“แก”
พะพิงเรียกฉันพร้อมมองหน้าด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นไรแก”
ฉันพยักหน้าพร้อมยิ้ม เพื่อให้พะพิงและณิชาสบายใจ ก่อนจะยกมือขี้นมากุมมือของเพื่อนทั้งสองไว้
“แกฉันหิวน้ำคอแห้งหมดแล้ว”
ณิชาหอบหายใจพร้อมพูดขึ้น ในขณะที่ปากเธอตอนนี้แห้งเฝือด ไม่บอกก็รู้ว่าเธอกำลังโหยน้ำที่สุด พร้อมทั้งกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ด้วยอาการแฮ้งเหล้าที่กินไปเมื่อคืน ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับที่แขนฉัน
”ถ้าขอไปกินน้ำตอนนี้มีหวังถูกลงโทษอีกแน่ ๆ แกอดทนไว้ก่อนนะณิชา“
พะพิงพูดขึ้นพร้อมเงยหน้ามองไปยังรุ่นพี่ ที่ยืนพูดอยู่เบื้องหน้า
“ยูมิอืมน้ำ”
โอมยิ้มพร้อมยื่นขวดน้ำเล็ก ๆ ขนาด 300 ml มาให้หลังจากที่เขา เพิ่งจะกลับมาจากเข้าห้องน้ำ และยังพลาดเหตุการเมื่อซักครู่นี้ไป ฉันมองดูโอมก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำจากโอม ที่นั่งอยู่อีกแถวถัดไป
“ขอบใจนะโอม”
ฉันยื่นมือรับน้ำพร้อมขอบคุณโอม พร้อมมองหน้าโอมและเจษสลับกันด้วยความขอบคุณ ซึ่งเราทั้งห้าคนมาเรียนด้วยกันที่มหาลัยXXXXแห่งนี้ และคณะเดียวกันนี้เราก็เป็นเพื่อน ที่มาจากมัธยมปลายด้วยกันทั้งหมด และแน่นอนฉันรู้ว่าโอมไม่ได้ตั้งใจอย่ากจะมาเรียนที่นี่ เพราะอยากจะมาเรียนจริง ๆ แต่เขามาเพื่อตามจีบฉัน และก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ ม.4 พะพิงและณิชาเองก็รู้ดี
“แกอืมนี่น้ำกินเข้าไป”
หลังจากที่ฉันหยิบขวดน้ำมาจากโอม ฉันก็บิดมือเปิดขวดน้ำด้วยอารมณ์ขุ่น ๆ ก่อนจะยื่นให้ณิชาดื่ม ขณะที่โอมก็ยังมองหน้าฉันอยู่อย่างนั้น
“ขอบใจมากแก”
ณิชายื่นมือมาหยิบขวดน้ำจากฉัน พร้อมยกน้ำขึ้นดื่มในทันที ณิชาไม่ลืมที่จะเหลือน้ำให้ฉัน และพะพิงดื่มกันคนละครึ่ง
“เอาละทีนี้ก็มาครบกันหมดแล้วนะ เดี๋ยวให้น้อง ๆ มาเซ็นชื่อ เพื่อรับป้ายชื่อไปติดไว้ที่อก แล้วก็ห้ามให้หายนะเพราะเราจะใช้ติดที่ชุดนักศึกษาของเรา ในเวลาเรียนด้วย เป็นป้ายชื่อของทางมหาลัยทำขึ้นมาให้ นักศึกษาทุกคน เดี๋ยวน้อง ๆ ต่อแถวเป็นตอนเดียวยาวสองแถว เพื่อเซ็นชื่อรับป้ายชื่อได้ที่โต๊ะด้านหน้าตรงนี้“
เสียงของพี่คณะวิศวะผู้หญิงคนนึงพูดขึ้น
”ไปกันแก“
ฉันรีบดึงแขนณิชาให้ลุกขึ้นพร้อมกับพะพิง ก่อนจะก้าวขาเดินไปต่อแถวที่สอง พะพิงและณิชาก็เดินตามหลังฉันมาต่อแถว เพื่อรับป้ายชื่อในแถวเดียวกันทั้งสามคน
“ชื่ออะไรครับ”
เสียงของรุ่นพี่เอ่ยถามขึ้น พร้อมมองที่ใบหน้าสวยหวานของเธอ
“ชื่อเปรมชิตา สกูลวงค์ ค่ะ”
ฉันตอบพร้อมก้มหน้ามองหาชื่อของตัวเอง ในกระดาษเอสี่ ที่มีรายชื่อของนักศึกษาหลายคน ที่อยู่ในกระดาษแผ่นเดียวกัน
“นี่ไงเปรมชิตา สกุลวงค์”
ปลายปากกาของรุ่นพี่ที่นั่งรอแจกป้ายชื่อ ชี้ลงมาที่ชื่อของฉัน
“อ้อค่ะขอบคุณค่ะ”
ฉันเซ็นชื่อที่ช่องเล็ก ๆ ด้านหลัง ต่อจากชื่อของฉันลงทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองดูใบหน้า ของรุ่นพี่ผู้ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าฉัน ฉันก้มหัวลงเล็กน้อยพร้อมกับลอยยิ้มบาง ๆ ส่งให้เพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนจะยื่นมือไปหยิบป้ายชื่อสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่สลักชื่อ พร้อมนามสกุลของฉันไว้ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เดิมพร้อมกับณิชาและพะพิง ที่เดินตามหลังฉันมาด้วยกัน
“น้องเขาน่ารักดีนะมึง กูว่าคนนี้แหละที่สุดของปีนี้แล้ว สวยสัสเลยวะเพื่อนขาวออร่าสุด ๆ“
ฮายยังจ้องมองยูมิ พร้อมขยับเอียงเข้ามาหาราเชน ที่นั่งดูอยู่ด้านข้างของกลุ่มรับน้องใหม่ เขาพูดขึ้นพร้อมมองมาที่เด็กสาวเอวบางร่างเล็ก กระโปรงทรงเอสั้นพอดีสวย พร้อมกับรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่เก่งของเธอ ที่เดินในกลุ่มนักศึกษาปี 1 ร่วมกับคนอื่น ๆ
“กูบอกมึงแล้วไงว่ากูไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลา”
ราเชนหันมามองยังต้นเสียง ใบหน้านั้นยังคงเรียบนิ่ง ก่อนจะมองมาที่คนตัวเล็กอีกครั้งอย่างสังเกต
“มึงไม่ชอบแต่กูชอบ“
ฮายยังไม่วายที่จะพูดกรอกหู
“หึ”
เขาขำให้เพื่อนเบา ๆ ทั้งที่สายตา ก็ยังอยู่ที่คนตัวเล็ก พรางนึกถึงเรื่องที่พ่อเธอ จะให้เธอแต่งงานกับเขาเพราะเธอคือลูกสาวของตระกูลสกูลวงค์ ที่ตระกูลของเขากำลังจะให้ความช่วยเหลือ โดยการให้เขาไปแต่งงานด้วย เขาจำใบหน้าสวยหวานของเธอได้ดี เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณวิสุทธิ์ และคุณหญิงนิดาภา ที่เข้ามาคุยถึงเรื่องนี้ที่บ้านของเขาเมื่อวันก่อน พ่อแม่ของเธออยากจะมาขอปองดอง กับทางตระกูลของเขาเพื่อที่จะรักษา ธุรกิจของตระกูลตัวเองไว้ หลังจากที่ธุรกิจเริ่มที่จะระสัมระส่ายจากกลุ่มมาเฟีย ที่ทำธุระกิจสีดำมืดเริ่มเข้ามาโยกเก้าอี้ของคุณวิสุทธิ์ ที่กำลังจะหักโค่นลงในไม่ช้านี้
“คนไหนวะคนเดียวกันกับที่กู เล็งไว้หรือเปล่าวะไอ้เหี้ยฮาย ถ้าคนเดียวกันกูไม่ถอยนะเว้ย”
เดนจิกอดไหล่ฮาย พร้อมมองไปที่กลุ่มสามสาวที่กำลังเดินกลับมานั่งที่ ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ของเดนจิตามเคยนั่นแหละ
“มึงเล็งคนไหนวะ”
ฮายถามขึ้นพร้อมหันไปมองเดนจิ ที่สายตามองตรงไปยังกลุ่มสาว ๆ ที่เขาเองก็เล็งไว้
“กูไม่บอก“
พูดเสร็จก็หันหลังเดินไปยังหาคิว ที่นั่งอยู่ไม่ไกลเท่าไรนักพร้อมยิ้มขำ ๆ กวนประสาทฮายตามเคย
“มึงไม่บอกกูจีบแม่งสามคนอะค*ย”
ฮายหันหหน้ามองตามเดนจิ ที่เดินไปนั่งเก้าอี้อีกฝั่งอย่างอารมย์หงุดหงิด ด้วยความอยากรู้พร้อมทั้งท่าทางที่กวนตีนของเดนจิ
“แกเป็นไงดีขึ้นไหม“
ฉันหันหน้าไปถามณิชาด้วยความเป็นห่วง เพราะณิชาทำหน้าเหมือนกับ พะอืดพะอมอยู่ตลอดเวลา
“เป็นไงละแกก็อยากจะอวกนะสิ“
ณิชาตอบฉันพร้อมกับยกยาดมที่ถืออยู่ในมือ ขึ้นมาดมพอดใหญ่ ๆ ฉันอดที่จะส่งยิ้มขำ ๆให้กับพะพิงเพื่อนอีกคนของฉันไม่ได้ ที่รู้ว่านี่เป็นอาการของคนแฮงค์เหล้าอย่างชัดเจน
”เดี๋ยวก็ได้พักแล้วแก อดทนอีกนิดนึงนะ“
พะพิงยกมือขึ้นมาจับแขนณิชาอย่างปลอบใจ
”อืม“
ณิชาพยักหน้ารับ
”พี่ ๆ จะให้น้อง ๆ จับฉลากเลือกพี่รหัส เดี๋ยวพี่จะเดินถือกล่องไปให้น้องน้องจับ ในกระดาษจะพิมพ์ชื่อพี่รหัสหลังจากนั้นเดี๋ยวเราจะให้น้อง ๆ เดินไปตามหาพี่รหัส เพื่อที่จะได้รู้จักกันไว้ แล้วถ้ามีอะไรสงสัยเกี่ยวกับการเรียน สามารถปรึกษาพี่รหัสได้ทุกเรื่อง ย้ำว่าเกี่ยวกับการเรียน“
เสียงจากพี่คณะที่ยืนพูดอยู่ด้านหน้ากลุ่มของนักศึกษาปี 1 ทั้งหมด จากที่ฉันมองดูด้วยตาเปล่าหน้าประมาณซัก 30 คนหน้าจะได้
”แก ๆ นั่นไงพี่จูนดาวคณะวิศวะของมหาลัย“
พะพิงชี้นิ้วตรงไปยังโต๊ะม้าหินอ่อน ที่อยู่ด้านหน้าอาคารเพื่อให้ฉันกับณิชา หันไปดูพี่ปี 4 สาวสวยประจำคณะวิศวะของมหาลัยแห่งนี้ ก่อนที่ฉันกับณิชาจะหันไปมองตามทิศทางที่มือของพะพิงชี้ไป
”สวยมากเลยแก ฉันได้ข่าวมาว่าแฟนพี่เขาก็หล่อมาก ๆ ด้วยนะ“
เสียงของณิชาพูดขึ้น พร้อมมองไปที่ร่างบางของพี่จูน ที่อยู่ด้านหน้า รวมกับกลุ่มของรุ่นพี่ปี 4 อีกหลายคน
”นั่นไง ๆ พี่เขาเดินไปนั่งกับพี่ฟาเรนแล้ว ที่เขาเป็นแฟนกันไงแก“
พะพิงพูดพร้อมชะเง้อคอมองไปทางด้านหน้า
”คนไหนแกพี่ที่ใส่เสื้อวิศวะ กับกระโปรงทรงเอที่ยาวถึงเข่า ผมสีน้ำตาลม้วนลอนน่ะหรอแก“
ฉันเองก็ชะเง้อคอมองก่อนจะผ่านพี่ ๆ วิศวะที่ยืนอยู่ด้านหน้ากลุ่ม ทะลุเข้าไปจนถึงโต๊ะม้าหินอ่อนด้านหน้า ตรงไปที่พี่จูนและพี่ฟาเรนนั่งอยู่ด้วยกัน
”ใช่ ๆ แกคนนั้นแหละดาวคณะ แล้วที่นั่งด้วยกันก็เป็นแฟนของพี่เขา“
พะพิงพูดเสียงแผ่วเบาลงนิดหน่อย เพราะรุ่นพี่คนนึงกำลังเดินผ่านมาข้าง ๆ ไม่ไกลมากนัก