เป้าหมายมีไว้พุ่งชน

1953 คำ
สายตาของคนทั้งคู่สบประสานกัน ต่างต่างคนก็ต่างจ้องมองกันด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ โดยเฉพาะคนที่ยืนอยู่ด้านนอก ที่แอบไล่สายตาสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอยู่เงียบๆ เริ่มจากใบหน้าของหญิงสาว ต่ำลงมายังต้นคอขาวเนียน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ความอวบอิ่มที่โผล่พ้นออกมาจากสาบเสื้อที่แยกออกจากกัน เพียงเท่านี้ก็ทำให้ลมหายใจของธนูสะดุดได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่แทนที่จะหยุดสำรวจคนตรงหน้ากลับไล่สายตาต่ำลงมายังเรียวขาขาวเนียน ที่โผล่พ้นเสื้อหญิงสาวสวมใส่ นั่นยิ่งทำให้ลมหายใจสะดุดมากว่าเดิม และก่อนที่อารมณ์บางอย่างจะเกิดขึ้น ธนูจึงรีบไล่สายตาขึ้นมามองใบหน้าของหญิงสาวตามเดิม ตั้งใจยั่วเขาชัดๆ .... “แด๊ดดี้ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เอ่ยถามออกไปตาใสซื่อ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าการที่ธนูขึ้นมาบนห้องเธอนั้นหมายความว่าอย่างไร “ฉันแค่จะขึ้นมาบอกว่าฉันไม่ได้ขี้ขลาดอย่างที่เธอพูด” ใยไหมพยักหน้ารับ เดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าธนูต้องถอยหลังห่างออกไป เพื่อรักษาระยะห่าง นั่นยิ่งทำให้ใยไหมนึกสนุกและอยากเอาชนะมากยิ่งขึ้น ขยับขาเดินตามไปเช่นเดียวกัน “เหรอคะ ถ้าไม่ขี้ขลาดแล้วถอยหลังหนีทำไมล่ะคะ” “ฉันแค่ไม่อยากอยู่ใกล้เธอเท่านั้น และที่ฉันขึ้นมาก็เพราะจะมาพูดแค่นี้ ว่าฉันไม่ได้ขี้ขลาด” พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป “ขึ้นมาพูดแค่นี้ใครๆ ก็ทำได้ไหมคะ ถ้าไม่ได้ขี้ขลาดอย่างที่พูดจริง กล้าเข้ามาในห้องไหมไหมล่ะคะ” คำพูดท้าทายที่ดังตามหลังมา ทำให้ธนูหยุดเท้าที่กำลังลงทันที หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากันสายตาคมหรี่มองคนตรงหน้าอย่างใช้ความคิด เขากำลังถูกเด็กรุ่นลูกท้าทายทั้งคำพูดและแววตาอย่างนั้นสินะ ริมฝีปากหยักยกขึ้นคล้ายกำลังเหยียดยิ้ม ก่อนจะเดินกลับมายืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวเช่นเดิม “เธอควรแยกแยะระหว่างขี้ขลาด กับไม่อยากอยู่ใกล้ออกจากกันให้ได้ก่อนนะ แล้วค่อยมาท้าทายฉัน...และถ้ามันอยากจนทนไม่ไหวและหาใครไม่ได้ ฉันแนะนำให้เธอไปซื้อกิน น่าจะช่วยได้ ขอโทษนะที่ต้องพูดแรง แต่แค่อยากแนะนำ” ว่าแล้วก็ผละตัวเดินจากไป ทิ้งให้ใยไหมยืนหน้าเสียอยู่ที่เดิม สองมือกำเข้าหากันแน่นเพื่อข่มความเจ็บ คำพูดที่เขาเอ่ยออกมาเหมือนเธอถูกเขาตบหน้าเข้าฉาดใหญ่ “สักวันไหมจะทำให้คุณหลงไหมจนโงหัวไม่ขึ้นเลยคอยดู คุณธนู” นักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่ใต้ตึกเรียนไม่อาจทำให้หญิงสาวที่กำลังนั่งดูรูปภาพในโทรศัพท์มือถือละสายตาออกไปจากหน้าจอได้เลย ยังคงเลื่อนดูรูปถ่ายอยู่อย่างนั้น แต่สายตาที่ทอดมองกลับเต็มไปด้วยความหม่นหมองไม่สดใสเอาเสียเลย “นั่งดูอะไรอยู่ ทำหน้าเศร้าเหมือนชะนีถูกผัวทิ้งไปมีคนใหม่อย่างนั้นแหละ” คำทักทายที่ดังขึ้นข้างกาย พร้อมกับชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ว่าง ทำให้ใยไหมปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเองลง จากนั้นก็ส่งค้อนวงใหญ่ไปให้เพื่อนชายคนสนิทที่ชอบออกไปท่องราตรีด้วยกันบ่อยๆ “ปากดีนะอีเอก” “แองจี้ ช่วยเรียกกูใหม่ด้วยไหม ดูปากกูนะคะ กูชื่อ แอง จี้” จีบปากจีบคอเอ่ยแย้งออกมาอย่างขัดใจเมื่อเพื่อนสาวเอ่ยเรียกชื่อเก่าออกมา ทั้งที่ตนนั้นก็พูดตั้งหลายครั้งหลายคราว่าให้เรียกว่าแองจี้ไม่ใช่เอก แต่เพื่อนสาวนั้นก็ยังหลงลืมเรียกว่าเอกอยู่ร่ำไป “เออ แองจี้ก็แองจี้” “แล้วนี่เป็นอะไร ถูกผู้ชายหักอกมาหรือไง ถึงได้มานั่งทำหน้าเศร้าอยู่แบบนี้ เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ แกจะถูกหักอกได้ยังไงในเมื่อแกไม่มีแฟน” “นี่แองจี้ ถ้าสมมติว่าผู้ชายที่แกชอบบอกให้แกไปซื้อกินเพราะทนความอยากไม่ไหว แกจะรู้สึกยังไงวะ” “เจ็บดิถามได้ คนที่เรารักมาพูดกับเราแบบนนี้เป็นใครมันจะไม่เจ็บวะ ว่าแต่ผู้ชายพูดแบบนี้กับแกเหรอ ใครวะ ฉันรู้จักหรือเปล่า” แองจี้เอ่ยถามออกมาพร้อมกับชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ด้วยความอยากรู้เสียเต็มประดาว่าผู้ชายคนที่ว่านั้นคือใคร และยังไม่ทันที่ใยไหมจะได้ตอบอะไรกลับไปเสียงทักทายของผ้าแพรก็ดังเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน “สวัสดีสองสาวนั่งคุยอะไรกันอยู่เอ่ย” ส่งยิ้มทักทายให้เพื่อนทั้งสองคนซึ่งแองจี้และใยไหมก็ยิ้มทักทายกลับไปเช่นเดียวกัน ก่อนที่ไยไหมจะชะเง้อคอมองไปรอบๆ บริเวณเพื่อหาคนที่พูดจาทำร้ายจิตใจเธอเมื่อวาน แต่ก็เห็นเพียงแค่ท้ายรถที่แล่นไกลออกไปทุกที “ไหม เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง มีอะไรคืบหน้าไหม” และเสียงของผ้าแพรก็ดึงให้ใยไหมหันกลับมาสนใจเพื่อนต่อ พร้อมกันนั้นก็ถอนกายใจออกมาเบาๆ “ได้เรื่องสิ ถูกพ่อแกด่าให้อย่างเจ็บ คนอะไรปากร้ายชะมัด บอกว่าถ้าฉันอยากมากจนทนไม่ไหว หาที่ลงไม่ได้ ให้ไปซื้อกิน ดูสิแพร พ่อแกใจร้ายกับฉันมากแค่ไหน” และคำพูดของใยไหม ก็ทำให้ผ้าแพรและแองจี้ตาเบิกกว้างขึ้นมา ทั้งคู่หันมองหน้ากันด้วยความตกใจ ก่อนจะพากันหันกลับไปมองหน้าใยไหม “จริงเหรอไหม พ่อฉันพูดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ” “นั่นสิแก คุณพ่อยัยแพรก็ดูเป็นคนอบอุ่นใจดีออก ไม่เห็นเหมือนคนปากร้ายใจร้ายเลย” “เขาใจดีและอบอุ่นกับทุกคน ยกเว้นฉันไง” “แล้วแกจะเอายังไงต่อไป สู้ต่อหรือว่าถอย” ผ้าแพรเอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้ ว่าเพื่อนของเธอจะรุกต่อหรือว่าถอยทัพกลับไปดี เพราะคำพูดที่พ่อของเธอพูดนั้นก็ค่อยข้างแรงใช้ได้ และหากผู้หญิงคนนั้นคือเธอ ที่ถูกผู้ชายพูดใส่หน้าแบบนี้ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยังรุกหน้าจีบต่ออยู่อีกไหม “ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันอยากได้พ่อแกเป็นสามีฉันก็ต้องได้ และถ้าวันนั้นมาถึงคนที่ต้องวิ่งตามจะต้องเป็นพ่อแกไม่ใช่ฉัน” “หูยๆๆ มั่นอกมั่นใจเสียเหลือนะคะชะนีน้อย อนาคตที่คุณพ่อยัยแพรจะวิ่งตามแกน่ะเอาไว้ก่อน ทำยังไงให้ปัจจุบันไม่ถูกเขาด่ากลับมาเหมือนเมื่อวานดีกว่าไหม” และนั่นก็ทำให้ใยไหมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเซ็ง นั่นสิ! ทำอย่างไร เธอถึงจะไม่ถูกเขาไล่ตะเพิด หรือมองด้วยสายตารังเกียจเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน เธอต้องพยายามแค่ไหนถึงจะก้าวผ่านสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไปได้ “ผ้าแพรลูก” และเสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นอยู่ด้านข้าง ก็ทำให้คนทั้งสามหันไปมองที่มาของเสียง และเมื่อเห็นเจ้าของเสียงใยไหมก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่รู้ตัว มองชายตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ลืมทุกสิ่งอย่างที่เขาพูดกับเธอเมื่อวานเสียด้วยซ้ำ “คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมวนรถกลับมา” ธนูส่งยิ้มให้บุตรสาวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาวางไว้ตรงหน้าของบุตรสาว “มันร่วงในรถ พ่อเห็นพอดีก็เลยเอามาให้” เอ่ยบอกออกไป โดยไม่ได้หัมาสนใจผู้หญิงอีกคนที่นั่งมองมาที่ตนอยู่เลย ไม่มีแม้แต่หางตาจะหันมองด้วยซ้ำ “ขอบคุณค่ะ” “งั้นพ่อไปก่อนนะ ตั้งใจเรียนล่ะ” “ค่ะ สวัสดีค่ะ” “สวัสดีครับ” ธนูพยักหน้ารับพร้อมทั้งส่งยิ้มบางให้บุตรสาว รวมไปถึงชายหนุ่มอีกคนที่ยกมือไหว้ตน โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา และก็ไม่ได้ชำเลืองมองหญิงสาวอีกคนเช่นกัน จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป โดยมีสายตาของใยไหมมองตามไปด้วยความน้อยใจแ ละตัดพ้ออยู่ในที ที่ธนูไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเธอบ้างเลย “เดี๋ยวฉันมานะ” ว่าแล้วใยไหมก็รีบลุกขึ้นวิ่งตามธนูออกไปด้วยความเร็ว เมื่อเห็นร่างสูงกำลังเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ใยไหมก็ไม่รอช้าที่จะเปิดประตูอีกฝั่งเข้าไปเช่นเดียวกัน “เห้ย!! เธอเข้ามาในรถฉันทำไมเนี่ย” ธนูถามเสียงห้วยด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใยไหมเปิดประตูเข้ามานั่งในรถของตัวเอง “ก็แด๊ดดี้ไม่สนใจใยไหมเลยนี่คะ หน้าก็ไม่มอง ไหมก็เลยต้องตามมา ทำไมไม่ทักทายกันบ้างเลยคะ ไหมน้อยใจนะเนี่ย” ธนูทำสีหน้าเซ็งออกมาอย่างเห็นได้ชัด ถอนหายใจออกมาดังเฮือก “เธอน้อยใจ แต่ฉันรำคาญ ลงไปได้แล้วฉันจะรับไปทำงานไม่มีเวลามะ...อื้อ” ยังไม่ทันที่ธนูจะเอ่ยออกมาจนจบประโยค ใยไหมก็ทาบทับริมฝีปากลงมาปิดเรียวปากหยักนั้นเอาไว้ด้วยความเร็ว ไม่ให้ธนูได้ตั้งตัวแต่อย่างใด ตวัดวงแขนโอบรัดรอบคอแกร่ง วางมือลงบนท้ายทอยไม่ให้ชายหนุ่มขยับใบหน้าหนีไปไหน ริมฝีปากอิ่มทาบทับลงไป ขบเม้มหยอกเย้ากับเรียวปากของชายหนุ่มทั้งบนและล่าง โดยที่ธนูก็นั่งนิ่งให้หญิงสาวจูบอยู่อย่างนั้น เพราะยังตกใจและตั้งตัวไม่ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวแข็งทื่อเหมือนถูกไฟซ๊อต มีกระแสไฟไหลผ่านจากหญิงสาวมายังเขา กว่าจะตั้งสติได้ใยไหมก็ถอนริมฝีปากออกไปเสียแล้ว “เราจูบกันแล้ว เพราะฉะนั้นแด๊ดดี้เป็นของไหม ต่อไปนี้แด๊ดดี้ห้ามไม่สนใจไหมเข้าใจไหมคะ ไหมไปเรียนก่อนนะคะ แด๊ดดี้ก็ต้องใจทำงานนะคะ สวัสดีค่ะ” ใยไหมเอ่ยออกมาโดยไม่ปล่อยโอกาสให้ธนูได้เอ่ยอะไรออกมา เมื่อพูดจบก็เปิดประตูรถลงไปด้วยความเร็ว เพราะกลัวตัวเองจะถูกชายหนุ่มด่าเข้าให้ ที่ทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้นลงไป มีอย่างที่ไหนไปจูบผู้ชายก่อนแถมผู้ชายคนนั้นยังเกลียดเธอเข้าไส้ ส่วนธนูก็มองตามร่างบางไปด้วยความรู้สึกมึนงง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่มันรวดเร็วเสียจนเขาตั้งตัวไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกอุ่นที่ริมฝีปากของตัวเอง สัมผัสอ่อนนุ่มยังติดที่ริมฝีปากไม่จางหาย จนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว “เด็กอะไร ใจกล้าชะมัด”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม