หลังจากส่งผ้าแพที่บ้านเสร็จเรียบร้อย ใยไหมก็ย้านตัวเองมานั่งเบาะด้านหน้าข้างกับธนู หากจะให้เธอนั่งเบาะหลังซึ่งธนูเป็นคนขับรถก็ดูจะน่าเกลียดไปเสียหน่อย เปรียบเสมือนว่าเขาคือคนขับรถให้เธอนั่งอย่างไรอย่างนั้น
บรรยากาศภายในรถตกอยู่ในความเงียบงันเมื่อทั้งคู่นั่งเงียบไม่เอ่ยอะไรออกมา โดยเฉพาะธนูที่แทบจะเหยียบคันเร่งให้รถยนต์แล่นไปยังที่หมายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากอยู่กับผู้หญิงที่นั่งข้างกันเสียเท่าไหร่
บอกตามตรงว่าเขารู้สึกไม่ถูกชะตากับเด็กคนนี้เอาเสียเลย เพราะดูหญิงสาวจะเป็นเด็กแก่แดด ใจแตกเสียเหลือเกิน
แต่ที่ต้องมาส่งหญิงสาวเป็นเพราะเขาไม่อยากขัดใจบุตรสาว และหากเลือกได้เขาก็ไม่อยากอยู่ใกล้เธอเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้นใบหน้าของธนูจึงเต็มไปด้วยความเรียบเฉยออกไปทางบึ้งตึงเสียด้วยซ้ำ
ใยไหมชำเลืองมองผู้ชายที่เธอตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอครั้งแล้วครั้งเล่า หัวใจของหญิงสาวเต้นระส่ำด้วยความดีใจจนแทบจะทะลุออกมาด้านนอกเสียด้วยซ้ำเมื่อได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยินดีปรีดากับการอยู่ใกล้เธอเอาเสียเลย เพราะใบหน้าแสนจะราบเรียบรวมไปถึงลมหายใจหนักๆ ที่ผ่อนออกมาครั้งแล้วครั้งเล่านั้น ทำให้ใยไหมเข้าใจได้เป็นอย่างดี ว่าเขาคงอึดอัดและไมอยากอยู่ใกล้เธอ
แต่ก็นั่นแหละ ยิ่งเขาพยายามหนีห่างเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งวิ่งตามเขามากเท่านั้น เธอจะตามเขาไปจนกว่าเธอจะได้ทั้งตัวและหัวใจของเขามาครอบครอง
“แด๊ดดี้คะ” และประโยคเรียกขานที่ใยไหมเอ่ยทำลายความเงียบออกมาก็ทำใหธนูหันขวับมองเจ้าของเสียงพูดนั้น ก่อนจะหันกลับไปมองยังถนนเบื้องหน้าตามเดิม
“ฉันไม่ใช่พ่อเธอ” คำพูดห่างเหินน้ำของธนูทำให้ใยไหมยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือไม่พอใจแต่อย่างใด เพราะโทนเสียงแบบนี้เขาใช้พูดกับเธอทุกครั้งไปในเวลาที่ไม่มีผ้าแพรอยู่ด้วย
“ใครบอกละคะว่าหมายความว่าพ่อ แด๊ดดี้ของไหมในที่นี้หมายถึงสามีต่างหาก” สิ้นเสียงของใยไหมรถยนต์ก็หักเลี้ยวเข้าจอดข้างทางเบรคลงอย่างกะทันหันจนใยไหมตัวโยกไปด้านหน้าเพราะไม่ทันตั้งตัว ยังดีที่เธอคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ ไม่อย่างนั้นคงได้พุ่งออกไปยังนอกรถอย่างแน่นอน
“เธอพูดบ้าอะไรของเธอ ใครเป็นสามีเธอ” ธนูขึ้นเสียงใส่อย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก กับคำพูดแก่แดดที่ใยไหมเอ่ยออกมา นี่ไงที่เขาบอกว่าเธอเป็นเด็กใจแตกมันผิดตรงไหน มีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขาพูดกันแบบนี้
“ก็แด๊ดดี้ไงคะแด๊ดดี้ก็รู้ว่าไหมคิดยังไงกับแด๊ดดี้ ไหมตามจีบแดดดี้มาเกือบครึ่งปี ทำไมถึงไม่ยอมรับรักไหมสักทีล่ะคะ จะใจแข็งไปถึงไหน” ใยไหมไม่ได้สลดลงแต่อย่างใดกับน้ำเสียงเกรี้ยวกราดไม่พอใจที่มาพร้อมกับสีหน้าไม่พอใจของธนู ยังคงยอกย้อนกลับไปอย่างหน้าตาเฉย นั่นยิ่งทำให้ธนูรู้สึกไม่ชอบใยไหมมากขึ้นกว่าเดิม
“ฉันไม่ได้ใจแข็ง แต่ฉันไม่ชอบเธอรู้เอาไว้ซะด้วย เพราะเธอมันคือเด็กใจแตก” แม้จะเจ็บปวดกับคำพูดของธนูแต่ใยไหมก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และยังทำให้เธอยิ่งอยากเอาชนะคนปากร้ายนี้ให้ได้
“ยังไม่ได้รู้จักไหมดีเลยรู้ได้ยังไงว่าไหมใจแตก บางทีสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เป็นมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้” ธนูเหยียดยิ้มออกมามองเจ้าของคำพูดนั้นนิ่ง เขาไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเขาเชื่อในสายตาตัวเอง
“ฉันว่าฉันมองคนไม่ผิด และต่อไปก็อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นอีกฉันไม่ชอบ และถ้าจะให้ดีก็ไม่ต้องตามตอแยหรือพยายามเข้าใกล้เพราะมันไม่ทำให้ฉันรู้สึกดีกับเธอขึ้นมา มีแต่จะทำให้ฉันมองเธอแย่มากไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ” สิ่งที่เอ่ยออกไปอาจจะฟังดูแรง แต่ธนูจำเป็นต้องพูดเพื่อยุติความสัมพันธ์ ที่ใยไหมพยายามจะสานสัมพันธ์กับเขาลงให้เร็วที่สุด
เพราะมันไม่สามารถเป็นไปได้เลย เขาไม่มีวันชอบเด็กอายุรุ่นราวคราวลูกอย่างเธอแน่ อีกอย่างเขาก็ไม่ชอบผู้หญิงเจนจัดเที่ยวกลางคืนและมั่วผู้ชายอย่างผู้หญิงคนนี้
“ขอโทษนะคะที่ไหมคงทำตามคำสั่งแด๊ดดี้ไม่ได้ ในเมื่อแด๊ดดี้คือผู้ชายที่ไหมชอบและอยากได้มาเป็นพ่อของลูก ส่วนเรื่องที่แด๊ดดี้ไม่ชอบไหมนั้น มันคือเรื่องของแด๊ดดี้ไม่เกี่ยวกับไหม แด๊ดดี้ก็แค่ทำจิตใจให้เข้มแข็งไม่อ่อนไหวไปกับความน่ารักของไหมก็พอค่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบเธอ เพราะฉะนั้นฉันไม่มีทางเป็นพ่อของลูกเธอเด็ดขาด เลิกเพ้อเจ้อและก็ฝันล้มๆ แล้งๆ สักที”
“ไม่ค่ะ ไหมว่าเรารีบไปกันดีกว่าค่ะ จะมาจอดรถเถียงกันอยู่แบบนี้เหรอคะ หรือว่าที่จริงแด๊ดดี้อยากอยู่กับไหมสองต่อสองเลยทำเป็นหาเรื่องมาถกเถียงกัน” ธนูถอนหายใจออกมาอย่างหัวเสีย อยากจะทุบมือลงกับพวงมาลัยเสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้
ยิ่งเห็นใบหน้าของหญิงสาวยิ้มเริงร่าก็ยิ่งหงุดหงิด รีบเลี้ยวรถออกสู้ถนนหลักด้วยความเร็วเพราะไม่อยากเห็นรอยยิ้มของหญิงสาวอีก รอยยิ้มที่เหมือนเธอกำลังหัวเราะเยาะเขา
ส่วนใยไหมก็ลอบยิ้มออกมาด้วยความสุข ที่วันนี้เธอได้ต่อปากต่อเขากับคนที่เธอชอบ แม้ผู้ชายคนนั้นจะเกลียดเธอเข้าไส้ เห็นหน้าเธอแล้วทำสีหน้าขยาดหวาดกลัว อย่างกับเธอคือกิ้งกือไส้เดือนก็ตาม แต่เธอก็ไม่เก็บมาใส่ใจเพราะยังไงก็ดีกว่าเธอไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา
“แด๊ดดี้จะขึ้นไปทานกาแฟหรือว่าทานน้ำก่อนไหมคะ หรือว่าจะอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกัน” ใยไหม**นมาถามเมื่อรถยนต์แล่นเข้ามาจอดที่หน้า แม้จะรู้คำตอบอยู่เต็มอกว่าจะได้รับประโยคแบบไหนตอบกลับมาจากธนูก็ตาม
“ลงไป” สองคำสั้นๆ ที่ธนูตอบออกมา ไม่อยากพูดอะไรให้มากความมากไปกว่านี้
แค่ที่ต้องขับรถมาส่งก็มากพออยู่แล้ว นี่ยังจะให้เขาขึ้นไปบนห้องกินข้าวกินน้ำอีกหรืออย่างไร คิดจะอ่อยเขาละสิไม่ว่า คิดว่าคนผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านประสบการณ์มามากกว่าจะหลงกลหรืออย่างไร ความคิดตื้นๆ
เด็กชะมัด!!
“ไล่กันจังเลยนะคะ” ไม่ใช่แค่พูดแต่ยังโน้มใบหน้าเข้าใกล้ชายหนุ่มจนธนูต้องผละใบหน้าออกห่าง
“กลัวใจตัวเองจะทนไม่ไหวหรือไง เอ๊ะ! หรือว่าจริงๆ แล้วแด๊ดดี้คือคนขี้คลาดที่ไม่กล้าอยู่กับไหมสองต่อสอง”
“เอาหน้าเธอออกไปไกลๆ หน่อยไม่ได้หรือไง... และฉันจะบอกอะไรให้นะ ว่าลูกเล่นตื้นๆ ของเธอมันใช้ไม่ได้ผลหรอก ลงไปจากรถฉันได้แล้ว” ใยไหมถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง ขยับตัวออกห่างตามที่ธนูต้องการ แต่ไม่ได้ลงจากรถแต่อย่างใด ยังคงนั่งอยู่บนนั้นตามเดิม
“ไล่จังเลยนะคะ กลัวไหมหรือว่ากลัวใจตัวเองจะอดใจไม่ไหวที่ได้อยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง”
“จะลงไปเองดีๆ หรือจะให้ฉันจับเธอโยนลงไปจากรถ” ธนูชักจะเหลือดอดมากขึ้นทุกทีๆ และหากหญิงสาวยังไม่ยอมลงไปดีๆ เขาคงได้จับเธอโยนลวไปอย่างที่พูดออกไปแน่
“ที่แท้ก็ขี้ขลาด ไม่กล้าขึ้นไปบนห้องกับไหม ก็นึกว่าจะแน่...งั้นไหมไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ แต่ถ้าเปลี่ยนใจเชิญที่ชั้น10 ห้อง1010 นะคะ” พูดจบใยไหมก็เปิดประตูรถลงไป โดยไม่ได้หันกลับมาสนใจธนูที่นั่งมองตามหลังไปด้วยใบหน้าเครียดขรึม
นี่เธอกำลังท้าทายเขาอยู่ใช่ไหม กำลังดูถูกเขาอยู่ใช่หรือเปล่า กล่าวหาว่าเขาขี้ขลาดหากเขาไม่ตามเธอขึ้นไปบนห้องใช่ไหม
“เธอร้ายมากนะใยไหม” ธนูเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะทำอะไรคนที่เดินเข้าไปในคอนโดไม่ได้ ลมหายใจถูกผ่อนออกมาหนักๆ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดโทรออกหาบุตรสาวเพื่อถามอาการ
เมื่อเปิดประตูห้องพักเข้ามา ใยไหมก็เดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง จัดการปลดเปลื้องชุดนักศึกษาโยนลงตะกร้า เหลือเพียงชุดชั้นในเท่านั้นที่ติดร่างกาย
ร่างบางเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอนอย่างสบายอารมณ์ เพราะอากาศร้อนของเมืองไทย ทำให้ใยไหมไม่ค่อยชอบใส่เสื้อผ้าสักเท่าไหร่ หากเป็นไปได้เธอก็ขอเลือกใส่เสื้อผ้าให้น้อยชิ้นที่สุดและบางที่สุด
หญิงสาวฮัมเพลงอย่างอารมณ์เดินออกมานอกห้องนอน เข้ามาในห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่มแก้กระหาย น้ำส้มเย็นชื่นใจถูกดื่มลงไป ลิ้นเล็กสีชมพูแลบออกมาเลียริมฝีปากตัวเอง เพื่อจัดการกับน้ำส้มที่เลอะออกมาตามริมฝีปาก
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
เสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้นสองครั้ง ทำให้ใยไหมหันมองไปยังประตูห้องของตัวเอง คิ้วเรียวเผลอขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยว่าใครกันที่มาหาเธอในเวลานี้ เพราะเธอไม่ได้นัดใครนอกจากท้าทายธนูเอาไว้ก่อนจะขึ้นมาบนห้อง หรือว่า....
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ พร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นระส่ำขึ้นมา เมื่อคิดว่าคนที่มากดกริ่งนั้นคือผู้ชายคนที่เธอหมายปอง ร่างบางรีบเดินไปยังประตูห้องด้วยความเร็ว กดจอมอนิเตอร์หน้าประตูเพื่อดูบุคคลที่อยู่ด้านนอก
เมื่อเห็นคนที่อยู่ด้านนอกใยไหมก็ยิ่งยิ้มกว้างออกมามากยิ่งขึ้น หัวใจที่เต้นรัวในตอนแรกก็กระหน่ำเต้นแรงจนใยไหมต้องยกมือขึ้นมาจับไว้เพราะกลัวจะกระเด็นออกมา
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
เสียงกริ่งดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ใยไหมต้องรีบสลัดความตื่นเต้นดีใจทิ้งไป หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง เพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่าที่เป็นอยู่
โดยการใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ยาวไม่ถึงเขา อีกทั้งยังปลดกระดุมเม็ดบนลงมาถึงสองเม็ด เผยเนินอกขาวผ่องให้เห็นเมื่อสาบเสื้อแยกออกจากกัน
จัดการรวบผมขึ้นเป็นหางม้าสูงและดึงปอยผมลงมาเล็กน้อยให้ผมหลุดล่วงลงมาคลอเคลียใบหน้า ยิ่งทำให้ดูเซ็กซี่มากขึ้น จากนั้นก็รีบเดินกลับออกมาด้านนอก เปิดประตูห้องออกไปเผชิญหน้ากับบุคคลที่ยืนรออยู่