เช้าวันต่อมา หลังจากที่วชิรวิษตื่นนอนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กข้อความตามปกติ และเขาก็เลือกเปิดข้อความของหทัยชนกก่อนเหมือนดังเช่นทุกวัน แต่เมื่อเห็นข้อความจากหญิงสาว ดวงตาคมก็เบิกโต ร่างสูงใหญ่รีบลุกขึ้นจากเตียงนอน ก้าวยาวๆหายเข้าไปในห้องน้ำ เพียงไม่กี่นาทีก็กลับออกมาด้วยกางเกงสแล็คขายาวกับเสื้อเชิ้ตสีพื้นเหมือนปกติที่เขาสวมใส่ยามอยู่ที่บ้าน ก่อนจะรีบโทรตามให้ดนัยมาหาเขาที่บ้าน
ไม่ถึง 2 ชั่วโมงดนัยก็เดินทางมาถึง วันนี้เป็นวันหยุด เขาจึงตั้งใจจะตื่นสาย แต่เมื่อได้รับสายจากเจ้านายหนุ่มเขาก็รีบจัดการตัวเองแล้วขับรถบึ่งมาที่บ้านของเจ้านาย
“นาย” ดนัยก้าวเข้ามาภายในห้องรับแขกพร้อมกับมองหาวชิรวิษ
“นั่ง” ร่างสูงใหญ่ที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาสั่งลูกน้องเสียงเรียบ
ไม่กี่นาทีแม่บ้านก็นำน้ำมาเสิร์ฟให้กับดนัย เขาอยู่กับวชิรวิษมานานจนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวของเจ้านายหนุ่ม จึงไม่ได้ตกใจอะไรที่แม่บ้านที่นี่นอบน้อมเป็นพิเศษ
“นายพูดถูก”
“ครับ?”
“เฟิร์นท้องแล้ว”
“ข่าวดีน่ะสิครับ”
“ใช่ แต่ปัญหาคือเรายังไม่ได้จัดงานพิธี ไม่ได้จัดเลี้ยงด้วยซ้ำ”
“ผมว่าตรงนี้ต้องแล้วแต่คุณเฟิร์นดีกว่านะครับ คงต้องรอคุณเฟิร์นกลับมาก่อน”
“…..ไปหาพี่นุกันเถอะ” วชิรวิษสั่งเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินนำออกไป
“แล้วเรียกผมมาทำไมล่ะนาย โถ่…..” ดนัยบ่นอุบอิบแต่ก็เดินตามออกไปโดยดี
หลังจากที่ดนัยเดินตามหลังวชิรวิษออกไปที่โรงจอดรถก็พบว่าเจ้านายหนุ่มขึ้นไปนั่งรอบนรถในตำแหน่งคนขับแล้ว เขาจึงขึ้นนั่งข้างคนขับ และเมื่อดนัยคาดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว รถคันหรูก็เลื่อนออกจากบ้านไป
“พี่นุ”
“อ้าว คิว จะมาไม่บอกพี่ก่อน”
“ได้คุยกับเฟิร์นยังพี่” ร่างสูงใหญ่เดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา พลางถามผู้เป็นพ่อตาด้วยสีหน้าไม่แน่ใจว่าเขารู้ข่าวหรือยัง
“ยังนะ พี่ไม่ค่อยได้คุยกันหรอก เวลาเฟิร์นไปทำงาน มีอะไรเหรอ”
“เฟิร์นท้องแล้วครับ”
“หืม จริงเหรอ”
“ครับ เฟิร์นส่งข้อความมาบอกเมื่อคืน ผมบอกให้เฟิร์นตรวจเพราะผมมีอาการแปลกๆ”
“แพ้ท้องแทนเมียเหรอ”
“ประมาณนั้นครับ”
“แล้วยังไงกันต่อล่ะเนี่ย ยังไม่ได้จัดพิธี ยังไม่ได้จัดการอะไรกันเลย จดทะเบียนอย่างเดียว”
“ผมต้องแล้วแต่เฟิร์นล่ะพี่ ให้เขาเป็นคนเลือกน่าจะดีกว่า”
“ตามใจ พี่ยังไงก็ได้ เรื่องของเราเรื่องในครอบครัวใครจะพูดอะไรก็ช่างเขา พี่ไม่เคยสนใจอยู่แล้ว”
ทั้งสามคนนั่งคุยกันอยู่สักพักใหญ่ วชิรวิษกับดนัยจึงขอตัวกลับ โดยมีอนุชิตเดินออกมาส่งและมองตามจนรถยนต์คันหรูหายไปจากสายตา
“แล้วเอาไงต่อ” น้ำฝนถามหญิงสาวหลังจากที่เข้ามาในห้องพักของเธอในเช้าวันต่อมา
“หลังจากจบละครเรื่องนี้เรายังมีงานค้างอยู่อีกไหม”
“ไม่มี แต่พี่ว่าเราน่าจะต้องประกาศหน่อยไหม หรืออย่างน้อยก็บอกกล่าวทางผู้ใหญ่หน่อย”
“ก็คงต้องอย่างนั้น เฟิร์นว่าจะหยุดรับงานสักพักด้วย เหมือนว่าอยู่ในวงการมาตั้งแต่เด็ก แล้วอยากพัก พี่คิดว่ายังไง”
“แล้วแต่เฟิร์นเลย พี่ไม่มีปัญหา”
“พี่จะกลับไปที่บริษัทไหม หรือจะอยู่กับเฟิร์นต่อ”
“อยู่ต่อสิ มาด้วยกันขนาดนี้แล้วนะ”
“งั้นรอเลี้ยงลูกเฟิร์นไหม”
“ไว้ใจพี่เหรอ”
“ไว้ใจสิ อยู่ด้วยกันมาตั้งกี่ปี”
สองสาวต่างวัยจับมือกันด้วยความเข้าใจ ทั้งคู่ทำงานอยู่ด้วยกันมาหลายปีจนเหมือนเป็นคนในครอบครัว เมื่อถึงเวลาที่หทัยชนกอยากพัก น้ำฝนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร หล่อนพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างหญิงสาวเหมือนเดิมหากเจ้าตัวต้องการ
หลายวันต่อมา หลังจากการทำงานจบลง หทัยชนกกับทีมผู้ช่วยของเธอก็เดินทางกลับ โดยเมื่อมาถึงก็มีคนขับรถของที่บ้านเธอมารอรับ
“ไปที่บ้านเลยค่ะน้าแก้ว” หทัยชนกสั่งเสียงอ่อน เธอเหนื่อยจากการเดินทางมากกว่าปกติ อาจเป็นเพราะเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทีมผู้ช่วยของเธอก็ทยอยแยกย้ายกันกลับ น้ำฝนเองก็กลับบ้านของหล่อนเช่นกัน แต่ก็หลังจากจัดการทุกอย่างให้กับหทัยชนกเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งในช่วงเย็น หลังจากที่หทัยชนกนอนพักผ่อนมากเพียงพอ เธอก็ลงมายังชั้นล่างและพบกับวชิรวิษที่มารอรับเธอ
“อ้าว มานานหรือยังคะ”
“ไม่นาน นอนพอแล้วเหรอ”
“พอแล้วค่ะ ไม่งั้นคืนนี้จะนอนไม่หลับ”
“มานั่งนี่สิ” อนุชิตเรียกบุตรสาวให้มานั่งข้างๆ
หทัยชนกเดินลงมาจากบันไดช้าๆ หญิงสาวมาหย่อนตัวนั่งลงข้างบิดาอย่างว่าง่าย ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“เราจะเอายังไง จะจัดพิธีไหม หรือจะจัดเป็นงานแต่งไปเลย”
“ไม่เอาอะ จัดพิธีในครอบครัวกับคนสนิทก็พอ เดี๋ยวถ่ายรูปแล้วปล่อยรูปพร้อมกับแจ้งข่าวก็พอน่าจะได้ ไม่อยากจัดอะไรเยอะแยะ” หญิงสาวบอกสิ่งที่เธอคิดกับบิดา
“คิวล่ะว่ายังไง”
“ผมแล้วแต่เฟิร์นครับ” วชิรวิษตอบเสียงหนักแน่นเพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่าเขาไม่มีปัญหากับการตัดสินใจของเธอ
อนุชิตพยักหน้า ก่อนที่ทั้งสามคนจะพูดคุยกันถึงสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้เพื่อรักษาชื่อเสียงของหญิงสาวและเพื่ออนาคตของพวกเขาเอง
“ไปอาบน้ำแล้วมานอนพักได้แล้วจ้ะ ดึกมากแล้ว”
“ยังไม่ง่วงเลยค่ะ วันนี้นอนทั้งวันเลย”
“ยังไม่ง่วงก็ต้องนอนพักนะ ไม่หลับก็ไม่เป็นไร”
“ก็ได้ค่ะ”
หลังพูดคุยกันจนดึก สองสามีภรรยาจึงพากันกลับมาที่บ้าน ก่อนที่หทัยชนกจะยอมเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่สามีหนุ่มสั่งแต่โดยดี
ไม่นานร่างบอบบางก็กลับออกมาด้วยชุดนอน ชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายไปอาบน้ำบ้างและกลับออกมาอีกครั้งในเวลาไม่กี่นาที
“เออพี่คิว เฟิร์นคุยกับพี่ฝนแล้วนะ เฟิร์นว่าจะพักงานในวงการ พี่ฝนตามใจเฟิร์นแล้วก็จะอยู่กับเฟิร์นต่อ เฟิร์นจะให้พี่ฝนทำอะไรดี”
“พี่ว่าให้พี่ฝนอยู่ช่วยดูแลเฟิร์นก็ได้นะ เพราะเฟิร์นก็คงไม่อยู่บ้านเฉยๆใช่ไหมล่ะ เผื่อไปไหนมาไหนจะได้มีคนไปด้วยไง เดี๋ยวพี่จ่ายเงินเดือนให้เฟิร์นกับพี่ฝนเอง”
“ให้เฟิร์น?”
“ใช่ ก็เฟิร์นเป็นเมียพี่ ยังไงก็ต้องได้ส่วนที่ควรได้นะ”
“แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน เฟิร์นยังไงก็ได้อยู่แล้ว”
สองสามีภรรยาพูดคุยกันอีกพักใหญ่ และหลังจากที่เขาหานมให้หญิงสาวดื่มบำรุงก่อนนอนเสร็จ ทั้งคู่ก็พากันพักผ่อนหลังจากที่ปัญหาหลายอย่างได้คลี่คลายลง
หลายวันต่อมา
“วันนี้เฟิร์นไปด้วยสิ”
“ไม่อยู่บ้านเหรอ”
“ไม่อะ เฟิร์นเบื่อ อยู่ก็ไม่มีอะไรทำ”
สิ่งที่หญิงสาวพูดไม่เกินจริงเลย เธอไม่มีอะไรทำจริงๆ แม่บ้านที่นี่ไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรเลย หลังจากที่เธอกลับมาจากทำงาน วชิรวิษก็เรียกรวมแล้วประกาศในบ้านว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ บรรดาแม่บ้านเก่าแก่หลายคนในบ้านถึงกับห้ามให้เธอเดินเข้าออกในครัวเสียด้วยซ้ำ นั่นทำให้หญิงสาวเกิดอาการเบื่อ เพราะเธอเป็นคนที่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก การที่เธอต้องอยู่เฉยๆ เป็นเวลานานก็เป็นปัญหากับเธอไม่น้อย
“ตามใจแล้วกันจ้ะ”
หลังจากตกลงกันได้ หทัยชนกก็หายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานก็กลับออกมาด้วยชุดที่พร้อมจะออกไปข้างนอก ก่อนจะพากันคล้องแขนออกจากห้องนอนไป
“ไปกินมื้อเช้าที่บริษัทเลยไหม หรือกินที่บ้าน”
“ไปที่บริษัทเลยก็ได้ค่ะ”
“ไปจ้ะ”
วชิรวิษควงหญิงสาวไปที่รถยนต์คันหรู และในวันนี้เขาก็เลือกที่จะขับรถไปเองเหมือนดังเช่นทุกวัน
เมื่อมาถึงที่บริษัท ทั้งคู่ก็เลือกที่จะสั่งอาหารมากินที่ห้องทำงาน เพื่อที่ต่างฝ่ายจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก
ระหว่างที่วชิรวิษนั่งทำงาน หทัยชนกก็นั่งดูสถานที่และช่างภาพไปพลางๆ เพราะเธอเลือกที่จะถ่ายรูปภาพเก็บเอาไว้และประกาศการตั้งครรภ์ตอนที่เปิดเผยภาพถ่าย จึงต้องพิถีพิถันในการเลือกสถานที่และทีมช่างภาพ
“นายครับ วันนี้วันจ่ายเงินเดือนให้กับคุณธารินครับ แล้วก็คุณธารินกำลังจะรับปริญญา ให้เธอมาทำงานกับเราไหมครับ”
“อ้าว เหรอ ผ่านมา 7 ปีแล้วเหรอ”
“ครับ”
“นายก็จัดการให้เรียบร้อย ส่งดอกไม้แสดงความยินดีด้วย เด็กคนนี้ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ให้มาทำงานกับเราก็ได้ นายก็ดูให้ตรงกับสายที่เธอเรียนมา”
“ครับ”
“ใครเหรอคะ” หทัยชนกที่นั่งดูโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นถาม หลังจากที่ฟังพวกเขาคุยกันอยู่สักพัก
“เด็กที่พี่อุปถัมภ์ค่าเล่าเรียนน่ะ พี่ส่งค่าเทอมให้ กับเงินรายเดือน เป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ฆ่าตัวตาย พี่ไปเจอตอนออกไปต่างจังหวัดกับเจ้าดิน ตอนนั้นเพิ่งจบมัธยมต้น แล้วไม่มีเงินเรียนต่อ พี่เลยไปพบกับครูที่โรงเรียนแล้วเห็นว่าขยัน ผลการเรียนดี พี่เลยขออุปถัมภ์ให้เรียนจนจบ”
“เรียนที่ไหนคะ”
“มหาวิทยาลัยในกรุงเทพนี่แหละ ตอนแรกพี่จะส่งให้เรียนเอกชน แต่เขาขอเรียนรัฐบาล เห็นว่าอยู่หอพักแล้วหลังเลิกเรียนก็ทำงานหารายได้เสริมไปด้วย นอกเหนือจากค่าเทอมกับค่าใช้จ่ายหลักๆ ก็ไม่เคยมารบกวนพี่เลย”
“เฟิร์นว่าวันเรียนจบก็ไปแสดงความยินดีก็ดีนะคะ วันเรียนจบทุกคนอยากมีญาติพี่น้อง อยากมีคนร่วมแสดงความยินดีค่ะ แล้วถ้าเด็กเขาไม่มีใครเลย การที่ผู้อุปถัมภ์ไปร่วมแสดงความยินดี มันน่าจะเป็นอะไรที่เขาจะดีใจนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวให้ดินจัดตารางให้ เฟิร์นก็ไปกับพี่สิ”
“ค่ะ”
หญิงสาวตอบรับอย่างไม่ได้คิดอะไร เธอไม่เคยคิดเลยว่าวชิรวิษจะใจดีจนถึงขั้นให้การศึกษากับคนคนหนึ่ง ตัวเขาเองก็คงภูมิใจไม่น้อยที่เด็กที่ตนเองอุปถัมภ์เรียนจบและไม่ทำให้เขาผิดหวังในความหวังดี
ดวงตากลมโตมองสามีที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานด้วยความภูมิใจ หลายสิ่งหลายอย่างทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นคนที่มั่นคงในตนเอง มั่นคงในความคิด และค่อนข้างที่จะเด็ดขาด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาเลือกที่จะรอให้เธอเรียนจบก่อนถึงค่อยเริ่มเดินหน้าความสัมพันธ์