สงสัยต้องแก้มือ

1333 คำ
“อีนาวตื่นยังแม่” “ยัง สูขึ้นไปปลุกเอาโลด” (ยัง ขึ้นไปปลุกเลย) เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังอยู่ชั้นล่าง ฉันก็รู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้สองเกลอมาถึงใต้ถุนบ้านแล้ว และอีกไม่นานพวกมันสองคนต้องขึ้นมาป่วนฉันแน่ แค่คิดก็หงุดหงิดแล้ว จึงรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัว “อีนาววว ตื่น ๆ ๆ” “อื้ออ” ฉันร้องประท้วงในลำคอ มาปลุกอะไรแต่เช้าวะ คนจะหลับจะนอน “ตื่น ๆ ๆ” พึ่บ! ผ้าห่มสีชมพูถูกกระชากออกไปจากตัวจนฉันต้องเบ้หน้าเพราะถูกแสงแยงเข้าตาเต็ม ๆ “สูมาหยังแต่เช้าแท้ซุมห่าหนิ” (พวกมึงมาทำไมแต่เช้าวะ) ฉันบ่นอุบก่อนจะถูกใบตองดึงแขนให้นั่งทั้งที่ยังไม่ลืมตาตื่น ครั้นจะเอนตัวลงนอนอีกรอบก็ถูกพวกมันดึงตัวเอาไว้ไม่ยอมให้เอนตัวลงไปนอนอีก “ตู้ริดตายแล้ว” (ตาริดตายแล้ว) “หือ” ฉันค่อย ๆ สะบัดความงัวเงียออกอย่างรวดเร็ว ได้ยินข่าววันก่อนว่าแกล้มในห้องน้ำ ตายจริงเหรอเนี่ย น่าสงสารจริง ๆ “หลูโตนลูกเลาเนอะ แฮงเหลือพ่อผู้เดียว” (สงสารลูกแกนะ ยิ่งเหลือพ่อคนเดียวอยู่ด้วย) ฉันลูบหน้าลูบตาลวก ๆ ไล่ความงัวเงีย และตอนนี้ก็เริ่มปรับสายตาสู้แสงได้ จริงสิ! เมื่อคืนพี่พญาเขานอนที่นี่นี่นา แล้วตอนนี้ไปไหนแล้ว คิดได้แบบนี้ก็รีบหันรีหันขวาง กวาดมองหาชายร่างกำยำที่นอนกอดกันอยู่ทั้งคืน แต่กลับไม่เจอ “หาหยัง” (หาอะไร) “เอ่อ...” ฉันอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าควรเริ่มประโยคยังไง แต่พวกมันก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะฟัง “หาลุกไปล้างหน้าก่อน สิพาออกไปซอยงานเพิน” (ไปล้างหน้าล้างตาก่อนไป จะพาออกไปช่วยงานศพ) “ต้องไปเซ่าปานนี่เลยติ” (ต้องไปเช้าขนาดนี้เลยเหรอ) “แมน วงไฮโลเพินตั้งแต่ศพยังบ่ทันฮอดเฮือนพุ่น” (ใช่ วงไฮโลเขาตั้งตั้งแต่ศพยังไม่ถึงบ้านแน่ะ) ก็นึกว่าพวกมันจะเป็นคนดี อยากจะไปช่วยเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟท่า ที่ไหนได้ จะชวนไปเล่นไฮโลนี่เอง “ฟ่าว ๆ เด้อ กูลงไปเล่นนำแม่มึงถ่า” (รีบ ๆ ล่ะ พวกกูจะลงไปเล่นกับแม่มึงรอ) พูดจบก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ฉันได้จัดการร่างกายตัวเอง บ้านของตาริดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของฉันนัก จึงไม่จำเป็นต้องแต่งตัวอะไรให้มาก ยังไงก็ไปขลุกอยู่วงไฮโลอยู่แล้ว ฉันเลยลงไปล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะเดินขึ้นมาหยิบกระเป๋าคู่ใจแล้วซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ไปกับพวกเพื่อนรัก ขับรถมาไม่ไกลเราก็มาถึงที่หมาย ตอนนี้ยังไม่มีแขกทางไกลมาถึง มีแค่คนในหมู่บ้านที่คุ้นตา และส่วนใหญ่จะอยู่ในครัวและวงไฮโล “สูไปเล่นถ่าโลดเด้อ กูกินข้าวก่อน” (พวกมึงไปเล่นรอเลยนะ กูไปกินข้าวก่อน) “กินนำ กูกะยังบ่ทันได้กิน” (กินด้วย กูก็ยังไม่ได้กิน) ใบตองว่าพร้อมกับเดินตามมาที่ครัวด้วย เช่นเดียวกันกับแหวน ซึ่งคาดว่ากินข้าวมาแล้ว แต่ก็ตัวติดเพื่อน เลยต้องตามมาอยู่ด้วยกันไม่ห่าง “เฮ็ดหยังกินแนน้าสา” (ทำอะไรกินบ้างน้าสา) ฉันตรงเข้าไปที่ครัวอย่างคุ้นชิน ก่อนจะเปิดฝาหม้อดูสิ่งที่อยู่ด้านใน “มีซำนี่เบาะ” (มีแค่นี้เหรอ) แอบทำหน้าเซ็งเล็กน้อยที่ด้านในมีเพียงวิญญาณของต้มเนื้อ “กะซำนี่ล่ะ บักมาดยังบ่มาแต่ตลาด ฮึสิกินตำบักหุ่ง ไปตำเอา” (ก็แค่นี้แหละ ไอ้มาดมันยังไม่กลับมาจากตลาดเลย หรือจะตำส้มตำกินก่อน แต่ไปตำเองนะ) เหลือแค่ส้มตำก็ยังดีวะ ฉันไม่รอให้ใครช่วยจัดแจง รีบตรงเข้าไปทำส้มตำอย่างชำนาญ เพียงเวลาไม่นาน ส้มตำสีสดกลิ่นปลาร้าคลุ้งก็พร้อมเสิร์ฟที่โต๊ะ ยังดีที่อย่างน้อยก็มีทอดปลากับข้าวเหนียวร้อน ๆ เลยทำให้สามารถนั่งกินที่นี่ได้เลย ไม่ต้องถือกลับไปกินบ้าน “มื่อวานเป็นจังได๋แน เอาบักม่วงไปให้อ้ายพญาแล้วได้คุยกันบ่” (เมื่อวานเป็นยังไงบ้าง เอามะม่วงไปให้พี่พญาแล้วได้คุยกันไหม) จู่ ๆ แหวนก็เอ่ยถามถึงเรื่องเมื่อวาน ในขณะที่จ้วงตักส้มตำคำใหญ่ใส่ปาก “คุย กูเลยซวนเลามาหัดเล่นไพ่อยู่ห้องกู” (คุย กูเลยชวนเขามาหัดเล่นไพ่ที่ห้อง) “แท้บ่หนิ!” (จริงไหมเนี่ย!) ตองอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “กูสิตั๋วมึงหาสะแตกติ” (กูจะโกหกมึงหาสวรรค์วิมานอะไร) “มึงได้สี่เลาล่ะติ” (มึงได้กันกับเขาแล้วเหรอ) “ยัง” ฉันโบกไม้โบกมือตอบคำถาม ก่อนจะยกน้ำขึ้นมากระดก พริกบ้านนี้มันเผ็ดจังวะ ขนาดใส่แค่ไม่กี่เม็ด “เอ้า มึงคือพลาด” (เอ้า ทำไมมึงถึงพลาด) ใบตองตบเข่าฉาดใหญ่ด้วยความเสียดาย “กะเลาบ่เอา นอนกอดกูจนซอดแจ้ง จักออกไปตอนได๋บุ ตื่นมากะบ่เห็นเลาแล้ว” (ก็เขาไม่เอานี่ นอนกอดกูจนถึงเช้าเลยนะ ไม่รู้ออกไปตอนไหน ตื่นมาก็ไม่เห็นเขาแล้ว) “โอ๊ยยย” ทั้งสองคนต่างร้องโอดครวญพลันทำหน้าเหมือนจะตายเอาให้ได้ “เลาบ่กล้าเอา แล้วมึงคือบ่เริ่มก่อน” (เขาไม่กล้าเอา แล้วทำไมมึงไม่เริ่มก่อน) “กูกะบ่กล้า” (กูก็ไม่กล้า) ฉันบอกออกไปตามตรง ถ้าโชกโชนอย่างพวกมันจะไม่ลำบากใจเลยสักนิด แต่นี่มันครั้งแรกของฉันนะ จะเปิดซิงทั้งทีทำไมมันช่างยากเย็นอย่างนี้วะ “กูว่ากูเลาะหาเล่นไพ่คักโพด หน้ากูเลยแหล่วะ แล้วงานศพตู้ริดบ่ต้องซวนกูไปไสเด้อ กูสิหมักผิว” (กูว่ากูคงตระเวนเล่นไพ่เยอะไปหน่อย หน้าเลยหมองคล้ำหมด เสร็จจากงานศพตาริดแล้วพวกมึงไม่ต้องชวนกูออกไปไหนแล้วนะ กูจะดูแลผิว) ฉันบอกออกไปตามที่คิด “บ่เกี่ยวนำหน้ามึงดอก กูว่าเกี่ยวนำอย่างอื่น” (ไม่เกี่ยวกับหน้ามึงหรอก กูว่าเกี่ยวกับอย่างอื่น) ใบตองยกมือขึ้นมาจับที่คางพลางจ้องสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “มื่อคืนมึงใส่ซุดได๋” (เมื่อคืนมึงใส่ชุดไหน) “ซุดนี่ล่ะ” (ชุดนี้แหละ) ฉันเอ่ยบอกด้วยท่าทางไม่ยี่หระ แต่กลับทำให้พวกมันสองคนตบเข่าฉาดใหญ่ราวกับรู้สาเหตุอันแท้จริง “เสื้อยืดคอยาน กางเกงวอร์มสีดำนี่เบาะ” (เสื้อยืดคอย้วย กางเกงวอร์มสีดำเนี่ยนะ) “มันเป็นหยัง” (มันทำไม) ฉันก้มมองดูชุดของตัวเอง มันก็ไม่ได้น่าเกลียดขนาดนั้นสักหน่อย ถึงแม้ไม่ค่อยจะใส่ออกนอกบ้าน แต่ใส่นอนแล้วมันอุ่นดีนะ “มันบ่ได้ สิใส่ซุดอ่อยผู้ซายมันต้องเซ็กซี่” (มันไม่ได้ไง จะใส่ชุดอ่อยผู้ชายมันต้องเซ็กซี่กว่านี้) “เซ็กซี่?” ฉันทวนคำพร้อมกับย้อนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน คงจะจริงอย่างที่พวกมันบอกนั่นแหละ เสื้อผ้าที่ฉันใส่ปิดเนื้อหนังซะมิดชิด คงไม่แปลกที่เขาจะกินไม่ลง สงสัยคืนนี้จะต้องแก้มือใหม่ซะแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม