หลายชั่วโมงต่อมา
“ผ่านจ๊ะ อย่าลืมส่งไฟล์ให้อาจารย์ทางเมลนะเจนิสตา”
“ค่ะอาจารย์ ขอบคุณนะคะ หนูขอตัวค่ะ” เจ้าขาลุกออกจากเก้าอี้ด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้เดินสิ่งที่อาจารย์บอก ในที่สุดรายงานของเธอกับเพื่อนในกลุ่มก็สำเร็จลุล่วงด้วยดี จะเหลือก็แต่ส่งไฟล์ฉบับสมบูรณ์เท่านั้น
“ในที่สุดก็ผ่านสักที” เจ้าขาแสดงท่าทีโล่งอกออกมา จากนั้นก็รีบสาวเท้าเดินไปหาเพื่อนในกลุ่มที่ยืนรออยู่ด้านนอกห้องพักอาจารย์
"เป็นไงบ้าง"น้ำนิ่งถามขึ้นคนแรก
"ผ่านแล้ว เหลือแค่ส่งไฟล์ฉบับสมบูรณ์"
"ได้ๆเดี๋ยวฉันเปิดโน๊ตบุ๊คส่งงานตอนนี้เลย"นิชาบอกด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็รีบไปเปิดโน๊ตบุ๊คแล้วส่งงานตามที่เจ้าขาบอก
“ไปฉลองกันมั้ย” มัดหวายถามเพื่อนทั้งสามด้วยแววตาเปล่งประกาย ตามประสาคนชอบปาร์ตี้
“ก็ดีนะ ฉันไม่ได้ดื่มมาจะเป็นเดือนแล้ว” น้ำนิ่งปรบมือเปาะแปะอย่างคึกคัก ต่างจากนิชาที่หงอยลงไปทันที
“เย็นนี้วันเกิดอาม่า คงไม่ได้ไปด้วยว่ะ”
“อาม่าแกฉลองวันเกิดทั้งคืนเลยหรือไง” มัดหวายแหวใส่
“เออดิ ฉันจะไปอ้อนเอามรดกด้วย แม่จะได้เลิกบ่นเรื่องที่ฉันเกิดมาเป็นลูกผู้หญิงแทนที่จะเป็นลูกผู้ชายสักที”
“งั้นพวกฉันก็เอาใจช่วย” น้ำนิ่งยื่นมือไปเช็กแฮนด์กับนิชาด้วยท่าทางทะเล้น รู้ดีว่าเพื่อนกำลังเครียดเรื่องพ่อแม่ แต่ไม่อยากให้เครียดจนเกินไป นิชาโดนตอกย้ำตลอดเรื่องเพศหญิงเพศชาย จนเธออยากย้ายออกจากทะเบียนบ้านและลาออกจากการเป็นลูกของตระกูลหลี่แล้ว
“ว่าแต่แกเลิกเศร้าแล้วเหรอมัดหวาย” เจ้าขาที่ยืนฟังอยู่นานหันไปถามมัดหวาย ก็เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามัดหวายเพิ่งไปอาละวาดรุ่นพี่ปี4ที่ทิ้งเธอ จากนั้นก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง
“แกเคยเห็นฉันเศร้านานเหรอเจ้าขา”
“นั่นสินะ” ปากเล็กคลี่ยิ้มหวานโดยที่มัดหวายก็ยื่นมือเข้ามายีผมเธอเล่นอย่างอารมณ์ดี เปลี่ยนเป็นคนละคนจากหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว นี่แหละมัดหวายตัวจริงอารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าอากาศเมืองไทย
“ฉันว่าคงต้องไปวันศุกร์แล้วแหละ”
“อะไรอีกน้ำนิ่ง” มัดหวายเท้าสะเอวถามน้ำนิ่งด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะกลับมาหงุดหงิดอีกครั้ง เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงใจของเธอ
“คืนนี้พี่สาวฉันเอาหลานมาฝากเลี้ยง คงอดไปว่ะแก” น้ำนิ่งย่นหน้า มือเล็กยื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่ค้างอยู่หน้าห้องแชต ในแอปพลิเคชันไลน์ ทำให้เป็นรูปเด็กแฝดวัยสามขวบที่วิ่งเล่นอยู่สนามหน้าบ้าน เพื่อนในกลุ่มรู้ดีว่านั่นคือน้องน้ำค้าง น้องน้ำแข็งลูกของพี่น้ำไนน์พี่ชายคนโตของน้ำนิ่ง เล่นเอาทุกคนเซ็งไปตามๆกันกับตระกูลน้ำ
“สรุปคือนัดแล้วล่มตั้งแต่สามวินาทีแรก” มัดหวายเริ่มไม่สบอารมณ์ เธอหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าแบรนด์เนมราคาหลายแสนของเธอเซ็งๆ “แยกนะ เจอกันพรุ่งนี้”
“ก็ได้ๆ...” น้ำนิ่งกับนิชาพยักหน้าให้มัดหวายที่เดินออกไปยังลานจอดรถ โดยที่เจ้าขาก็ไม่ลืมที่จะตะโกนไล่หลังเพื่อนเช่นทุกครั้ง
“ขับรถดีๆ นะหวาย”
ครืดๆ ครืดๆ
เสียงโทรศัพท์ของเจ้าขาดังขึ้น ระหว่างทางที่เดินซื้อของใช้ที่มินิมาร์ทใกล้ๆ คอนโด
“สวัสดีค่ะคุณชาร์วี” ปากเล็กเอ่ยทักทายปลายสายด้วยเสียงหวาน ซึ่งชาร์วีเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูเธอกับพี่ชายมาตั้งแต่ พ่อแม่เธอเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อน เขาคือผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างรวมถึงส่งเสียให้เรียนเท่าที่อยากเรียน
(เลิกเรียนหรือยังเจ้าขา ฉันจะแวะไปรับกะจะให้ไปช่วยเลือกของให้คุณศิตางศุ์ซะหน่อย)
“เลิกแล้วค่ะ ตอนนี้อยู่หน้าคอนโดคุณชาร์วีอยู่ที่ไหนคะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นพลางหันรีหันขวางมองหารถของชาร์วี ซึ่งเจ้าขาจำรถของเขาได้ทุกคัน
(ฉันกำลังจะถึงแล้ว รออยู่หน้าคอนโดนั่นแหละ)
“ค่ะคุณชาร์วี” เจ้าขาวางสายไปด้วยรอยยิ้ม รีบเอาของไปชำระเงิน จากนั้นก็เดินมานั่งรอที่หน้าคอนโดอย่างใจจดจ่อ
ทุกครั้งที่ชาร์วีมาหาเธอรู้สึกเหมือนพ่อมาหาลูก แม้ว่าอายุจะห่างกันเพียงสิบปีทว่าชาร์วีดูแลเธออย่างดีเหมือนลูกคนหนึ่ง คอนโด รถยนต์ ทุนการศึกษา ทุกอย่างถูกอุปการะโดยเขาทั้งสิ้น เพียงแค่เธอไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัดว่าทำไมชาร์วีต้องมาดูแลเธอกับพี่ชายขนาดนี้ รู้เพียงว่าชาร์วีเคยร่วมงานกับพ่อของเธอ
“เจ้าขา” เสียงเข้มของชายหนุ่มวัยสามสิบ เรียกความสนใจจากเจ้าของใบหน้าหวาน ที่นั่งรอเขาอยู่ชั้นล่างของคอนโด โดยที่เธอก็ลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปหาเขาทันที
“สวัสดีค่ะคุณชาร์วี คุณนิดา” เจ้าขายกมือไหว้อย่างนอบน้อม โดยไม่ลืมที่จะไหว้ทักทายนิดาเลขาคนสนิทของชาร์วีด้วย
"สวัสดีค่ะน้องเจ้าขา นี่เพิ่งเลิกเรียนเหรอคะ” นิดาไล่สายตามองชุดนักศึกษาที่เจ้าขาสวมใส่หัวจรดเท้า
“ค่ะ วันนี้หนูมีเรียนควบเช้าบ่าย นี่ก็เพิ่งกลับมาถึงค่ะ”
“เห็นมั้ยคะคุณชาร์วี นิดาบอกแล้วว่ารบกวนน้องเจ้าขาเปล่าๆ จริงๆ คุณให้นิดาเลือกของขวัญให้ก็ได้”
“ก็เธอเลือกหลายเทศกาลแล้วนี่นิดา”
“แต่ว่าศิตางศุ์เป็นพะ...” เลขาสาวตั้งใจจะแย้งแต่ผู้เป็นนายไม่สนใจ หันมาคุยกับเจ้าขาราวกับว่านิดาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น
“ก็อาทิตย์หน้าเป็นวันครบรอบแต่งงานของฉันกับศิตางศุ์ ก็เลยจะชวนเจ้าขาไปเลือกของขวัญให้ภรรยาฉันสักหน่อย”
“ว้าว เป็นเซอร์ไพรส์ใช่มั้ยคะ”
“แน่นอน งั้นไปกันเลยมั้ย ฉันไม่อยากกลับบ้านค่ำเดี๋ยวภรรยาฉันจะเดาทางถูก” ชาร์วีเอ่ยปนขำ
“ได้ค่ะ”
จากนั้นชาร์วีก็เดินนำเจ้าขาไปยังรถที่มีคนขับรถสตาร์ตเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว ซึ่งคนตัวเล็กก็เดินตามชาร์วีออกไปอย่างอารมณ์ดี พลางเสนอไอเดียซื้อของขวัญโน่นนี่ตามนิสัยเด็กช่างพูดของเธอ โดยไม่ทันสังเกตว่ามีอีกคนที่ยืนกัดฟันไม่พอใจลับหลังพวกเขาทั้งสองคน
ห้างหรูกลางเมือง
“ปีที่แล้วคุณชาร์วีให้กระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดปีนี้ให้สร้อยคู่ โรแมนติกสุดๆไปเลยค่ะ” เจ้าขาพูดขึ้นระหว่างรอทางร้านห่อของขวัญ หญิงสาวชูนิ้วโป้งสองนิ้วยื่นไปตรงหน้าชาร์วีอย่างชื่นชม หลังจากที่ทั้งคู่เลือกของขวัญมูลค่าเจ็ดหลักสำหรับศิตางศุ์เรียบร้อยแล้ว
“นี่ถ้าไม่ได้เธอเลือกช่วย ฉันคงซื้อกระเป๋าหรือไม่ก็นาฬิกาอีกปี”
“...ไหนตอนแรก คุณชาร์วีบอกนิดาว่าจะซื้อแหวนคู่คะ” นิดาที่ยืนดูอยู่สักพักแทรกขึ้น เธอไล่สายตามองคนตัวเล็กที่อยู่ในอาการตื่นเต้นอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ ด้วยว่าเจ้าขาพูดอะไรชาร์วีก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยทั้งหมด ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเธอไม่ใช่เลขาที่รู้ใจเจ้านายหนุ่มอีกต่อไปเมื่อเขาอยู่กับเจ้าขา
“ลืมไปว่าฉันไม่ชอบใส่แหวน นี่แค่แหวนแต่งงานก็ระวังยากแล้ว” ชาร์วีบอกนิดาแล้วหันไปยิ้มให้เจ้าขา ยิ่งทำให้นิดารู้สึกไม่พอใจเข้าไปอีก แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มและแสดงความยินดี
"ดีใจแทนศิตางศุ์จริงๆเลยค่ะ"
“จะว่าไปแล้ว ของอะไรก็แล้วแต่ที่คนรักให้มาคนรับก็ดีใจทั้งนั้นล่ะค่ะ” เจ้าขาบอกขณะเอาแหวนที่เธอลองสวมดู กลับไปคืนให้พนักงาน “แหวนนี้ขอคืนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”
“อ้าว จะคืนทำไมล่ะ คุณครับเอาแหวนวงเมื่อกี้ด้วยนะชำระผ่านบัตรที่ผมให้ไปได้เลย” ชาร์วีทักท้วงซึ่งพนักงานก็รีบค้อมศีรษะตอบรับทันที
“ได้ค่ะคุณผู้ชาย”
“คุณชาร์วีจะซื้อให้คุณศิตางศุ์อีกชิ้นเหรอคะ” ก่อนหน้าเจ้าขาลองแหวนวงนั้นเพื่อเลือกมันให้กับภรรยาของเขา
“เปล่า ฉันจะซื้อให้เธอ”
“หา! มะ….ไม่เอานะคะ” เจ้าขาละล่ำละลักบอกชาร์วีและพนักงาน “พี่คะ แหวนวงนั้นไม่เอานะคะ”
“ชอบไม่ใช่เหรอ” มือหน้ายื่นเข้ามายีผมคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู ชาร์วีปฏิบัติกับเจ้าขาเสมือนน้องสาวแท้ๆ ของเขา โดยเฉพาะตอนนี้ที่เจ้าขุน พี่ชายแท้ๆ ของเธอไปช่วยดูแลงานที่ต่างประเทศด้วย ชาร์วีที่อยู่ทางนี้จึงต้องดูแลเจ้าขาแทนเจ้าขุนเป็นอย่างดี
“แต่มันแพงมากนะคะ แหวนวงนิดเดียวราคา บรื๋อ~ ขนลุกค่ะ”
“ชอบก็ซื้อ เธอต้องได้รับของดีๆ ตามส่วนที่เธอต้องได้อยู่แล้ว”
“ตะ...แต่ว่า”
“เจ้าขา” ชาร์วีเอ่ยเสียงเย็นปนดุ ซึ่งคนตัวเล็กก็ทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ แล้วก้มหัวให้เขา
“ถ้าอย่างนั้นหนูไม่เกรงใจนะคะ ขอบคุณค่ะ” มือเล็กยกขึ้นไหว้ ยิ้มสดใสออกมาตามประสา แต่ใครที่เห็นรอยยิ้มนี้ก็ต้องใจสั่นและเอ็นดูคนตัวเล็กด้วยกันทั้งนั้น ส่วนชาร์วีก็ยกฝ่ามือขึ้นยีผมเธอเล่นเหมือนที่เคยทำ
“ฮึ! ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ ฉันรอดูปริญญาของเธออยู่นะ”
“รับทราบค่ะคุณชาร์วี”
หลังจากนั้นทั้งสองก็คุยสัพเพเหระเรื่องสถานที่ดินเนอร์ในวันครบรอบแต่งงาน จากนั้นชาร์วีก็ให้คนขับรถมาส่งเจ้าขาที่คอนโดส่วนเขาแวะไปหาลูกค้าต่อ