้านของเราเหมือนเดิมเท่านั้นก็พอ"
คุณชายกล่าวพร้อมยื่นหน้าเข้าหาพ่อบ้านหนุ่ม หวังให้พ่อบ้านหนุ่มได้ระบายความโกรธแค้นที่เขาได้กระทำกับอีกคนไว้ แต่กับไม่เกิดอะไรขึ้น
"ทำไมคุณชายต้องทำแบบนี้ คุณชายต้องการอะไรผมขอถามจริงๆ"
"เราไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น เราต้องการให้นายกลับมาเป็นพ่อบ้านของเราอีกครั้งได้ไหม นะปาร์วีน เราขอร้อง"
"มาพูดตอนนี้คงไม่ทันแล้วครับ เพราะผมต้องเตรียมตัวขึ้นเครื่องแล้ว ผมขอตัวนะครับ"
สิ้นเสียงพ่อบ้านหนุ่มลุกจากเก้าอี้ผู้โดยสารตัวเดิมก่อนจะเดินอ้อมไปทางด้านหลังของคุณชาย ขณะที่คุณชายมองตามพ่อบ้านหนุ่มด้วยสายตาละห้อยแล้วพบกับ…
"นม!!”
"แม่นมได้ยินคำพูดทั้งหมดแล้วใช่ไหมครับ ช่วยจำไว้ให้ผมด้วยนะครับ ว่าคุณชายพูดอะไรบ้าง"
พ่อบ้านหนุ่มกล่าวกับแม่นมด้วยสีหน้าเหมือนคนได้รับชัยชนะในศึกสงคราม ขณะที่คุณชายของนมมีอาการตกใจกับภาพที่เห็น
"ไม่ต้องเป็นกังวลจ้ะปริ้นซ์ ตอนนี้นมได้บันทึกเสียงพร้อมวีดีโอในทุกถ้อยคำที่คุณชายได้พูดกับหนูไว้แล้ว ว่าคุณชายของนมต้องการให้หนูกลับมาหาคุณชายของนมมากแค่ไหน"
"นี่มันเรื่องอะไรกัน ทุกคนหลอกผมอยู่ใช่ไหม สนุกมากไหมครับ"
คุณชายกล่าวกับคนทั้งสองด้วยสีหน้าไม่พอใจและเริ่มมีอาการโกรธเคือง
"ถ้าอย่างงั้นผมขอถามคุณชายกลับบ้าง คุณชายทำกับผมเมื่อกี้นี้คุณชายสนุกมากไหมละครับ ถือว่าหายกันนะครับคุณชาย กลับบ้านกันเถอะครับแม่นม ผมเริ่มหิวข้าวแล้ว"
คนสองวัยเดินหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานกับคำพูดที่ได้บอกกับคุณชายขี้วีน ขณะที่คุณชายก็ได้แต่เดินตามคนทั้งสองด้วยอาการเคืองๆ