ฉันใช้เวลาครึ่งค่อนวันอยู่ที่งานศพ แต่พอเห็นพี่สิงห์มาที่งานพร้อมกับตาพวง ก็เดาได้ในทันทีว่าตอนนี้มินตราต้องอยู่กับลูกแค่สองคนแน่ เลยขอแยกออกมาอยู่เป็นเพื่อนมินตราก่อน ส่วนใบตองกับแหวนกำลังติดลม กอบโกยเงินเต็มกระเป๋า ฉันไม่อยากขัดจังหวะเลยปลีกตัวออกมาคนเดียว
ทว่าขับรถมาจนถึงบ้านของมินตรา กลับพบว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ท่อดังแต่งซิ่งของไอ้สรจอดอยู่ ไอ้สรมาอยู่เป็นเพื่อนมินตราเหรอ? หรือว่าน้าอร
ฉันไม่รอให้ตัวเองสงสัยนาน รีบกระชับสายสะพายแล้วเดินตรงเข้ามาในบ้าน ก่อนจะเอ่ยทักทายมินตราที่กำลังอุ้มไอ้หิรัญอยู่ในอ้อมอก
“มินตรา เอากับข้าวมาฝาก”
ฉันพูดพร้อมกับยิ้มร่า ชูถุงอาหารที่ห่อมาจากงานศพให้เพื่อนดู ก่อนที่ฉันจะชะงักไปเล็กน้อย เมื่อพบว่าคนที่ขับรถมาไม่ใช่ไอ้สร และไม่ใช่น้าอรอย่างที่คาดเดา แต่เขาคือพี่พญา และตอนนี้ก็กำลังนั่งง่วนอยู่กับท่อน้ำอยู่ เดาว่ามันคงรั่วหรืออะไรสักอย่าง
“ขอบใจนะมะนาว”
เพื่อนรักยิ้มกว้างก่อนจะพเยิดหน้าให้ฉันนำเอาอาหารไปวางไว้บนโต๊ะ เพราะตอนนี้ยังไม่ว่าง เนื่องจากกำลังอุ้มไอ้หิรัญไว้ในอ้อมอกอยู่
“มาอะไรเหรอ”
ฉันเอ่ยถามพี่พญาอย่างสนิทสนม พร้อมกับชะเง้อคอมองข้อมือแกร่งที่กำลังมัดเชือกใส่ท่อจนขึ้นเส้นเลือดปูดโปน
“มาช่วยซ่อมท่อน่ะ”
เขาว่าก่อนจะลุกขึ้นปัดมือที่เปื้อนเล็กน้อย
“ตายจริง! ฝากดูหลานหน่อยนะมะนาว เดี๋ยวฉันไปดูถั่วที่ต้มไว้ก่อน น่าจะสุกแล้ว เดี๋ยวจะใส่ถุงให้”
มินตราไม่พูดเปล่า รีบยื่นส่งไอ้หิรัญมาให้ฉันอุ้มต่อด้วยท่าทางลนลาน ฉันที่เก้ ๆ กัง ๆ เพราะไม่เคยอุ้มก็ได้แต่ยอมรับลูกของเพื่อนมาถือเอาไว้ โดยที่แม่ของมันไม่หันกลับมาดูเลย
“เอ่อ... เมื่อคืนออกไปตอนไหนเหรอ ไม่เห็นรู้สึกตัวเลย”
ฉันถามเสียงอ้อมแอ้ม แอบหลบสายตาของเขาที่จ้องมองมาที่ฉันนิ่ง ๆ
“จำไม่ได้ ตีสี่มั้ง”
เขาว่าพลางขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะใช้มือเขี่ยแก้มนุ่มของไอ้หิรัญอย่างหยอกล้อ
“น่ารักจัง”
“อย่าพูดแบบนี้สิ เขาบอกว่าอย่าชมเด็กว่าน่ารัก เดี๋ยวผีจะอยากแย่ง ต้องบอกว่าน่าเกลียดน่าชัง”
ฉันรีบเงยหน้าบอกเสียงรัว
“ฉันไม่ได้ชมไอ้หิรัญ”
“...”
คำพูดของเขาทำให้ฉันชะงัก รีบแหงนหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้
“เก่งแต่ปาก”
ฉันวางตัวไม่ถูกเลยบุ้ยปากแสร้งทำเป็นเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนอย่างไม่เจาะจง เขาเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร แต่ก็ยังตีมึน
“หมายความว่าไง”
“ไม่รู้ พูดไปลอย ๆ เนอะหิรัญ”
คราวนี้ก้มลงมาพูดกับหลานที่อยู่ในอ้อมแขน
“คืนนี้พ่อไม่อยู่เหรอ”
“รู้ได้ไง”
ฉันช้อนสายตาขึ้นมามองที่เขาเล็กน้อย
“ก็เห็นตาพวงบอกว่าพ่อต้องไปนอนเฝ้าศพตาริด”
“อืม จริง ๆ ไม่อยู่กันทั้งบ้านนั่นแหละ พ่อไปเฝ้าศพ แม่ไปเฝ้าครัว ส่วนฉันไปเฝ้าวงไฮโล”
“เสียดายจัง”
เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แสดงท่าทีเหมือนกับว่าเสียดายอะไรบางอย่าง
“เสียดายอะไร”
“ก็นึกว่าไม่มีใครอยู่บ้าน”
“จะทำไม”
เขายิ้มบาง ๆ พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้น
“จะไปหา”
บอกตามตรงว่าสีหน้าและแววตาของเขากำลังทำให้ฉันคิดไปไกล ทำไมต้องอยากมาหาในตอนที่ไม่มีใครอยู่บ้านด้วยเล่า! หรือว่า... ที่เขาไม่ยอมทำอะไรฉันเมื่อคืนนี้ เพราะเกรงว่าพ่อกับแม่ฉันจะได้ยิน
“มาจริงไหมล่ะ ถ้ามาจะได้ไม่ไปงานศพ”
ฉันพยายามเก็บอาการ ไม่ให้เขารู้ว่าฉันกำลังตื่นเต้นมากแค่ไหน ที่จู่ ๆ เขาก็จะกลับมาให้ฉันแก้มืออีกรอบ
“แล้วถ้าไป... จะทำอะไรกันดี”
เขาถามพร้อมกับจ้องหน้าตาไม่กะพริบ ในขณะที่สองมือล้วงลงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างด้วยท่าทางสบาย ๆ
“อืม... เดี๋ยวสอนเรื่องกลโกงเล่นไพ่”
“จริงไหม?”
“อื้อ”
สอนก็โง่ ฉันไม่สอนให้เขามาเอาเงินฉันหรอกนะ ของแบบนี้มันต้องฝึกฝนเท่านั้น จะมาขโมยสูตรกันง่าย ๆ ไม่ได้
“ทำไมจ้องหน้าแบบนี้ ไม่เชื่อหรือไงว่าจะสอน”
เขาไม่ตอบในทันที เพียงแค่ส่ายหน้าเบา ๆ ทั้งที่กำลังยิ้มอยู่
“แต่แกล้งเชื่อก็ได้”
“แล้วทำไมต้องแกล้ง”
เขาไหวไหล่แทนคำตอบ ก่อนจะช้อนไอ้หิรัญไปอุ้มแทน เพราะเห็นว่าฉันเริ่มขยับท่าอย่างทุลักทุเลเนื่องจากเริ่มเมื่อย ไอ้นี่ก็วางลงไม่ได้เลย อยากจะแหกปากร้องอยู่ท่าเดียว ถ้าไม่ใช่ลูกเพื่อนฉันป่านนี้คงเอาขี้เถ้ายัดปากไปนานแล้วละ
“อยากได้ไหม”
“อะไร”
“ก็นี่ไง”
เขาบุ้ยปากไปที่เด็กทารกตัวเล็กในอ้อมแขน
“ไม่เอาอะ ไม่ชอบเด็ก”
ฉันปฏิเสธแทบจะทันที ตามนิสัยคนชอบพูดตรง ๆ
“น่ารักดีออก”
“บอกแล้วไง ไม่ให้ชมเด็กว่าน่ารัก”
ฉันรีบยกมือขึ้นทาบปิดปากเขาเอาไว้แน่น ไม่ให้หลุดคำพูดต้องห้ามออกมาอีก แต่ก็ต้องรีบดึงมือออก เพราะถูกสายตาคมเข้มจ้องมองราวกับจะหลอมฉันให้เหลวด้วยสายตา
“ทำไมชอบมอง”
“ก็เธอสวย”
“จริงเหรอ”
คนบ้ายอแบบฉันโดนทักแบบนี้ก็ยิ้มแก้มปริ แต่พอก้มมองดูสารรูปตัวเองก็เข้าใจว่าเขาโกหก เพราะตอนนี้ฉันยังอยู่ในชุดเดิม คือเสื้อยืดสีขาวคอย้วย และกางเกงวอร์มสีดำคู่ใจ
“ฉันสวยได้กว่านี้อีกนะ”
“ยังไง”
เขาไม่เข้าใจในคำพูด เลยถามต่อให้ฉันขยายความ
“ไม่บอก เดี๋ยวคืนนี้จะเข้าใจเอง อ้อ! แม่ฉันออกจากบ้านประมาณสี่ทุ่มนะ ไว้แม่ไป พี่ค่อยมา”
“เหรอ แล้วเข้าทางประตูได้ไหม”
“ไม่ได้ เผื่อพ่อผู้ใหญ่อยู่ เดี๋ยวแกเห็น ปีนหน้าต่างมานั่นแหละ ดีแล้ว”
ฉันไม่รู้ว่าพ่อผู้ใหญ่จะกลับเข้าบ้านมาตอนไหน เขาเข้าออกบ้านไม่ค่อยเป็นเวลา แต่ถ้าจับได้ว่าพี่พญาแอบย่องเข้าห้องฉันล่ะก็ เรื่องใหญ่แน่ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ เขาหวงฉันยิ่งกว่าอะไรดี หวงซะยิ่งกว่าไข่ในหิน ถ้าบอกว่าฉันเป็นลูกของเขา ฉันยังเชื่อได้เลย เพราะเขาแสดงออกแบบนั้นจริง ๆ