หลังจากนั้น หมอลีโอก็เฝ้าสังเกตการณ์ เห็นการเปลี่ยนแปลงของภรรยาขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้มีงานเลี้ยงของเหล่าแพทย์สภา แน่นอนว่าเขาได้รับบัตรเชิญ
คุณหมอผู้หล่อเหลาหน้าตาดีใส่สูทสีดำเข้ม ควงแขนมากับภรรยาที่ใส่ชุดสีขาวประดับด้วยดอกไม้สีแดงโดดเด่นจนทุกคนมองมายังจุดเดียวกัน
"ไม่แหวกไปหน่อยเหรอ?" สายตาหมอลีโอกวาดมองแผ่นหลังภรรยา "เธอชอบชุดแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน"
"คนเรามันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้างสิคะ"
"แต่สำหรับเธอไม่เรียกว่าเปลี่ยนแปลง เรียกว่าแปลกมากกว่า"
"จะถือว่าเป็นคำชมนะคะ"
พริ้มยังคงเถียงคำไม่ตกฟาก แม้จะถูกสายตาของคุณหมอดุกล่าวก็ตาม
'พี่ลีโอ'
เสียงเรียกพร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีน้ำเงินเดินตรงดิ่งมา ทันใดหมอลีโอก็คว้ามือเรียวของภรรยาที่คล้องแขนอยู่ออกห่าง
"ไม่รู้ว่าเธอได้รับเชิญมางานเลี้ยงนี้ด้วยมีอา"
"ต้องมาสิคะ พอเห็นรายชื่อว่ามีพี่ฉันก็เลยต้องไปตัดชุดเพื่อมาเจอนี่ไง"
"เธอยังตลกเหมือนเดิมนะ"
"ก็พี่ชอบไม่ใช่หรือไง อิอิ"
ทั้งสองคนคุยกันโดยที่ไม่สนใจพริ้มที่ตอนนี้ล่องลอยเหมือนมวลอากาศไม่อยู่ในสายตาเลยสักนิด
"อุ๊ยยย ลืมทักทาย" มีอายื่นมือให้ "สวัสดีค่ะคุณพิมาลาเจอกันอีกแล้วนะคะ"
ทว่า..เมื่อพริ้มยื่นมือจะจับตอบกลับตามมารยาท มีอาก็สะบัดตัวหันมาคว้าแขนคุณหมอลีโอแทน
ดวงตาเฉี่ยวเย้ยหยันริมฝีปากแดงแสดงความร้อนแรง
"เราไปคุยกันตรงนู้นดีกว่า มีอามีเรื่องจะเล่าให้พี่ลีโอฟังตั้งเยอะ"
แน่นอนว่าเขาไปโดยที่ไม่บอกกล่าวภรรยาที่ยืนอยู่เคียงข้างกาย
มีอา สาวสวยวัยยี่สิบเจ็ดปี เป็นพยาบาลประจำโรงพยาบาลตำรวจ เธอเพิ่งเรียนจบ และ ย้ายมาประจำการที่เดียวกับหมอลีโอแต่คนละแผนก
แม้วันนี้พริ้มจะสวยเด่นกว่าใครแต่ภายใจเหมือนเป็นผู้พ่ายแพ้เพราะทุกคนสนใจเธอยกเว้นผู้เป็นสามี รองเท้าส้นสูงย่ำไปทางประตูด้านหลังมือคว้ากระโปรงเดรสที่ยาวพะรุงพะรังเพื่อจะก้าวเดินให้รวดเร็วขึ้น
หมับ!
อ๊ายยยย์!
มุมหนึ่งทางแยกไประเบียง พริ้มโดนคว้ากระชากลากแขนเข้าไป
"โอ๊ย! ปะ ปล่อยนะ" ตัวเล็กดิ้นสู้สุดใจก่อนจะหันมาเจอผู้คุกคาม "พี่แจ็ค!!"
"เบาหน่อยสิเดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยิน" แจ็ค ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของพริ้ม
"แล้วพี่จะลากแขนฉันมาทำไมเนี่ย!"
"ก็เพิ่งมีโอกาสเห็นเธอเดินอยู่ข้างไอ้หมอนั่นจะให้พี่ไปคุยกับเธอตอนไหน"
"ไม่ได้อยากจะเดินเคียงข้างหรอกนะ ชิ! ผู้ชายอะไรหญิงยโสแถมชอบใช้สายตาดุฉัน" คิ้วบางย่นมือสองข้างกอดอกแสดงความรั้น แจ็คอดที่จะขำไม่ได้
"ว่าแต่มานานแล้วหรือยัง" เขามองสาวสวยอย่างเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า "แซ่บไม่เปลี่ยนเลยนะ"
"บอกตรงๆ ว่าโคตรอึดอัด ทั้งบ้านชุดมีแต่สีขาวกับสีดำ"
"ใครจะชอบสีฉูดฉาดแบบเธอกัน ฮ่าๆ"
ทั้งสองคนเป็นเหมือนญาติมิตร และ สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มีเรื่องสารทุกข์สุขดิบคุยกันมากมาย
จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง
"ฉันต้องไปก่อนนะเดี๋ยวคุณสามีจะดุด่าว่ากล่าวอีก" พริ้มมองนาฬิกาข้อมือของแจ็ค "จะสามทุ่มแล้ว เฮ้อ"
"ถอนหายใจทำไม"
"พรุ่งนี้ก็ต้องเริ่มงานเป็นเลขาของสามี แน่นอนว่าวันนี้อดดูซีรีส์เกาหลีต้องตื่นเช้า"
"ช่วยทำตัวให้ปกติหน่อยเถอะ รู้ตัวไหมว่าตอนนี้เธอเป็นตัวเองมากขนาดไหน"
แจ็คยิ้มมุมปาก เขาวางมือบนบ่าไหล่ พูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป "รู้ใช่ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน"
"รู้! และไม่ต้องเป็นห่วงฉันเอาตัวรอดได้"
"ตอนนี้หลักฐานทั้งหมดถูกเก็บเอาไว้ ถ้าเราได้สิ่งที่ต้องการเมื่อไหร่เราจะได้เป็นฝ่ายชนะ"
"ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเชื่อ แต่พอลองมาอยู่ด้วยมันก็มีเหตุผลหลายอย่างที่เป็นไปได้"
"ยังไง.."
"ไม่รู้สิอธิบายไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ เขารังเกียจฉันมาก อารมณ์แบบ..ไม่ชอบขี้หน้าสักนิด"
เวลายามดึกลมโชยเย็นยะเยือก สองคนพูดคุยกันสักพักก่อนที่พริ้มจะขอตัวกลับเข้าไปในงาน
หมับ!
แขนเรียวถูกคว้ารั้งเอาไว้อีกครั้ง แจ็คมองด้วยสายตาห่วยใยพูดเสียงเรียบ "เธอต้องระวังตัวให้มากนะพราว ฉันไม่อยากเสียน้องสาวไปอีกคน"