ร่างบางกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องพักอาจารย์คณะบริหารของมหาวิทยาลัยชื่อดัง เพื่อวิ่งให้ทันกลุ่มเพื่อนอีกสามคนที่ยืนรอเธออยู่หน้าลิฟต์
ใบหน้าเล็กล้อมไปด้วยกรอบเหงื่อ แต่รอยยิ้มหวานของเจ้าขายังฉายอยู่บนหน้าอย่างสดใส
"สรุปเรากินข้าวกันที่โรงอาหารนะ "
หญิงสาวตัวเล็กเอ่ยกับเพื่อนในกลุ่ม ดวงตากลมโตราวกับตุ๊กตากะพริบตาปริบๆเพื่อเรียกคะแนนโหวต เพราะปกติเพื่อนของเธอจะชอบออกไปทานร้านอาหารนอกมหาวิทยาลัยมากกว่าไปเบียดเสียดกับนักศึกษาที่มีจำนวนมากในช่วงเที่ยง
"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นป่ะ"นิชาเอ่ยเสียงยืดยาน เอื้อมมือมารับเอกสารรายงานที่แก้แล้วแก้อีกจากมือของเจ้าขา ไปถือเอาไว้เอง
"แล้วนั่นทำไมเหงื่อออกเยอะขนาดนั้นวะ"
มัดหวายเอ่ยถามคนตัวเล็กอย่างหงุดหงิด แต่ก็มีน้ำใจยื่นกระดาษทิชชูให้เจ้าขาซับเหงื่อออกจากกรอบหน้า เธอรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นเจ้าขาแสดงความเซ่อซ่าอ่อนแอออกมา ซึ่งมันเรียกคะแนนความเอ็นดูจากคนอื่นได้อย่างน่าหมั่นไส้ รวมถึงเธอด้วย
"ก็อาจารย์รัวภาษาอังกฤษใส่ตลอดเวลาเลยอ่ะ"
เจ้าขาพูดไปพลางเช็ดเหงื่อไปพลาง เธออ่อนภาษาอังกฤษที่สุดในกลุ่ม เพื่อนๆเลยลงความเห็นว่า ให้เธอไปเผชิญหน้ากับอาจารย์สุดาดีที่สุดจะได้ฝึกไปด้วย แต่รายงานค่อนข้างผิดเยอะอาจารย์จึงใช้เวลาคุยนานจนเธอเหงื่อตกไปเลย
"แล้วน้ำนิ่งล่ะไปไหนแล้ว"เธอหันไปถามนิชากับมัดหวาย
"โน่นไงเดินมาแล้ว"นิชาพยักหน้าไปทางน้ำนิ่ง ที่เดินมาจากระเบียง
"เป็นไงบ้างเจ้า อาจารย์ดุมั้ย"
"ไม่ดุ แต่เสียงดังมาก"เจ้าขาทำท่าขนลุกประกอบ
"ถึงว่าสิแกเหงื่อตกเลย ฮ่าๆ"น้ำนิ่งหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เธอเอื้อมมือเข้าไปยีผมเพื่อนตัวเล็กของเธออย่างเอ็นดู
"กินข้าวที่โรงอาหารนะ เดี๋ยวจะได้แก้ต่อแล้วส่งให้เสร็จเลย"
"อืม...พี่เหนือจะมากินด้วยพอดี นิชา มัดหวาย พวกแกเอาไง"
"ไปก็ไป"มัดหวายบอกโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเพื่อน สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ นิชาเองก็พยักหน้าไปทางเจ้าขาแล้วเดินไปกดลิฟต์
เจ้าขา หญิงสาวน่ารัก ตาโต ตัวเล็ก ยิ้มทีใจละลาย ใครเห็นก็ต้องหันกลับมามอง เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดีได้แม้กระทั่งช่วงเวลาเลวร้าย บอบบาง อ่อนโยน ดูไม่ทันคน แต่แท้จริงแล้วเธอคือคนที่เข้มแข็งมาก
น้ำนิ่ง สาวห้าวออกแนวทอมบอย ไม่เคยกลัวใครเพราะมีพี่ชายเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ซัพพอร์ตเพื่อนสนิททุกคนดั่งคนในครอบครัว สายปาร์ตี้เรียกแม่
มัดหวาย ดาวคณะสวย เลิศ เชิด อยากได้ผู้ชายคนไหนก็ต้องได้ รู้จักเส้นทางไปผับมากกว่าทางไปห้องสมุด แต่กลับเรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม ชอบหงุดหงิดเวลาที่เห็นใครทำตัวอ่อนแอ
นิชา สาวสวยผู้ไม่แคร์โลก ทุกอย่างที่ทำต้องเป็นเลิศเพื่อให้ครอบครัวหยุดบลูลี่ที่เกิดมาเป็นลูกผู้หญิง ไม่ชอบโวยวายแต่อะไรไม่เข้าตาจะทำเอง
@ โรงอาหาร
"เจ้าวันนี้แกจะกินอะไร ฉันอยากกินข้าวมันไก่"เสียงห้าวๆของน้ำนิ่งเอ่ยถามเจ้าขา แล้ววางกระเป๋าลงบนโต๊ะ
"อืม..."คนตัวเล็กทำท่าครุ่นคิด กวาดสายตามองร้านอาหารที่มีมากกว่าสามสิบร้านด้วยท่าทางคิดหนัก เพราะเห็นอะไรเธอก็อยากกินไปหมด ตามประสาคนไม่ได้กินข้าวเช้า
"ฉันว่าข้าวมันไก่ง่ายดี"น้ำนิ่งเสนอให้
"งั้นฉันเอาข้าวมันไก่เหมือนพวกแกฝากด้วย อ้อ ไม่เอาหนังนะ"มัดหวายแทรกขึ้น โดยที่มือก็ยังพิมพ์อะไรอย่างอยู่บนโทรศัพท์ไม่หยุด ตั้งแต่ออกมาจากห้องเรียน จนเพื่อนแช่งให้ตกท่อไปหลายหน
"ขอฉันเอาหนังเยอะๆก็แล้วกัน เดี๋ยวไปซื้อน้ำให้นะทุกคน"
"อืม ฉันเอาน้ำเปล่านะ นิชาแกเอาน้ำอะไร"
"น้ำเปล่าเหมือนกัน"
"โอเค นิชากับน้ำนิ่งเอาน้ำเปล่า มัดหวายแกเอาน้ำอะไร"เจ้าขาหลุบสายตาลงมองมัดหวายที่นั่งอยู่กับโทรศัพท์ตามเดิม
คนถูกถามเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นตอบ
"เอา..."
"ใบบัวบกเหรอวะ ฮ่าๆๆ"
"หุบปากหมาๆไปเลยนะอีน้ำนิ่ง"
มัดหวายทำหน้ามุ่ย ยกโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นทำท่าเหมือนจะปาใส่น้ำนิ่งซึ่งแลบลิ้นใส่เธอแล้ววิ่งตามนิชาออกไปทางร้านข้าวมันไก่ ทิ้งเอาไว้เพียงมัดหวายที่อยู่ในอาการหงุดๆ เพราะตามหาตัวใครบางคนไม่เจอ โดยเธอไม่ได้สนใจเลยว่าเจ้าขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อรอคำตอบ
"เอ่อ เอาน้ำชามะนาวมั้ย แกจะได้สดชื่นไงหวาย"
"อืม แล้วแต่แกเลยเจ้า ขอบใจมาก"
เจ้าขาพยักหน้าแล้วเดินเลี่ยงไปร้านขายน้ำ ไปได้เซ้าซี้เพื่อนมาก รู้ว่ามัดหวายกำลังอารมณ์ไม่ดีเรื่องผู้ชายที่เธอตามจีบอยู่
"ป้าจ๋าเอาน้ำเปล่าสอง ชามะนาวหนึ่ง น้ำส้มหนึ่งค่ะ"
"อ้าวหนูยิ้มฤดีนี่เอง รออีกสองคิวนะลูก"
"ค่ะป้า"คนตัวเล็กเอ่ยตอบพร้อมยิ้มสดใสไปให้ป้าเจ้าของร้านน้ำ ดวงตากลมโตราวกับตุ๊กตากวาดสายตาไล่อ่านเมนูที่ติดอยู่ข้างฝาด้วยความสนใจ แม้ว่าเธอจะถูกใช้ให้มาซื้อน้ำอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังชิมไม่ครบทุกเมนูสักที
“เฮ้ยมึงดูน้องคนนั้นดิ คนขาวๆยิ้มหวานๆที่ยืนอยู่ร้านน้ำอ่ะ”
“เชี่ย!ลมพัดกระโปรงจะเปิดแหล่ไม่เปิดแหล่แล้วเว้ย”
“มึง! กูว่ามาลุ้นกันดีกว่าว่าน้องใส่กกน.สีไหน”
“แม่ง สายหมีสีขาวชัวร์ เอ้าเฮ้ย!ต้องมาลุ้นพัดลมอีก”
เสียงผู้ชายกักขฬะที่นั่งอยู่แถวกลางพูดถึงหญิงสาวที่ยืนรอซื้อน้ำอยู่หน้าร้านขายน้ำ โดยที่เธอไม่รู้ตัวว่าถูกมองด้วยสายกะลิ้มกะเหลี่ยจากผู้ชายสามคนซึ่งนั่งอยู่ทางด้านหลัง
จนกระทั่ง…
พรึ่บ!
“เฮ้ย!อะไรวะ”
“แม่ง!มาบังทำไมเนี่ย”
"อเมริกาโนเย็น ไม่หวานเลยสักนิดสองแก้ว"เสียงเข้มเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆจากน้ำหอมกลิ่นเฉพาะของผู้ชาย ลอยมาแตะจมูกเล็กของหญิงสาวด้วยว่าเขากำลังยืนอยู่ใกล้เธอในระยะประชิด
"เอ่อ..."เจ้าขาหันกลับไปมองเจ้าของใบหน้าคมด้วยความรู้สึกประหม่า แต่ขยับไปไหนไม่ได้เพราะเขาอยู่ใกล้เธอมาก และด้านหน้าก็เป็นร้านน้ำ แต่แทนที่เขาจะขยับออกกลับโน้มลงมากระซิบลงข้างหูเธอแทน
"กระโปรงเรากำลังเปิด"
"กะ...กระโปรง!"เจ้าขารีบหมุนตัวกลับรวบกระโปรงทรงพลีทไปไว้ตรงหว่างขาแล้วใช้หัวเข่าหนีบชายกระโปรงเอาไว้ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเธอด้วยสีหน้าเหมือนคนกำลังอายและใกล้จะร้องไห้
ลืมไปว่าที่โรงอาหารมีพัดลมตลอดทิศทาง ซึ่งมันเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของนักศึกษาที่ใส่กระโปรงทรงพลีท แล้วเจ้าขาก็เป็นหนึ่งในนั้น
ทว่าเปลวไฟเข้ามาบังลมเอาไว้ได้ก่อน
"ฮึ..." เพียงเท่านั้นก็ทำให้เปลวไฟ เสือยิ้มยากแห่งคณะวิศวะฯโยธา ถึงกับเผลอยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ดวงตาโตๆของเราหลุกหลิกไปมาคงเป็นเพราะความเขินอาย ริมฝีปากแดงแจ๋ถูกกัดเอาไว้แน่น จนเขากลัวว่ามันจะห้อเลือด
‘นี่น่ะเหรอ น้องยิ้มฤดี ที่ไอ้เหนือเรียก’