บทที่ 4/2

1297 คำ
บทที่ 4/2  “อยากฟังอะไร เราจะเล่าให้หมดเลย” “ต้องรอให้โมโหก่อนทุกที” “โอ๋ ๆ จะเล่าแล้ว ทัพอย่างอนเลยนะ จุ๊บ” “ทำไมซนอย่างนี้!!!” เมื่อถูกเพื่อนตัวน้อยจุ๊บแก้มเข้าให้ ร่างกำยำก็เกร็งเครียดขึ้นมาทันที สัมผัสที่ห่างหายมานานได้จุดประกายสันดานดิบให้ลุกโชน อวัยวะอ่อนตัวก็เริ่มแข็งเป็นลำ และอีกคนคงสัมผัสได้พวงแก้มถึงได้แดงปลั่งในทันใด “ลามก!” “ใครกันแน่!” “ทัพนั่นแหละ” “ชอบเล่นไม่เข้าเรื่อง ลุกเลย!” เขาดุพร้อมปล่อยมือจากเอวบาง จากนั้นดันร่างเล็กให้ลุกนั่ง ส่วนตัวเองเปลี่ยนไปนั่งพิงหัวเตียง จับจ้องคนเจ้าปัญหาที่กำลังเมินหลบเป็นพัลวัน จอมทัพไม่มองเธออีกทว่าตาก็ดันไปปะทะกับหน้าอกตูมตามเข้าอย่างจัง ช่วงนัวเนียคอเสื้อสายเดี่ยวคงรั้งลง ถึงเปิดเปลือยให้เห็นเนินเนื้อที่ล้นทะลักเกือบครึ่งเต้า แต่เอ๊ะ! “ไม่ใส่เสื้อใน?” เขาเลิกคิ้วสูงทำหน้ายุ่ง “ถามอะไรเนี่ย!” นาเดียร์ลนลานจัดคอเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง ร้อนวูบวาบเหมือนตัวจะระเบิด ยิ่งเห็นสายตาคมแวววาวก็ยิ่งใจสั่น เมื่อก่อนก็เล่นมวยปล้ำกันบ่อยไม่เห็นเป็นอะไร แล้วทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกไม่เหมือนเดิม “ใครสั่งใครสอนให้แต่งตัวล่อแหลมไปข้างนอกคนเดียว เสื้อในก็ไม่ใส่ เสื้อคลุมก็ไม่มี เธอรู้ไหมว่ากรุงเทพอันตรายมาก กลางวันแสก ๆ โจรมันยังฉุดคนขึ้นรถได้เลย” “บ่นเป็นพ่อไปได้” สีหน้าคนถูกดุจ๋อยเป็นลูกหมา ถึงกระนั้นเธอก็ยังทำปากคว่ำอย่างคนแสนงอน “ไม่ได้อยากเป็นพ่อเธอสักหน่อย ที่พูดน่ะหวังดีทั้งนั้น” “เสื้อมีฟองน้ำดันทรง ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อในก็ได้ อีกอย่างเราใช้ที่แปะจุก สาวสมัยใหม่ทำกันทั้งนั้น” “แปะแค่จุก?” “เป็นแฟชั่นของผู้หญิง ผู้ชายไม่เข้าใจหรอก” “นมก็ล้นออกมา ทำไมไม่รู้จักระวังตัว” คนไม่เข้าใจแฟชั่นพูดด้วยความหงุดหงิด หารู้ไม่ว่ากำลังล้ำเส้นจนเกินงาม “มองนมเราตลอดล่ะซิ” บัดนี้ผิวกายของหญิงสาวแดงปลั่ง อับอายที่เพื่อนสุดหล่อพูดจาจาบจ้วง “เลอะเทอะ! ใครมองนมเธอ” หนุ่มหล่อที่ไม่เคยขาดหญิงจู่ ๆ ก็รู้สึกหน้าเห่อร้อน เขาเลียริมฝีปากก่อนเบนสายตามองไปทางอื่น หากยังมองจุดเดิมได้เสียอาการมากกว่านี้แน่ “ถ้าไม่มองจะพูดได้เหรอ ทัพลามก!” “ใส่เสื้อโชว์ทำไมล่ะ ผู้ชายคนไหนก็อยากมองทั้งนั้น” “นั่นไง ทัพมองจริง ๆ ด้วย” “.........” คนถูกจับได้ไม่มีคำแก้ตัวจึงเงียบ บรรยากาศในห้องจึงตกอยู่ในความกระอักกระอ่วน ต่างฝ่ายต่างเมินหน้าหนีไปคนละทิศละทาง ผ่านไปหลายอึดใจฝ่ายชายที่ปรับอารมณ์ได้ ก็ตัดสินใจเอ่ยถามเรื่องที่ค้างคาเพื่อแก้สถานการณ์ “ตกลงจะเล่าไหม?” “เล่าสิ” “งั้นก็ว่ามา” “ได้” เป็นจังหวะที่หนุ่มสาวหันกลับมาสู้หน้าจึงได้ประสานดวงตาอีกครั้ง และครั้งนี้..ต่างก็รู้สึกมีบางอย่างก่อตัวขึ้น คล้ายมีอะไรบินวนอยู่ในท้อง จนหัวใจของทั้งคู่กระหน่ำเต้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ความเงียบงันเกิดขึ้นโดยที่ดวงตายังจ้องประสาน คนรักษาอาการได้ดีเห็นจะเป็นฝ่ายชาย ถึงใจเต้นแรงแต่จอมทัพก็ยังทำหน้านิ่ง ไม่เหมือนฝ่ายหญิงหน้าสุกปลั่งทำตาล่อกแล่ก ตัวก็แดงเป็นกุ้งต้มแล้วตอนนี้ “เมื่อไรจะเล่า?” “ออ เอ่อ..” นาเดียร์จับผมเปียเล่นเพื่อกลบอาการขวยเขิน เมื่อก่อนก็เคยสบตากัน แต่ทำไมครั้งนี้ถึงไม่เหมือนเดิม หรือเพราะห่างหายไปนานจึงเกิดช่องว่าง ต่างคนเลยต่างรู้สึกไม่สนิทใจเหมือนเคย “เธอช้า” เขาเอ่ยเร่ง “แรก ๆ แม่ก็ดี บอกจะให้เรียน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ให้ทำเรื่องสมัครเรียนสักที พอถามก็บ่ายเบี่ยงตลอด จนเดือนก่อนแม่บอกให้เราช่วยทำงานหาเงิน ไม่ใช่เอาแต่อยู่ในห้องเฉย ๆ” เป็นอีกครั้งที่ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ แตกต่างตรงที่จอมทัพกำลังโมโหจนพูดไม่ออก เขาขบกรามแน่น เส้นเลือดตามลำแขนปูดโปนตามอารมณ์โทสะ เป็นแบบที่คาดไว้ไม่ผิด ดวงใจอยากเอานาเดียร์ไปช่วยหาเงิน ไม่ได้อยากดูแลอย่างที่พูดกับพ่อ "แล้วได้ทำงานหรือเปล่า" “เราไม่ทำ” “เพราะ?” “แม่ลงทุนเปิดบาร์กับเพื่อน เราต้องพักอยู่ชั้นบนของบาร์ ตอนแรกก็เป็นบาร์ขายเหล้าปกติไม่มีอะไรแอบแฝง จนเดือนก่อนแม่จ้างนักเต้นเปลื้องผ้ามาเต้นบนเวที ใช้เรื่องอย่างว่าเรียกลูกค้า เราไม่ค่อยสบายใจเลยขอย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่แม่ไม่ให้ไป พอเราพูดบ่อยเข้าก็ทะเลาะกัน สุดท้ายแม่ก็บังคับให้เราทำงานในบาร์ แต่เราไม่ยอม เราเลยรีบหางานแล้วรีบหนีมากรุงเทพนี่แหละ” “ทำไมไม่บอก” “ทัพบล็อก เราจะบอกได้ไง” “..........” ก็จริงของเธอเขาเลยพูดไม่ออก "ไม่ต้องเล่าเรื่องนี้ให้ลุงทองฟังนะ เราไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมด บอกแค่ว่าจะมาทำงานที่กรุงเทพหาเงินส่งตัวเองเรียน" ทีแรกลุงทองก็คาดคั้นเอาความจริง แต่นาเดียร์ยืนยันว่าไม่อยากเรียนที่ภูเก็ต แต่อยากมาเรียนในกรุงเทพจึงทะเลาะกับแม่ เลยต้องทำงานเพื่อหาเงินเอง ลุงทองเสนอตัวจะจ่ายให้ เธอก็ปฏิเสธเพราะเกรงใจ จนสุดท้ายมาจบที่ได้มาพักกับจอมทัพ จะได้ประหยัดเงิน แล้วลุงจะหาห้องให้ใหม่ทีหลัง "หมดคำจะพูด" จอมทัพปลงกับชีวิตแสนรันทดของนาเดียร์ "เราไม่อยากให้ลุงทองคิดมาก เลยยอมโกหก ส่วนเรื่องมาอยู่ห้องนี้ ลุงทองกลัวทัพจะหนีอีกเลยไม่บอกล่วงหน้า ถ้าจะโกรธก็โกรธเราคนเดียว” ก็จริงของนาเดียร์ที่เขาจะขัดคอพ่อทุกครั้งเวลาพูดถึงเธอ พ่อใหญ่จอมทองถึงให้มาโดยไม่บอกก่อน “เพราะมัวแต่โกรธ เธอเลยต้องเจอเรื่องแย่ ๆ แบบนั้น ถ้ารู้เราคงไปรับเธอด้วยตัวเอง” “มันเป็นผลกรรมที่ผิดสัญญา เพราะเราทำบาป สวรรค์เลยลงโทษไง” รอยยิ้มสดใสปรากฏอีกครั้ง นาเดียร์ไม่อยากรื้อฟื้นอีก หลุดพ้นมาได้ถือว่าโชคดี “ก็เป็นซะอย่างเนี้ย” ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าอีกคนต้องการอะไร เธอมักกลบเกลื่อนความเศร้าด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็ไม่อยากตอกย้ำจึงยอมปล่อยผ่าน ทว่าก็ยังตั้งคำถามเพื่อความแน่ใจ “สรุปมีแค่นี้ใช่ไหม มีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า” “ไม่มี” “แน่นะ” ดวงตาคมหรี่ลงเพื่อจับผิด “เราพูดความจริง” เธอยกมือขึ้นทำท่าสาบานพร้อมยิ้มหน้าแป้นอย่างประจบประแจง ดวงตาใสแจ๋วทอดมองชายหนุ่มด้วยความสดใสอีกครั้ง พอเห็นเขาส่ายหน้าไม่เชื่อถือ เธอก็เอยย้ำอีกรอบ “มีแค่นี้จริง ๆ เราไม่ได้โกหก” “เชื่อก็ได้” ไม่ต้องโทษใครหรอกที่ทำให้นาเดียร์ดื้อ จอมทัพรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองสปอยล์และตามใจเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน เอาเป็นว่าอยากได้อะไรไม่มีทางที่ไอ้ทัพจะหาให้ไม่ได้ แค่เธอเอ่ยปาก แค่ส่งแชตมา เขาก็พร้อมพลีกายถวายหัว แต่ไม่นับช่วงเวลาที่ทะเลาะกัน เรื่องนี้เขาโกรธมาก เลยทำใจแข็งมาได้ตั้งหนึ่งปี เพื่อนแหละ..เพื่อนจริง ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม