ตอนที่ 14 ภูมิใจในความดี

1940 คำ
เช้าวันต่อมา หลังจากที่วชิรวิษตื่นนอนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กข้อความตามปกติ และเขาก็เลือกเปิดข้อความของหทัยชนกก่อนเหมือนดังเช่นทุกวัน แต่เมื่อเห็นข้อความจากหญิงสาว ดวงตาคมก็เบิกโต ร่างสูงใหญ่รีบลุกขึ้นจากเตียงนอน ก้าวยาวๆหายเข้าไปในห้องน้ำ เพียงไม่กี่นาทีก็กลับออกมาด้วยกางเกงสแล็คขายาวกับเสื้อเชิ้ตสีพื้นเหมือนปกติที่เขาสวมใส่ยามอยู่ที่บ้าน ก่อนจะรีบโทรตามให้ดนัยมาหาเขาที่บ้าน ไม่ถึง 2 ชั่วโมงดนัยก็เดินทางมาถึง วันนี้เป็นวันหยุด เขาจึงตั้งใจจะตื่นสาย แต่เมื่อได้รับสายจากเจ้านายหนุ่มเขาก็รีบจัดการตัวเองแล้วขับรถบึ่งมาที่บ้านของเจ้านาย “นาย” ดนัยก้าวเข้ามาภายในห้องรับแขกพร้อมกับมองหาวชิรวิษ “นั่ง” ร่างสูงใหญ่ที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาสั่งลูกน้องเสียงเรียบ ไม่กี่นาทีแม่บ้านก็นำน้ำมาเสิร์ฟให้กับดนัย เขาอยู่กับวชิรวิษมานานจนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวของเจ้านายหนุ่ม จึงไม่ได้ตกใจอะไรที่แม่บ้านที่นี่นอบน้อมเป็นพิเศษ “นายพูดถูก” “ครับ?” “เฟิร์นท้องแล้ว” “ข่าวดีน่ะสิครับ” “ใช่ แต่ปัญหาคือเรายังไม่ได้จัดงานพิธี ไม่ได้จัดเลี้ยงด้วยซ้ำ” “ผมว่าตรงนี้ต้องแล้วแต่คุณเฟิร์นดีกว่านะครับ คงต้องรอคุณเฟิร์นกลับมาก่อน” “…..ไปหาพี่นุกันเถอะ” วชิรวิษสั่งเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินนำออกไป “แล้วเรียกผมมาทำไมล่ะนาย โถ่…..” ดนัยบ่นอุบอิบแต่ก็เดินตามออกไปโดยดี หลังจากที่ดนัยเดินตามหลังวชิรวิษออกไปที่โรงจอดรถก็พบว่าเจ้านายหนุ่มขึ้นไปนั่งรอบนรถในตำแหน่งคนขับแล้ว เขาจึงขึ้นนั่งข้างคนขับ และเมื่อดนัยคาดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว รถคันหรูก็เลื่อนออกจากบ้านไป “พี่นุ” “อ้าว คิว จะมาไม่บอกพี่ก่อน” “ได้คุยกับเฟิร์นยังพี่” ร่างสูงใหญ่เดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา พลางถามผู้เป็นพ่อตาด้วยสีหน้าไม่แน่ใจว่าเขารู้ข่าวหรือยัง “ยังนะ พี่ไม่ค่อยได้คุยกันหรอก เวลาเฟิร์นไปทำงาน มีอะไรเหรอ” “เฟิร์นท้องแล้วครับ” “หืม จริงเหรอ” “ครับ เฟิร์นส่งข้อความมาบอกเมื่อคืน ผมบอกให้เฟิร์นตรวจเพราะผมมีอาการแปลกๆ” “แพ้ท้องแทนเมียเหรอ” “ประมาณนั้นครับ” “แล้วยังไงกันต่อล่ะเนี่ย ยังไม่ได้จัดพิธี ยังไม่ได้จัดการอะไรกันเลย จดทะเบียนอย่างเดียว” “ผมต้องแล้วแต่เฟิร์นล่ะพี่ ให้เขาเป็นคนเลือกน่าจะดีกว่า” “ตามใจ พี่ยังไงก็ได้ เรื่องของเราเรื่องในครอบครัวใครจะพูดอะไรก็ช่างเขา พี่ไม่เคยสนใจอยู่แล้ว” ทั้งสามคนนั่งคุยกันอยู่สักพักใหญ่ วชิรวิษกับดนัยจึงขอตัวกลับ โดยมีอนุชิตเดินออกมาส่งและมองตามจนรถยนต์คันหรูหายไปจากสายตา “แล้วเอาไงต่อ” น้ำฝนถามหญิงสาวหลังจากที่เข้ามาในห้องพักของเธอในเช้าวันต่อมา “หลังจากจบละครเรื่องนี้เรายังมีงานค้างอยู่อีกไหม” “ไม่มี แต่พี่ว่าเราน่าจะต้องประกาศหน่อยไหม หรืออย่างน้อยก็บอกกล่าวทางผู้ใหญ่หน่อย” “ก็คงต้องอย่างนั้น เฟิร์นว่าจะหยุดรับงานสักพักด้วย เหมือนว่าอยู่ในวงการมาตั้งแต่เด็ก แล้วอยากพัก พี่คิดว่ายังไง” “แล้วแต่เฟิร์นเลย พี่ไม่มีปัญหา” “พี่จะกลับไปที่บริษัทไหม หรือจะอยู่กับเฟิร์นต่อ” “อยู่ต่อสิ มาด้วยกันขนาดนี้แล้วนะ” “งั้นรอเลี้ยงลูกเฟิร์นไหม” “ไว้ใจพี่เหรอ” “ไว้ใจสิ อยู่ด้วยกันมาตั้งกี่ปี” สองสาวต่างวัยจับมือกันด้วยความเข้าใจ ทั้งคู่ทำงานอยู่ด้วยกันมาหลายปีจนเหมือนเป็นคนในครอบครัว เมื่อถึงเวลาที่หทัยชนกอยากพัก น้ำฝนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร หล่อนพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างหญิงสาวเหมือนเดิมหากเจ้าตัวต้องการ หลายวันต่อมา หลังจากการทำงานจบลง หทัยชนกกับทีมผู้ช่วยของเธอก็เดินทางกลับ โดยเมื่อมาถึงก็มีคนขับรถของที่บ้านเธอมารอรับ “ไปที่บ้านเลยค่ะน้าแก้ว” หทัยชนกสั่งเสียงอ่อน เธอเหนื่อยจากการเดินทางมากกว่าปกติ อาจเป็นเพราะเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทีมผู้ช่วยของเธอก็ทยอยแยกย้ายกันกลับ น้ำฝนเองก็กลับบ้านของหล่อนเช่นกัน แต่ก็หลังจากจัดการทุกอย่างให้กับหทัยชนกเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งในช่วงเย็น หลังจากที่หทัยชนกนอนพักผ่อนมากเพียงพอ เธอก็ลงมายังชั้นล่างและพบกับวชิรวิษที่มารอรับเธอ “อ้าว มานานหรือยังคะ” “ไม่นาน นอนพอแล้วเหรอ” “พอแล้วค่ะ ไม่งั้นคืนนี้จะนอนไม่หลับ” “มานั่งนี่สิ” อนุชิตเรียกบุตรสาวให้มานั่งข้างๆ หทัยชนกเดินลงมาจากบันไดช้าๆ หญิงสาวมาหย่อนตัวนั่งลงข้างบิดาอย่างว่าง่าย ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “เราจะเอายังไง จะจัดพิธีไหม หรือจะจัดเป็นงานแต่งไปเลย” “ไม่เอาอะ จัดพิธีในครอบครัวกับคนสนิทก็พอ เดี๋ยวถ่ายรูปแล้วปล่อยรูปพร้อมกับแจ้งข่าวก็พอน่าจะได้ ไม่อยากจัดอะไรเยอะแยะ” หญิงสาวบอกสิ่งที่เธอคิดกับบิดา “คิวล่ะว่ายังไง” “ผมแล้วแต่เฟิร์นครับ” วชิรวิษตอบเสียงหนักแน่นเพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่าเขาไม่มีปัญหากับการตัดสินใจของเธอ อนุชิตพยักหน้า ก่อนที่ทั้งสามคนจะพูดคุยกันถึงสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้เพื่อรักษาชื่อเสียงของหญิงสาวและเพื่ออนาคตของพวกเขาเอง “ไปอาบน้ำแล้วมานอนพักได้แล้วจ้ะ ดึกมากแล้ว” “ยังไม่ง่วงเลยค่ะ วันนี้นอนทั้งวันเลย” “ยังไม่ง่วงก็ต้องนอนพักนะ ไม่หลับก็ไม่เป็นไร” “ก็ได้ค่ะ” หลังพูดคุยกันจนดึก สองสามีภรรยาจึงพากันกลับมาที่บ้าน ก่อนที่หทัยชนกจะยอมเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่สามีหนุ่มสั่งแต่โดยดี ไม่นานร่างบอบบางก็กลับออกมาด้วยชุดนอน ชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายไปอาบน้ำบ้างและกลับออกมาอีกครั้งในเวลาไม่กี่นาที “เออพี่คิว เฟิร์นคุยกับพี่ฝนแล้วนะ เฟิร์นว่าจะพักงานในวงการ พี่ฝนตามใจเฟิร์นแล้วก็จะอยู่กับเฟิร์นต่อ เฟิร์นจะให้พี่ฝนทำอะไรดี” “พี่ว่าให้พี่ฝนอยู่ช่วยดูแลเฟิร์นก็ได้นะ เพราะเฟิร์นก็คงไม่อยู่บ้านเฉยๆใช่ไหมล่ะ เผื่อไปไหนมาไหนจะได้มีคนไปด้วยไง เดี๋ยวพี่จ่ายเงินเดือนให้เฟิร์นกับพี่ฝนเอง” “ให้เฟิร์น?” “ใช่ ก็เฟิร์นเป็นเมียพี่ ยังไงก็ต้องได้ส่วนที่ควรได้นะ” “แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน เฟิร์นยังไงก็ได้อยู่แล้ว” สองสามีภรรยาพูดคุยกันอีกพักใหญ่ และหลังจากที่เขาหานมให้หญิงสาวดื่มบำรุงก่อนนอนเสร็จ ทั้งคู่ก็พากันพักผ่อนหลังจากที่ปัญหาหลายอย่างได้คลี่คลายลง หลายวันต่อมา “วันนี้เฟิร์นไปด้วยสิ” “ไม่อยู่บ้านเหรอ” “ไม่อะ เฟิร์นเบื่อ อยู่ก็ไม่มีอะไรทำ” สิ่งที่หญิงสาวพูดไม่เกินจริงเลย เธอไม่มีอะไรทำจริงๆ แม่บ้านที่นี่ไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรเลย หลังจากที่เธอกลับมาจากทำงาน วชิรวิษก็เรียกรวมแล้วประกาศในบ้านว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ บรรดาแม่บ้านเก่าแก่หลายคนในบ้านถึงกับห้ามให้เธอเดินเข้าออกในครัวเสียด้วยซ้ำ นั่นทำให้หญิงสาวเกิดอาการเบื่อ เพราะเธอเป็นคนที่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก การที่เธอต้องอยู่เฉยๆ เป็นเวลานานก็เป็นปัญหากับเธอไม่น้อย “ตามใจแล้วกันจ้ะ” หลังจากตกลงกันได้ หทัยชนกก็หายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานก็กลับออกมาด้วยชุดที่พร้อมจะออกไปข้างนอก ก่อนจะพากันคล้องแขนออกจากห้องนอนไป “ไปกินมื้อเช้าที่บริษัทเลยไหม หรือกินที่บ้าน” “ไปที่บริษัทเลยก็ได้ค่ะ” “ไปจ้ะ” วชิรวิษควงหญิงสาวไปที่รถยนต์คันหรู และในวันนี้เขาก็เลือกที่จะขับรถไปเองเหมือนดังเช่นทุกวัน เมื่อมาถึงที่บริษัท ทั้งคู่ก็เลือกที่จะสั่งอาหารมากินที่ห้องทำงาน เพื่อที่ต่างฝ่ายจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก ระหว่างที่วชิรวิษนั่งทำงาน หทัยชนกก็นั่งดูสถานที่และช่างภาพไปพลางๆ เพราะเธอเลือกที่จะถ่ายรูปภาพเก็บเอาไว้และประกาศการตั้งครรภ์ตอนที่เปิดเผยภาพถ่าย จึงต้องพิถีพิถันในการเลือกสถานที่และทีมช่างภาพ “นายครับ วันนี้วันจ่ายเงินเดือนให้กับคุณธารินครับ แล้วก็คุณธารินกำลังจะรับปริญญา ให้เธอมาทำงานกับเราไหมครับ” “อ้าว เหรอ ผ่านมา 7 ปีแล้วเหรอ” “ครับ” “นายก็จัดการให้เรียบร้อย ส่งดอกไม้แสดงความยินดีด้วย เด็กคนนี้ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ให้มาทำงานกับเราก็ได้ นายก็ดูให้ตรงกับสายที่เธอเรียนมา” “ครับ” “ใครเหรอคะ” หทัยชนกที่นั่งดูโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นถาม หลังจากที่ฟังพวกเขาคุยกันอยู่สักพัก “เด็กที่พี่อุปถัมภ์ค่าเล่าเรียนน่ะ พี่ส่งค่าเทอมให้ กับเงินรายเดือน เป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ฆ่าตัวตาย พี่ไปเจอตอนออกไปต่างจังหวัดกับเจ้าดิน ตอนนั้นเพิ่งจบมัธยมต้น แล้วไม่มีเงินเรียนต่อ พี่เลยไปพบกับครูที่โรงเรียนแล้วเห็นว่าขยัน ผลการเรียนดี พี่เลยขออุปถัมภ์ให้เรียนจนจบ” “เรียนที่ไหนคะ” “มหาวิทยาลัยในกรุงเทพนี่แหละ ตอนแรกพี่จะส่งให้เรียนเอกชน แต่เขาขอเรียนรัฐบาล เห็นว่าอยู่หอพักแล้วหลังเลิกเรียนก็ทำงานหารายได้เสริมไปด้วย นอกเหนือจากค่าเทอมกับค่าใช้จ่ายหลักๆ ก็ไม่เคยมารบกวนพี่เลย” “เฟิร์นว่าวันเรียนจบก็ไปแสดงความยินดีก็ดีนะคะ วันเรียนจบทุกคนอยากมีญาติพี่น้อง อยากมีคนร่วมแสดงความยินดีค่ะ แล้วถ้าเด็กเขาไม่มีใครเลย การที่ผู้อุปถัมภ์ไปร่วมแสดงความยินดี มันน่าจะเป็นอะไรที่เขาจะดีใจนะคะ” “งั้นเดี๋ยวให้ดินจัดตารางให้ เฟิร์นก็ไปกับพี่สิ” “ค่ะ” หญิงสาวตอบรับอย่างไม่ได้คิดอะไร เธอไม่เคยคิดเลยว่าวชิรวิษจะใจดีจนถึงขั้นให้การศึกษากับคนคนหนึ่ง ตัวเขาเองก็คงภูมิใจไม่น้อยที่เด็กที่ตนเองอุปถัมภ์เรียนจบและไม่ทำให้เขาผิดหวังในความหวังดี ดวงตากลมโตมองสามีที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานด้วยความภูมิใจ หลายสิ่งหลายอย่างทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นคนที่มั่นคงในตนเอง มั่นคงในความคิด และค่อนข้างที่จะเด็ดขาด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาเลือกที่จะรอให้เธอเรียนจบก่อนถึงค่อยเริ่มเดินหน้าความสัมพันธ์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม