บทที่ 4/1 เล่าให้ฟัง

1232 คำ
บทที่ 4/1 เล่าให้ฟัง   กลับถึงห้องนาเดียร์ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกพาออกมา ทั้งที่เธออาการดีขึ้น เริ่มอยากทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ถึงอัคคีบอกจะจีบ แต่ด้วยสัญชาตญาณเพศหญิง เธอรู้สึกว่าฝ่ายนั้นแค่หยอกเล่นไม่คิดจริงจัง มีแต่เพื่อนสุดหล่อนี่แหละที่คิด เห็นอาการหงุดหงิดไม่มีสาเหตุของเขา นาเดียร์เลยรูดซิปปากไม่พูดมากเหมือนเคย รีบเข้าครัวทำมื้อเย็นที่ได้คำตอบระหว่างทางว่า ‘อะไรก็ได้’ หนึ่งชั่วโมงต่อมาแกงจืดหมูสับ ผัดกะหล่ำปลีน้ำปลาใส่พริกเยอะๆ (จอมทัพชอบ) กับข้าวสวยร้อน ๆ ก็วางอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ จอมทัพนั่งประจำที่ เชฟจำเป็นก็ปีนขึ้นนั่งเก้าอี้ทรงสูงตามมาสมทบ เป็นฝ่ายชายที่ลงมือจ้วงเข้าปากด้วยความหิวโหย ส่วนฝ่ายหญิงก็จ้องตาแป๋วรอคำชม เหมือนทุกครั้งที่ทำกับข้าวให้เขากิน ไม่นานเสียงที่อยากได้ยินก็ดังออกมา หลังจากกินครบทั้งสองอย่าง “รสชาติดี" “จริงอะ?” เชฟจำเป็นทำเสียงไม่เชื่อถือ ทว่ายิ้มหน้าบานเป็นกระด้งนำไปก่อนแล้ว “เราเคยโกหกหรือไง” “งั้นก็กินเยอะ ๆ เราตั้งใจซื้อของมาทำให้ทัพคนเดียวเลยน่า” “ไม่ทำให้เรา แล้วเธอจะทำให้ใคร" พูดตามตรงก็มีแต่เขานี่แหละที่กินกับข้าวฝีมือนาเดียร์ได้ อ้อ..มีพ่อใหญ่จอมทองอีกคน “นั่นแหละ นี่ ๆ เราตักให้” นาเดียร์ตักกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาใส่จาน จอมทัพก็ไม่ขัดศรัทธา เขาจ้วงมากินด้วยคำโต ๆ สร้างความปลาบปลื้มแก่คนทำอย่างมากมาย เมื่อก่อนนาเดียร์เป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม เพื่อนตัวน้อยไม่ได้ทำกับข้าวอร่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ขยันทำซะด้วย รสชาติห่วยแตกย่ำแย่แค่ไหนไอ้ทัพก็ต้องกระเดือกให้เกลี้ยง ไม่งั้นจะมีคนซึมเป็นส้วมไปหลายวัน หนักเข้าก็พาลไม่คุย ถามคำตอบคำ ดีที่ตอนนี้พัฒนาขึ้นมาก ไม่เค็ม ไม่หวานโดดจนเกินไป หากฝีมือยังคงที่เขาคงได้ฟอกไตก่อนวัยอันควร หลังเก็บล้างเสร็จทั้งคู่ก็เปลี่ยนมานั่งดูหนังรักโรแมนติกที่นาเดียร์ชอบ ด้วยโซฟาไม่ใหญ่มากระยะห่างของร่างกายจึงค่อนข้างแนบชิด แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะต่างชินกับการยกขาก่ายกันไปมาอยู่แล้ว ร่างของหนุ่มสาวมีผ้าห่มผืนบางปกคลุม ในมือคนตัวเล็กมีถุงขนมและเธอก็หยิบเข้าปากไม่มีขาดช่วง ข้าวน่ะไม่ชอบกิน แต่ถ้าเป็นขนมน่ะขอให้บอก นาเดียร์สู้ตาย “เทอมหน้าเราจะให้เธอลงเรียนใหม่ เรียนที่เดียวกันนี่แหละ โทรยกเลิกงานซะนะไม่ต้องทำแล้ว อีกไม่นานมหา’ ลัยจะเปิดรับนักศึกษา เธออ่านหนังสือรอเลย ข้อสอบคณะบริหารไม่น่ายาก ไว้เราติวให้” จังหวะนาเดียร์กำลังเคี้ยวขนมชายหนุ่มก็พูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง กระนั้นคนฟังก็ส่ายหน้าปฏิเสธ จอมทัพจึงถามขึ้นอีก “ไม่อยากเรียนหรือไม่พร้อม” “ใครจะจ่ายค่าเทอม เราไม่มีเงิน" “ต้องเป็นลุงทองของเธออยู่แล้ว ตอนยายเดือนตายพ่อก็ตั้งใจจะส่งเธอเรียน จะดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ ขอแค่เธอยอมอยู่ด้วยกัน แต่สุดท้ายเธอก็เลือกไปอยู่กับน้าดวง” ถ้านาเดียร์ไม่เคยให้สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกัน ไม่มีทางไปอยู่ภูเก็ต จอมทัพคงไม่โกรธจนถึงขั้นตัดการติดต่อ เธอเลือกแม่อันนี้เข้าใจได้ แต่ดวงใจไม่ใช่แม่แบบทั่วไป ทั้งเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ดูก็รู้ว่าดวงใจไม่ได้รักและผูกพันกับลูกสาวสักนิด ขนาดเขายังมองออก แล้วนาเดียร์จะไม่รู้สึกเลยเหรอว่าแม่ไม่เคยรักเธอเลย “ไม่อยากขุดเรื่องเก่ามาพูด แต่อดไม่ได้จริง ๆ” น้ำเสียงของจอมทัพยังคงนิ่งเรียบ ทว่าแววตาฉายชัดว่าเสียใจกับสิ่งที่นาเดียร์เลือก “เราไม่มีอะไรแก้ตัว” เป็นความผิดของเธอทั้งหมดที่ตัดสินใจพลาด ชีวิตหลังจากย้ายไปภูเก็ตไม่เป็นอย่างที่คิด น่าเศร้าที่นาเดียร์ทำอะไรไม่ได้เลย จะกลับไปขอนแก่นก็ไม่มีบ้าน นอกจากจะอยู่บ้านของจอมทัพ ซึ่งเธอละอายใจที่เคยปฏิเสธความหวังดีของลุงทอง เลยไม่กล้ากลับไปสู้หน้า แต่เมื่อเข้าตาจนก็ต้องขอความช่วยเหลือจากลุงทองอยู่ดี “พ่อรับซื้อบ้านเพราะอยากเก็บไว้ให้เธอ ไม่อยากให้สมบัติชิ้นสุดท้ายของยายเดือนตกเป็นของคนอื่น พ่อรักเธอเหมือนลูกเหมือนหลาน ตอนเธอย้ายไปอยู่ภูเก็ตพ่อเสียใจจนกินข้าวไม่ลงเป็นเดือน ช่วงแรกที่ไม่ยอมติดต่อก็เพราะยังทำใจไม่ได้นี่แหละ” สิ่งที่นาเดียร์เพิ่งรู้เล่นเอาเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ เธอได้ทำลายความรู้สึกของผู้ชายสองคนจนแตกสลาย ความเสียใจและหดหู่เรียกหยดน้ำสีใสให้เอ่อท้นบริเวณดวงตา ถุงขนมในมือถูกวางลง จากนั้นก็หันไปสบตากับเพื่อนสุดหล่อที่เขาก็กำลังมองเธออยู่ “ขอโทษนะ เราผิดเองที่คิดว่าแม่จะดีด้วย แต่..” บัดนี้ดวงตาที่เคยสุกใสเต็มไปด้วยความปวดร้าว นาเดียร์พูดไม่ออกเมื่อนึกถึงสิ่งที่แม่ทำกับตัวเอง “น้าดวงทำอะไร” หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความตึงเครียด จึงรีบแก้สถานการณ์ด้วยเสียงแผ่วเบา “แม่ไม่ได้ทำอะไร” “ไหนบอกจะไม่ดื้อ แล้วทำไมยังโกหก บอกมานะเดียร์ บอกมาให้หมด!” จอมทัพจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตเพื่อเค้นความจริง คราวนี้เขาจะไม่ยอม ยังไงนาเดียร์ก็ต้องพูด “.........” “เดียร์” “.........” “เราคงไม่ใช่เพื่อน เธอถึงไม่อยากบอก” “ทัพเป็นเพื่อน! เป็นเพื่อนเราเสมอ! อย่าเพิ่งไป!” ไม่ทันไรร่างสูงก็ลุกเดินเข้าห้อง เห็นแบบนั้นนาเดียร์ก็รีบวิ่งตาม ก่อนจะกระโจนตัวเข้าใส่ในตอนที่ประตูกำลังจะปิด พลั่ก! “เล่นอะไร! เกิดล้มจะทำยังไง” ยังดีที่จอมทัพอ้าแขนรับได้ทัน ไม่งั้นคงลงไปกองกับพื้นทั้งคู่ นาเดียร์กำลังแผลงฤทธิ์ใส่เขา ดื้อตาใสไม่มีใครเกินเพื่อนคนนี้แน่นอน “หนีทำไมล่ะ เราก็ต้องกอดสิ” “ปล่อย” “ไม่ปล่อย ไม่ปล่อย ไม่ปล่อย” “อย่าปีน เดียร์!!” พรึ่บ!! แค่กอดไม่พอหญิงสาวยังปีนป่ายขึ้นเกาะร่างสูงเป็นลูกลิง ถึงแข็งแรงแต่เพราะนาเดียร์พยายามยื้อและเกาะติดจอมทัพจึงซวนเซจะล้ม สุดท้ายก็จำใจถอยหลังไปทิ้งตัวนอนหงายบนเตียง โดยมีลูกลิงทับอยู่ด้านบน ท่านี้ส่งผลให้ส่วนหน้าของร่างกายประชิดแนบกัน “ลงไป” จอมทัพทำเสียงแข็งสั่ง แต่มีหรือคนดื้อจะกลัว เธอไม่ลงแถมยังไต่ขึ้นมายกใบหน้าอยู่ระดับเดียวกันกับเขา สองมือเล็กประคองสันกรามแกร่งให้ประสานดวงตาในระยะใกล้ ใกล้เสียจนจอมทัพได้กลิ่นขนมจากลมหายใจของเธอ..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม