ตุบ!
หัวใจของปาลินหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม อดสะดุ้งไม่ได้ เมื่อเจ้าบ่าวหมาดๆ ของเธอกระชากมาลัยออกจากคอ แล้วเขวี้ยงลงบนเตียงข้างๆ ตัวเธอเต็มแรง ก่อนจะตามมาด้วยเนคไทและเสื้อสูทที่แทบจะปาใส่หน้าเธอ
“สมใจเธอแล้วใช่ไหม ที่จับฉันทำผัวได้”
ธีร์ภพตวาดก้อง ยืนท้าวเอวมองเธอเหมือนอยากจะแล่เนื้อเถือหนัง สีหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดชวนให้น่าหวาดเสียว ไม่วางใจว่าเขาจะเกิดบ้าทำอะไรขึ้นมาบ้าง
ปาลินถอนหายใจ พยายามทำใจเย็น ไม่ต้องการกระพือเพลิงโทสะของเขาให้ลุกโหมยิ่งกว่าเก่า เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
“คุณก็รู้ว่าฉันเองก็ลำบากใจกับการแต่งงานครั้งนี้เหมือนกัน”
“เฮอะ!” เขาแค่นเสียงเยาะขึ้นจมูก “ลำบากใจเหรอ... ฉันว่าเธอดีใจจนเนื้อเต้นมากกว่า”
ปาลินเม้มปากอย่างไม่ใคร่พอใจ แต่ยังคงเอ่ยต่อไปด้วยเหตุและผล ด้วยหวังว่าเขาอาจจะพอเหลือสติรับฟังเธอบ้าง
“คุณคิดว่าการแต่งงานโดยปราศจากความรัก มันน่าดีใจเหรอคะ”
“เธอก็รู้ดีนี่ว่าฉันไม่ได้รักเธอ ฉันรักรุ้งรวี แล้วเธอยังจะหน้าด้านมาบังคับให้ฉันแต่งงานด้วยอีกเหรอ”
“มันเป็นความต้องการของคุณป้า ไม่ใช่ของฉันค่ะ”
“อ้อ... จะบอกว่าคุณแม่จับฉันถวายพานให้เธอเองงั้นสิ ทั้งที่เธอระริกระรี้อยากจะขึ้นเตียงกับฉันเต็มแก่ ขนาดลงทุนไปออดอ้อนขอให้แม่ฉันจัดงานแต่งบ้าๆ นี่ขึ้นมาเนี่ยนะ คิดว่าฉันจะโง่เป็นควายเชื่อเธอรึไงฮ้า... ปาลิน!”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น อยากจะย้อนนักว่าเขาน่ะโง่ยิ่งกว่า ‘ลา’ เสียอีก เขาเชื่อคำพูดทุกคำที่รุ้งรวีโกหก ทั้งเรื่องที่เธออิจฉาหล่อน จึงคอยยุยงให้คุณแม่เขาเกลียดหล่อน เรื่องที่เธอมักใหญ่ใฝ่สูงอยากจะจับเขา เรื่องที่เธอทำตัวมั่วผู้ชายไม่เลือกหน้า รวมถึงเรื่องที่หล่อนใส่ร้ายป้ายสีเธออีกสารพัด
เรื่องจริงของรุ้งรวีถูกโยนมาจนกลายเป็นตราบาปติดตัวเธอ และกลายเป็นความจริงในความคิดของธีร์ภพ
และยิ่งนับวัน... คำพูดร้ายกาจเหล่านั้นก็ยิ่งเพิ่มอคติและความเกลียดชังหยั่งรากฝังลึกอยู่ในใจของเขาอย่างเหนียวแน่น ภาพที่เขามองเธอจึงไม่ต่างอะไรกับ...
นางมารร้ายที่คอยทิ่มแทงเขาและคนรักให้เจ็บปวด!
ปาลินถอนหายใจยืดยาว รู้ดีว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ รังแต่จะยิ่งทะเลาะกันหนักข้อกว่าเดิม เพราะอย่างไรธีร์ภพก็ไม่มีวันเชื่อเธอ ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้เขาชิงชังเธอมากขึ้นเท่านั้น
“ในเมื่อคุณตัดสินไปแล้วว่าฉันเลว ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดค่ะ”
“ฮึ... ยอมรับแล้วล่ะสิว่าเธอมันไม่มียางอาย เจ้ามารยาสาไถย ขนาดแฟนของเพื่อนก็ยังแย่งมาได้อย่างหน้าตาเฉย”
หญิงสาวคอแข็ง ไม่ยอมรับข้อกล่าวหา
“คนอย่างฉันมีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่แย่งของรักของใคร โดยเฉพาะคนที่ฉันเรียกว่าเพื่อน”
...แต่คนรักของคุณไม่ใช่!
เธอพูดคำที่อยากตอกหน้าเขาต่อในใจ
คนอย่างรุ้งรวี ถ้าอยากได้อะไร หล่อนจะไขว่คว้าทำทุกวิถีทางให้ได้มา แม้จะต้องทำร้ายหรือกรีดเลือดกรีดเนื้อใครต่อใครก็ตาม หล่อนไม่สน เพราะยึดคติที่ว่า
ใครดี ใครได้!
“อย่ามาพูดให้ฉันขำหน่อยเลย คนอย่างเธอน่ะเหรอรู้จักคำว่าศักดิ์ศรี ถ้าเธอมีมันเหมือนที่ปากพูดละก็ เธอคงไม่ทำร้ายรุ้งให้เจ็บปวดแบบนี้หรอก ถามจริงๆ เถอะ เธอไม่มีสามัญสำนึก ไม่รู้สึกผิดกับเพื่อนบ้างรึไง หรือทั้งหน้าทั้งใจเธอมันด้านชาไปหมดจนไม่รับรู้อะไรแล้ว ขอแค่ให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการก็พอ”
คนถูกต่อว่าสาดเสียเทเสียกำมือแน่น เพียรระงับจิตระงับใจอย่างสุดกำลังไม่ให้เผลอฟาดปากร้ายๆ ของเขาแบบจังๆ สักฉาดสองฉาด แล้วเลือกที่จะย้อนกลับไปแบบแสบๆ คันๆ บ้างว่า
“แล้วคุณล่ะคะ เมื่อไหร่จะเลิกตาบอดสักที ตัวคุณเองก็ดูฉลาด มีความคิด แต่ทำไมถึงมองคนไม่ออกล่ะคะ”
“เธอหมายความว่ายังไง” เขากระชากเสียงถาม
“คุณไม่รู้จริงๆ เหรอคะว่า คนรักของคุณเป็นคนแบบไหน”
“อย่าบังอาจมาแตะต้องรุ้งเด็ดขาด ผู้หญิงโสมมอย่างเธอมีอะไรเทียบคนดีๆ แบบรุ้งได้...ฮ้า!”
เขาชี้หน้าเธอ ตวาดลั่น แต่ไม่ได้ทำให้ปาลินหวาดกลัวเลยสักนิด มันเทียบไม่ได้เลยกับความปวดร้าว หัวใจเจ็บระบมเพราะมีหนองกัดกินอยู่ข้างใน คำพูดเหยียดหยามทุกคำของธีร์ภพเหมือนใบมีดคมกริบที่กรีดหัวใจของเธอให้เหวะหวะ ไม่เหลือชิ้นดี
“ในสายตาคุณ ฉันคงเป็นผู้หญิงที่ชั่วร้ายเลวทรามมากสินะคะ”
ปาลินถามเสียงขื่น พยายามแล้วที่จะไม่รู้สึกรู้สม แต่ก็ช่างยากเย็นเหลือใจ เมื่อความเจ็บปวดรุนแรงถาโถมเธอไม่ยั้งและไม่ปรานี
เธอ ‘เจ็บ’ เพราะ ‘รัก’ เขา
ยิ่งรักมาก... ก็ยิ่งเจ็บมาก...