“ไม่นอนต่อล่ะ”
“หิวอะสิ”
หลังจากที่หทัยชนกเดินลงมาข้างล่างในช่วงสายของวัน ก็พบบิดากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟา โดยมีดนัยและคนอื่นๆ ส่งเสียงโหวกเหวกกันอยู่ด้านนอก
“ซื้อโจ๊กมาให้แล้ว อยู่ในครัว”
“อือ เสียงดังอะไรกันอะ”
“เมื่อคืนเจ้าดินมันแพ้เกม เลยโดยลงโทษอยู่”
“…..เบามือหน่อยละกัน”
“คงไม่พิเรนทร์มากนักหรอก”
หญิงสาวไม่ได้คุยกับบิดาต่อ เธอเดินหายเข้าไปในห้องครัว เมื่อแม่บ้านเห็นว่าหญิงสาวเดินเข้ามาก็เทโจ๊กใส่ชามให้แล้วก็เตรียมกาแฟเอาไว้ให้เธอ
มือเล็กหยิบถาดอาหารเดินออกมานั่งที่หน้าโซฟา เป็นจังหวะเดียวกับที่วชิรวิษเดินลงมาพอดี
“ดินล่ะ”
“หน้าบ้านค่ะ”
“หืม”
“ไปดูสิคะ”
ร่างสูงใหญ่ทำหน้าไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมเดินออกไปดูตามที่หทัยชนกบอกแต่โดยดี ก่อนที่จะหัวเราะออกมา เมื่อดนัยกำลังถูกบรรดาเพื่อนร่วมวงของเขาแกล้งด้วยการจับแก้ผ้า ใส่แต่บ็อกเซอร์ตัวเดียว แล้วเอาปากกาเมจิกวาดรูปตามตัว
“สงสัยจะแพ้เกมหนักล่ะสิท่า” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อเขาส่ายหน้าแล้วเดินกลับเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงข้างกายหญิงสาว
“ก็คงงั้นแหละค่ะ กาแฟไหมคะ”
“ก็ดี”
“เดี๋ยวเฟิร์นชงให้ค่ะ”
ร่างบอบบางลุกขึ้นจากโซฟาหายเข้าไปในครัว ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับกาแฟร้อนหอมกรุ่นในมือ
“นาย ช่วยผมด้วย”
“สมน้ำหน้า”
ดนัยวิ่งหน้าตื่นเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเจ้านาย แต่ก็โดนเมินอย่างน่าสงสาร เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน
หลังจากใช้เวลาด้วยกันอีกพักใหญ่ แต่ละคนก็ขอตัวกลับ ดนัยกับวชิรวิษพากันกลับไปที่บ้าน เพื่อไปเอาเสื้อผ้าบางส่วนมาไว้ที่บ้านของหทัยชนก ยามที่เขาต้องมาค้างที่นี่ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนวิ่งหาเสื้อผ้าอีก
ในช่วงบ่ายของวัน น้ำฝนกับทีมงานของหทัยชนกมารวมตัวกันที่บ้าน หลังจากที่หญิงสาวตกลงรับงานละครเรื่องล่าสุด เพื่อทำการพูดคุยกันถึงการเตรียมตัวในครั้งนี้ ซึ่งจะต้องมีการเดินทางออกต่างจังหวัดและมีถ่ายทำที่ต่างประเทศด้วย หลังจากประชุมเสร็จ วชิรวิษก็กลับเข้ามาที่บ้านพอดี
หลังจากพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอแต่ละคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้วชิรวิษนอนค้างที่บ้านของหทัยชนกตามข้อตกลงที่คุยกันเอาไว้ในตอนแรก
วชิรวิษใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพูดคุยกับอนุชิต ปล่อยให้หทัยชนกได้มีเวลาส่วนตัว จึงแทบไม่ได้เห็นหทัยชนกตลอดทั้งบ่าย
ตกดึก หลังจากที่กินมื้อเย็นกันเสร็จก็พากันแยกย้ายขึ้นห้องนอน หทัยชนกเลือกที่จะคุยกับเขาเองที่เธอต้องไปทำงาน มันมีข้อแตกต่างจากตอนแรกที่คุยกันไว้หลายอย่าง ซึ่งตัวเธอเองก็เพิ่งได้รู้หลังจากประชุมกับทีมงาน โชคดีที่สามีหนุ่มเข้าใจและไม่ได้ว่าอะไร เขาไม่ก้าวก่ายงานของเธอ เหมือนกับที่เธอไม่ก้าวก่ายงานของเขาเช่นกัน
หลายวันต่อมาก็ถึงเวลาที่หทัยชนกต้องออกเดินทาง หญิงสาวกับทีมผู้ช่วยของเธอไปรวมตัวกับทีมงานกองถ่ายเพื่อร่วมเดินทางไปด้วยกัน
ทางด้านวชิรวิษก็ทำงานตามปกติ มีบางวันที่เขาแวะมาหาอนุชิตหรือมาค้างที่บ้านนี้บ้าง แต่ก็ไม่เคยตรงกับวันที่หทัยชนกกลับมาที่นี่เลย เพราะละครที่หญิงสาวถ่ายทำนั้นต้องออกอากาศไปด้วย ไหนจะงานอีเว้นท์ที่หญิงสาวต้องไป ไหนจะการเดินทางที่ค่อนข้างถี่ในการถ่ายทำ จึงทำให้พวกเขาไม่ได้เจอกันเลยตลอด 3 เดือน
“นาย วันนี้มีนัดพบลูกค้าช่วงบ่ายครับ”
“อืม”
“นายหน้าซีดมากเลยนะ ไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“ก็ไม่นะ แค่เวียนๆหัวตั้งแต่ตื่นนอนแล้ว แต่คิดว่าน่าจะนอนน้อย ช่วงนี้อยู่ดึกทุกวัน”
“ผมว่านายกลับบ้านเร็วบ้างก็ดีนะ”
“ไม่ล่ะ กลับไปก็ไม่มีใครอยู่บ้าน”
“คิดถึงคุณเฟิร์นเหรอครับ”
“แหงสิ เมียทั้งคน”
“แต่ก็ติดต่อกันตลอดไม่ใช่เหรอครับ”
“มันก็ไม่เหมือนอยู่ด้วยกันไหมล่ะ”
ดนัยมองใบหน้าเจ้านายหนุ่มที่ซีดเซียวราวกับคนไม่สบายด้วยความเป็นห่วง ยิ่งได้รู้ว่าเจ้านายของเขาอยู่ทำงานดึกทุกคืนเขาก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะเขารู้ดีว่าวชิรวิษไม่ชอบให้ใครมาขับรถให้ เขาจึงขับรถมาทำงานเองทุกวัน นั่นหมายความว่าเขาก็ต้องขับรถกลับบ้านดึกทุกวันเช่นกัน
“งั้นเดี๋ยวฉันงีบหน่อย ค่อยแวะไปกินข้าวตอนออกไปข้างนอก”
“ครับ” ดนัยรับคำ เขามองร่างสูงที่เดินมาเอนกายลงนอนที่โซฟา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ในช่วงบ่าย เมื่อดนัยเห็นว่าใกล้เวลาออกเดินทางแต่ยังไม่เห็นร่างของเจ้านายหนุ่มออกมาจากห้อง ทั้งที่ปกติแล้วเจ้านายของเขาค่อนข้างเป๊ะเรื่องเวลา จึงเข้ามาในห้องเพื่อเตือนเรื่องเวลา แต่เมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มยังไม่ตื่นก็ปลุกเขาด้วยความเป็นห่วง
“ไหวแน่นะครับนาย”
“อืม ไหว ไปเถอะ ขอล้างหน้าล้างตาหน่อย”
ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าตัวเองเพื่อรวบรวมสติก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินหายเข้าไปในห้องด้านใน เพียงไม่กี่นาทีก็กลับออกมาด้วยสภาพที่พร้อมทำงาน
“ไป”
“ครับ”
ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆออกจากห้องทำงานไปอย่างไม่เร่งรีบ เขาพยายามทำตัวเหมือนปกติทั้งที่เขาเวียนศีรษะไม่น้อยเลย
“แวะซื้อยาแก้เวียนหัวให้หน่อย ถ้าไปโรงพยาบาลมันเสียเวลา”
“ครับ” ดนัยรับคำก่อนที่จะเดินตามหลังวชิรวิษลงไปที่รถ
พวกเขาเดินทางออกจากบริษัทโดยไม่ลืมแวะซื้อยาก่อนที่จะไปหาอะไรกินเป็นมื้อเที่ยง ซึ่งสิ่งที่ทำให้ดนัยต้องแปลกใจอีกอย่างก็คือวชิรวิษไม่ชอบกินเผ็ด แต่วันนี้กลับสั่งอาหารที่เผ็ดแบบที่เขาไม่เคยสั่ง
“นายไม่เป็นอะไรแน่นะครับ”
“ไม่นะ นอกจากเวียนหัวก็ไม่ได้เป็นอะไร”
“แต่นายกินเผ็ด…..”
“อ๋อ แค่อยากกินเฉยๆ”
“…..” ดนัยมองเจ้านายหนุ่มด้วยแววตาครุ่นคิด
“อะไร?”
“นายลองให้คุณเฟิร์นตรวจการตั้งครรภ์หน่อยดีไหมครับ”
“?”
“ก็อาการนายเหมือนคนแพ้ท้องแทนเมียเลยอะ”
“แล้วนายรู้ได้ยังไง”
“ก็เพื่อนผมก็เป็นแบบนายนี่แหละ”
“…..” ช้อนที่กำลังจะส่งเข้าปากชะงักไป เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกน้องพูด
“จริงนะครับนาย ผมว่านายให้คุณเฟิร์นตรวจเถอะ”
“…..แล้วจะลองคุยดู”
หลังจากการสนทนาจบลง ทั้งสองคนก็จัดการมื้อเที่ยงเสร็จพอดี จึงพากันออกเดินทางไปยังที่หมายที่นัดลูกค้าเอาไว้ และจบวันด้วยการที่ดนัยไปส่งวชิรวิษที่บ้านก่อนที่เขาจะขับรถของเจ้านายหนุ่มกลับบ้านไป
“ไม่สบายเหรอคะ หน้าซีดจัง”
“นิดหน่อย วันนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ที่นี่อากาศเย็นสบาย เลยไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ”
“เฟิร์น”
“คะ”
“ลองตรวจครรภ์ดูหน่อยไหม”
“?”
“ประจำเดือนมาหรือยัง เดือนนี้”
“…..ยังค่ะ”
“ลองตรวจดูหน่อยเถอะ”
“ค่ะ เดี๋ยวเฟิร์นให้พี่ฝนช่วยหาที่ตรวจให้ค่ะ”
“อื้ม งั้นพี่พักก่อนนะ เวียนหัวมากเลย”
“กินยาด้วยนะคะ”
“จ้ะ”
หลังจากล่ำลากันต่ออีกไม่กี่นาทีทั้งคู่ก็วางสายจากกันไป วชิรวิษเอนกายนอนลงบนเตียงก่อนจะหลับตาลง เขาหน้ามืดเวียนศีรษะมาหลายวัน ถ้าดนัยไม่ได้พูดทักขึ้นมาเขาเองก็ไม่ได้คิดถึงข้อนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
“พี่ฝน พี่คิวบอกให้เฟิร์นตรวจครรภ์”
“หืม ทำไมล่ะ เฟิร์นก็ไม่มีอาการอะไรนะ”
“พี่คิวเวียนหัวหน้ามืดอะสิ”
“…..งั้นรอพี่ก่อน เดี๋ยวพี่ไปหาให้ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”
“ไม่มีปัญหา”
หทัยชนกพยักหน้าอย่างคนที่ไม่ได้คิดอะไร ก็เธอไม่มีอาการอะไรที่เป็นสัญญาณเตือนเลย ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เธอจะตั้งครรภ์
“กลับมาแล้ว เอาไปลองตรวจดู” น้ำฝนกลับมาพร้อมกับถุงที่ใส่ที่ตรวจครรภ์หลายอัน
“ทำไมซื้อมาเยอะจัง”
“ก็ลองตรวจหลายๆอัน”
“อือ”
หญิงสาวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำนานหลายนาทีจนน้ำฝนเริ่มเป็นห่วง หล่อนเดินไปที่หน้าห้องน้ำก่อนจะส่งเสียงเรียกหญิงสาว ไม่นานหทัยชนกก็เปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ามีอะไรเกิดขึ้น
“ท้องเหรอ”
“…..อือ” หทัยชนกพยักหน้าพร้อมกับส่งเสียงขานรับ ใบหน้าของเธอยังเหวออยู่
“จริงดิ”
“อือ”
“งั้นทำไมไม่มีอาการอะไรเลยล่ะ”
“พี่คิวน่าจะแพ้ท้องแทนแล้วล่ะ”
“อุ๊ยตาย”
“เอาไงต่อ”
“ส่งข่าวก่อน พี่ว่าทางนั้นก็น่าจะรอข่าวอยู่เหมือนกัน”
“อือ”
หทัยชนกยังมีอาการตกใจอยู่ เธอจึงใช้วิธีถ่ายรูปและส่งข้อความไปบอกกับวชิรวิษแทนการโทรเหมือนเช่นปกติ และเธอคิดว่าหลังจากที่เขาได้อ่านข้อความในตอนเช้า เธอก็คงจะได้รับสายจากเขาทันที