ตอนที่7 มัวเมา

2129 คำ
แต่ใครจะไปเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่เผลอไผลไปกับพลอยพัชชาในวันนั้นมันจะไม่ได้จบลงเพียงแค่ครั้งเดียว ยังคงมีครั้งที่ 2 3และอีกหลาย ๆ ครั้ง ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะเผลอใจ แต่เป็นเพราะเขาตั้งใจและไม่ซื่อสัตย์กับภรรยามากพอ เหมือนกับเมื่อครู่ที่เพิ่งสุขสมไปด้วยกันก่อนหน้า เธอมาเสนอเขาก็แค่สนอง "กฤษณ์จะกลับไทยแล้วใช่ไหมคะ เราจะได้เจอกันอีกไหมนะ" พลอยพัชชาซบหน้าลงกับแผงอกแกร่ง เธอและเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมานานจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ครึ่งปีผ่านมาแล้ว เป็นความผูกพันที่น่าใจหายเพราะเธอมีความสุขมากที่ได้อยู่กับผู้ชายคนนี้ แต่ทว่าอีกไม่นานเรื่องของเธอและเขามันก็คงจะกลายเป็นแค่อดีต "เราจะได้เจอกันอีกไหมคะ ถ้ากฤษณ์กลับไทยพลอยยังจะติดต่อคุณได้ไหม?" "เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะพลอย ทุกอย่างให้มันจบที่นี่ ถ้าวันหนึ่งต้องเดินผ่านกันที่เมืองไทยเราจะเหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน" "ใจร้ายจังเลยนะคะ คุณจะไม่คิดถึงพลอยจริงเหรอ?" พลอยพัชชาแหงนหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าคมที่หล่อเหลา กฤษณ์ดนัยจ้องมองหน้าของผู้หญิงที่ทำให้เขาทำความผิดลับหลังภรรยามานานถึงครึ่งปี "ผมมีครอบครัวแล้ว คุณเองก็รู้ เรื่องของเราที่นี่ให้มันจบลงที่นี่ก็พอพลอย ผมไม่ได้อยากใจร้าย แต่ผมก็รักเมียผมมาก พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจหรอก" "ฮ่า ๆ ๆ ตลกจังเลยนะคะ คนที่รักเมียมากเขาจะมานอนกับผู้หญิงคนอื่นได้อย่างที่กฤษณ์ทำจริงเหรอ?" "เรื่องของเรามันก็เป็นแค่ความสนุกทางกาย ผมเป็นผู้ชายถ้ามีผู้หญิงมาให้เอาฟรี ๆ ผมก็ไม่ปฏิเสธ" "นี่คุณจะหาว่าพลอยง่ายเหรอคะ?" พลอยพัชชาถึงกับลุกนั่งพรวดขึ้นทันที จับต้องใบหน้าหล่อที่ยิ้มมุมปากด้วยความไม่พอใจ "คุณรู้ตัวเองดีพลอยพัชชา คุณก็ไม่ได้อยากผูกมัดกับผมหรอก มันก็เป็นแค่เรื่องขำ ๆ ที่คนเหงาสองคนจะได้มาทำเรื่องแบบนี้ด้วยกัน หรือผมพูดผิด?" "ใครบอกว่าพลอยไม่ได้รักคุณ ถ้าพลอยทำให้คุณเลิกกับเมียได้พลอยก็จะทำ" "นี่! ถ้าจะพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้เราก็เลิกติดต่อกันตั้งแต่วันนี้เลยแล้วกัน ผมไม่ชอบคนที่พูดจาไม่เข้าใจภาษาคน!" ร่างสูงลุกพรวดขึ้นจากที่นอนก่อนจะเดินหายเข้าไปภายในห้องน้ำ เสียงน้ำที่สาดกระเด็นลงกับพื้นก็ดังขึ้นตามมาติด ๆ พลอยพัชชาได้แต่จ้องมองประตูห้องน้ำ สายตาเคียดแค้นแสดงออกถึงความไม่พอใจ ฝ่ามือเรียวที่ขย้ำผ้าปูที่นอนระบายความโกรธที่ไม่อาจจะแสดงออกได้มากไปกว่านี้ "คุณคิดว่าพลอยจะจบเพียงเท่านี้หรือไง พลอยอยากได้อะไรพลอยก็ต้องได้คอยดูเถอะ!" กรุงเทพมหานคร ภายในร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางเมือง เอวิกาที่อุ้มท้องโตใกล้คลอดเดินเข้ามาหาเพื่อนสนิท 2 คนที่กำลังนั่งรออยู่ก่อนแล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์นั่งลงเคียงข้างกับเพื่อนสาวคนสนิท ที่มาพร้อมกับแฟนหนุ่มหน้าตาดีที่อีกไม่นานจะมีงานวิวาห์เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่แล้ว “โห ของโตมากเลยนะเอวี่ คลอดเดือนไหนนะ?” อินทุอรถามไถ่เพื่อนสนิทที่ไม่ได้พบเจอกันมานานด้วยความรู้สึกตื่นเต้นแทน “เดือนหน้านี้แหละ ดีใจนะอินที่ได้เจอแกวันนี้ สวัสดีค่ะคุณอาร์ทยินดีที่ได้รู้จักนะ ได้ยินแต่อินพูดถึงเพิ่งจะเคยเจอตัวจริงก็วันนี้แหละ” เอวิกาทักทายแฟนหนุ่มของเพื่อนรักด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มและเป็นมิตร “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ได้ยินแต่อินพูดให้ฟังเหมือนกันว่ามีเพื่อนสนิทที่กำลังจะกลายเป็นคุณแม่มือใหม่ป้ายแดงแล้ว พอดีผมไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทยนี่ก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศน่ะ แต่ผมดีใจมากครับที่ได้มานั่งรวมโต๊ะอาหารกับคุณเอวี่วันนี้” “เฮ้ย..แล้วแบบนี้งานแต่งฉันแกจะไปร่วมงานได้หรือเปล่าเอวี่” อินทุอรหันกลับมาถามเพื่อนอีกครั้ง เอวิกายิ้มตอบรับในทันที “ฉันไม่คลอดก่อนงานแต่งแกหรอกหน่า รับรองฉันจะอุ้มท้องโต ๆไปยืนเคียงข้างเป็นเพื่อนเจ้าสาวคนสวยอย่างแน่นอน” “เออให้มันจริงเถอะ ตอนงานแต่งแกไม่เห็นจะเชิญฉันไปร่วมงานด้วยเลย แต่งงานกับลูกเศรษฐีทั้งทีไม่เห็นงานแต่งใหญ่โตอย่างที่ควรจะเป็นเลย อีตาพี่กฤษณ์ของแกมันรักแกจริงหรือเปล่าฮะ?” “งานแต่งใหญ่โตมันไม่สำคัญหรอกนะอิน แค่มีให้พ่อแม่ได้มีหน้ามีตานิดหน่อยฉันก็มีความสุขแล้ว ฉันไม่ได้ต้องการงานแบบนั้น แต่ฉันก็แต่งงานกับเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมายนะ ฉันเป็นเมียแต่งที่ถือทะเบียนสมรส แค่นี้พี่กฤษณ์ก็ให้เกียรติฉันมากพอแล้วแก” “แล้วเมื่อไหร่เขาจะกลับมา ไปอยู่ห่างไกลเมียแบบนี้ไม่ใช่ไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยไข่ไว้ที่นู่นหรอกเหรอ!” เอวิกาส่ายหน้ายิ้มให้กับสิ่งที่เพื่อนพูดที่มันไม่เป็นความจริง เพราะคนของเธอไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย “อีก 2 วันนี้แหละเขาก็จะกลับมาแล้ว พี่กฤษณ์เขาไม่เหมือนใครนะ ฉันเชื่อใจเขา” “หึ!!! จ้ะแม่คนโลกสวย ถ้าฉันเป็นแกฉันคงไม่ให้เขาไปอยู่ไกลหูไกลตาแบบนั้นหรอก มันขึ้นชื่อว่าผู้ชายหรือเปล่าวะ แต่ก็ไม่ได้เห็นตลอดเวลาทำไมต้องเชื่อใจมากขนาดนั้น แกจะมั่นใจได้แค่ไหนว่าเขาซื่อสัตย์จริงใจกับแกเพียงแค่คนเดียว” “เฮ้...ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะเหมือนแฟนเก่าแกไหมวะอิน ผู้ชายดี ๆ มันก็คงมีอยู่บนโลกใบนี้เยอะแยะไหม แกอย่าเอาคนในอดีตของแกมาพูดให้ฉันรู้สึกแย่ไปด้วยแบบนี้ได้ไหม ฉันกับเขาคบกันมาเข้าปีที่ 7 แล้วนะตอนนี้ ใจจริงฉันก็มีแอบหวั่น ๆ นะ แต่สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะไว้ใจและเชื่อใจคนที่รักมากกว่า ความรักมันจะอยู่รอดได้มันก็ต้องเชื่อใจกันไม่ใช่เหรออิน” “เออ..ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรพูดอะไรให้แกต้องคิดมากเลย แกยิ่งท้องอยู่ด้วยช่างมันเถอะ มาสั่งอะไรอร่อย ๆเลี้ยงฉลองที่เราได้เจอกันวันนี้จะดีกว่านะ แล้วนี่หลานฉันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?” “หลานสาว ฉันตั้งชื่อไว้แล้ว เอวารีน” “หูย! ชื่อน่ารักมากอ่ะแก ฉันจะมีลูกสาว เดี๋ยวฉันจะซื้อชุดสวย ๆ ไว้รอต้อนรับลูกสาวที่น่ารักของฉัน” อินทุอรยื่นมือไปสัมผัสหน้าท้องที่นูนเด่นของเพื่อนรักด้วยความตื่นเต้นแทน อาหารเที่ยงมื้อนี้ก็เลยมีแต่เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของเพื่อนรักดังแว่วให้ได้ยินตลอดเวลา หลังจากรับประทานอาหารเสร็จก่อนกลับบ้านเอวิกาใช้เวลาว่างที่มีเดินเข้าไปยังร้านชุดเด็กแรกคลอด ที่ไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็ทำให้รู้สึกมีความสุขกับของน่ารัก ๆ ที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาที่เจอ แม้ก่อนหน้านี้จะหาซื้อชุดไว้แต่งตัวให้ลูกสาวเยอะพอควรแล้ว แต่สำหรับความเป็นแม่มือใหม่ก็ยังรู้สึกว่ามีได้เยอะมากกว่านั้นอีก เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้เอวิกาต้องรีบหยิบจับออกมาเพ่งมองดูหน้าจอก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มกับชื่อปลายสายที่โทรเข้า เธอรีบกดรับวิดีโอคอลนั้นอย่างไว “ว่าไงคะคุณพ่อ เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเสร็จหรือยังคะ?” “กำลังทยอยเก็บครับ แต่พรุ่งนี้น่าจะเสร็จแล้ว เอวี่ทำอะไรอยู่” เอวิกาแพลนกล้องให้สามีดูรอบ ๆ ที่เธออยู่ ก่อนจะหยิบจับชุดน่ารัก ๆ ให้คนเป็นพ่อได้มีส่วนร่วมเลือกด้วย เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เธอมาชอปปิ้ง แม้จะอยู่ห่างไกลแต่มันก็คือความสุขที่เธอและเขาได้ทำร่วมกันตลอด เพราะ 6 เดือนที่ผ่านมากฤษณ์ดนัยไม่ได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยเหมือนก่อนหน้านั้น แต่เธอก็เข้าใจดีว่าเป็นเทอมสุดท้ายที่เขางานเยอะ ต้องร่ำเรียนเอาวิชาความรู้เพื่อกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวต่อไป “เอวี่ไม่ต้องมารับที่สนามบินก็ได้นะ เดี๋ยวไว้เจอกันที่บ้านเลย” “ไม่เป็นไรเอวี่อยากไปเจอพี่กฤษณ์คนแรก คิดถึงจะตายอยู่แล้วอีกแค่ 2 วันเองเนอะ เราจะได้อยู่กันเป็นครอบครัวสักที แล้วนี่กินข้าวหรือยังคะ ทำไมหน้าตาดูเหนื่อย ๆ นะ เหมือนคนไม่ได้หลับได้นอน เทอมสุดท้ายงานเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ” “อ๋อ...พอดีเมื่อคืนเพื่อนร่วมห้องเขาเลี้ยงส่งพี่น่ะ ก็เลยมีปาตี้กันดึกดื่น พี่ไม่ได้ดื่มหนักนะพี่ดื่มเบียร์ไปไม่กี่แก้วแต่ก็นั่งคุยกับพวกมันจนเกือบสว่างเลย” “Darling your breakfast is ready!” เสียงที่แว่วดังมาทำให้คนปลายสายถึงกับคิ้วขมวดขึ้นด้วยความสงสัย “เสียงใครคะนั่น?” “อ้อ...เสียงทีวีน่ะ พอดีพี่ดูหนังอยู่ แค่นี้ก่อนนะเอวี่พี่จะไปอาบน้ำ เอาไว้พี่จะโทรหาพรุ่งนี้ก่อนขึ้นเครื่องแล้วกัน อย่าเดินนานนะเดี๋ยวจะปวดขาเอาหรอก พี่ไม่ได้อยู่ใกล้พี่ดูแลไม่ได้นะครับรู้ไหม” “อ๋อ...งั้นพี่กฤษณ์ก็ไปอาบน้ำเถอะค่ะ อย่าลืมหาอะไรทานนะเอวี่เป็นห่วง” “ครับ...รักนะครับคุณแม่คนสวย ม๊วฟ!” สายโทรศัพท์ถูกตัดไป กฤษณ์ดนัยถึงกับเป่าปากฟู่ว์ด้วยความโล่งอก ไม่ได้อยากโกหกเมียที่บ้านแบบนี้เลยเพราะถ้าเขากลับไปเขาจะเป็นคนดีไม่ใช่คนเลวแบบนี้ที่ทำอะไรไม่ดีลับหลังเธอ ดวงตาคมหันกลับไปจ้องมองเจ้าของเสียงที่กำลังยกอาหารอีกจานเอามาวางไว้บนโต๊ะโดยสีหน้าไม่พอใจ “จะส่งเสียงให้มันดังทำไม พลอยไม่เห็นเหรอก็ผมคุยกับเมียอยู่” “ขอโทษ พลอยไม่รู้นี่คะว่ากฤษณ์คุยโทรศัพท์อยู่ เขาไม่ได้สงสัยอะไรนี่นา แล้วกฤษณ์จะมาชักสีหน้าใส่พลอยทำไมคะ มาทานข้าวเถอะพลอยอุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารเช้าให้เลยนะ คุณจะได้มีแรง เสียพลังงานไปเยอะไม่ใช่เหรอ” “กินข้าวเสร็จแล้วคุณก็กลับเลยนะ คืนนี้ผมจะนอนคนเดียว พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านแล้ว” พลอยพัชชาวางจานไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปใกล้กับร่างสูงที่เปลือยกายท่อนบนอวดหุ่นล่ำสุดเซ็กซี่ นิ้วมือเรียวลูบไล้สัมผัสแผงอกแกร่งเบา ๆ “จะจากกันทั้งทียิ่งต้องใช้เวลาที่มีค่าอยู่ร่วมกันไม่ใช่เหรอคะ จะมาไล่พลอยกลับทำไมพลอยไม่กลับหรอกนะ พลอยจะอยู่กับคุณทั้งวันทั้งคืนเลย ไปกินข้าวนะคะพลอยอุตส่าห์ตั้งใจทำให้เป็นพิเศษเลย” กฤษณ์ดนัยไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินตามแรงจับจูงของพลอยพัชชาไปนั่งรับประทานอาหารกับเธออย่างจำยอม ถึงอย่างไรพรุ่งนี้เขาก็จะกลับบ้านแล้ว วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายในรอบ 6 เดือนที่จะได้ทำอะไรแบบนี้ด้วยกันอีก อย่างน้อยในเวลาที่ผ่านมาพลอยพัชชาก็เอาอกเอาใจเขาดีเสมอมา แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ผิดที่ไม่ควร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่เอวิกาจะไม่มีวันรับรู้และจะไม่ผิดหวังในตัวเขาอยู่แล้ว เขาขอแค่เลวในวันนี้และจะกลับไปเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี เป็นพ่อที่ดีเป็นสามีที่ดีของเธอเพียงคนเดียว....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม