บทนำ
ห้าวันก่อนพบเจอกันอีกครั้ง...
"เออๆ แค่นี้ก่อนนะยัยเพอร์ฉันจะวิ่งเข้าลิฟต์ก่อนเดี๋ยวค่อยโทรกลับไปใหม่นะ"
ติ๊ด.
กดวางสายเพื่อนสนิทเรียบร้อย ฉันก็รีบวิ่งไปยังประตูลิฟต์ตรงหน้าซึ่งกำลังจะปิดอย่างรวดเร็ว
"เดี๋ยวก่อนค่ะ! หนูขอไปด้วยคนค่ะ" ฉันรีบยื่นมือแทรกกลางประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดลงได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะบอกคนในลิฟต์ว่าขอขึ้นไปด้วยพร้อมกับขยับเท้าเดินเข้าไปด้านในลิฟต์ในนาทีถัดมาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบเล็กน้อยจากการวิ่งมาก่อนหน้านี้...
แต่...
กึก!
จู่ๆฉันก็รู้สึกชะงักทำตัวไม่ถูกเมื่อคนที่ยืนอยู่ในลิฟต์ก่อนหน้าฉัน เขาดันเป็นชายหนุ่มตัวสูงผิวขาวหุ่นนายแบบสุดๆ แถมกลิ่นตัวยังหอมฟุ้งกระจายในลิฟต์จนฉันรู้สึกใจหวิวๆเสียอาการไปหมด
บ้าจริงฉันแพ้ผู้ชายตัวหอมด้วยสิประเด็น!
"ขึ้นชั้นไหนครับ" หืม แม่เจ้าโว้ย แล้วเสียงคุณเขาคือหล่อทุ้มมีเสน่ห์อะไรขนาดนี้เนี่ย กรี๊ดดดด ฉันอยากเห็นหน้าเขาอะ อยากรู้ว่าหน้าตาจะหล่อเหมือนเสียงไหม
ฟึบ!
"ฉันรักคุณค่ะ" เฮ้ย! ไอ้บ้าเอ้ย นี่ฉันพลั้งปากตอบอะไรออกไปเนี่ย แกจะมาตอบแบบนี้ไม่ได้นะยัยบ้า! แล้วดูหน้าเขาที่มองลงมาพร้อมคิ้วที่ขมวดงงนั่นเถอะ
"อะเอ่อ...ข…ขอโทษค่ะ คือฉันไม่ได้ตั้งใจจะตอบแบบนั้นนะคะ เอ่อ..." ให้ตายเถอะ ทำไมถึงได้สร้างเรื่องน่าอับอายแก่ใบหน้าตัวเองขนาดนี้เนี่ย
แต่เดี๋ยวก่อนนะ ใดๆฉันขอแวะจังหวะนี้ก่อน...
ทุกคนคงไม่รู้ว่าที่ฉันเป็นเอ๋อพูดตะกุกตะกักเมื่อกี้นี้เป็นเพราะอะไร...ใช่ค่ะ เมื่อกี้ฉันเผลอตัวอึ้งไปกับความหล่อภายใต้แว่นกันแดดสีดำของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นดวงตาของเขา แต่กรอบหน้าที่ชัดเจน จมูกโด่งที่รับกับใบหน้าได้ดี คิ้วหนาเรียงสวยที่ถูกบดบังด้วยเส้นผมปรกหน้าหน่อยๆตามประสาทรงผมอินเทรนด์สมัยนี้ แล้วไหนจะริมฝีปากสวยสีแดงตุ๋นแบบคนสุขภาพดีนั่นอีก
สามบานเถอะ ว่าเขาคือคนจริงๆ ไม่ใช่ลูกรักพระเจ้าที่ตกลงมาบนโลกมนุษย์อะ และใช่ค่ะ เขาหล่อกว่าพี่ชายจอมดุปากปีจอของฉันเสียอีก ถึงแม้ว่าพี่นักรบจะหล่อลากไส้ แต่ก็หล่อน้อยกว่าผู้ชายคนนี้ไปคืบหนึ่ง
"ตกลงคุณจะไปชั้นไหน" เจ้าของเสียงทุ้มและใบหน้าหล่อเหลาอย่างกับลูกรักพระเจ้าของเขาหันกลับไปทางเดิมอีกครั้งหลังจากที่เอ่ยถามฉันพร้อมยื่นมือเตรียมกดปุ่มตัวเลขที่จะขึ้นบนตึกคอนโดด้วยท่าทางเรียบนิ่ง ในขณะที่ฉันเริ่มได้สติแล้วค่อยๆแอบก้มงุดอย่างช้าๆพร้อมตอบเสียงเบาหวิวด้วยความอับอายกับคำพูดตัวเองก่อนหน้านี้ออกไปว่า "สี่สิบเจ็ดค่ะ"
คนตัวสูงข้างๆฉันจึงกดปุ่มตัวเลขตามที่ฉันบอกไปก่อนจะดึงมือกลับมาล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างของตัวเองแล้วเงียบเข้ากลีบเมฆไปเลย ใช่ค่ะ เขาเงียบแบบไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย จนกระทั่งที่ลิฟต์ทะยานขึ้นไปถึงชั้นที่สี่สิบหกของเขา เขาก็เดินออกไปแบบไม่หันหลังกลับมามองฉันอีกเลย
ค่ะ ไปแบบไปลับไปจริงๆ ไม่ทักไม่บอกไม่อะไรทั้งนั้น ทรงเย็นชามากเพค่ะคุณพี่!
แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะ ตามสไตล์เด็กคณะวิศวะ ถามว่าฉันรู้ได้ไงเหรอ ก็เมื่อกี้สายตาฉันดันเห็นเสื้อช็อปสีแดงเหมือนของพี่ชายฉันที่เขาถือไว้ในมือตอนออกไปเมื่อกี้ไงล่ะ
เหอะ! ผู้ชายคณะนี้เขาเป็นกันแบบนี้ทุกคนเลยไหมเนี่ย! ทำทรงเก๊กชะมัด!
.
.
.
ติ๊ง!
ปึก!
ตุบ!
เฮ้อ!
หลังจากที่ฉันกลับมาถึงห้องของตัวเอง ก็เปิดประตูห้องเข้าไปพร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยสภาพหมดอาลัยตายอยากทันที
โอ้ย! ฉันอยากจะบ้า พอได้นอนนิ่งๆแล้วนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีกครั้ง ฉันก็รู้สึกอายจนอยากจะบ้าขึ้นมาทันที เพราะความหล่อที่กระแทกตาของเขาตอนที่มองลงมาหาฉันล้วนๆ ฉันถึงได้สติแตกพลั้งปากตอบประโยคน่าอายออกไปแบบนั้น ถึงแม้ว่าใบหน้าหล่อเหลานั่นจะหล่อจนทำให้ฉันอึ้ง แต่ฉันก็ไม่ควรพูดคำว่า ‘ฉันรักคุณ’ กับคนแปลกหน้าแบบนั้นเซ่!!
เฮ้อ~ อยากจะหยิบไม้ก้านน้ำหอมมาตีตัวเองชะมัดเลย แล้วไม่รู้ว่าป่านนี้ตาผู้ชายคนนั้นจะแอบคิดอะไรอยู่หรือเปล่าที่ฉันพูดแบบนั้นออกไป
โอ้ยยยย ทำไมเรื่องบ้าๆต้องเกิดแต่กับอีน้ำตาลคนนี้ด้วยวะเนี่ย!!!