เมื่อชายสูงวัยทราบข่าวคุณหนูประจำบ้านไม่ยอมนอนเขาจึงรีบเข้ามาจัดการในทันที
“นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะทำไมหลานยังไม่นอนอีก”
“ก็น้องปิ่นรอคุณพ่อ รอของขวัญจากคุณพ่อ”
“ปู่บอกแล้วไงคะว่าถ้าพ่อเราไม่กลับวันนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับ”
“คุณปู่คะ น้องปิ่นอยากเจอคุณพ่อ”
“ปู่รู้ แต่ว่าตอนนี้น้องปิ่นนอนได้แล้วนะ ปู่เองก็ง่วงแล้ว ถ้าน้องปิ่นไม่นอนทุกคนในบ้านก็จะไม่ได้นอนนะรู้มั้ย แม่แพทก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“พรุ่งนี้น้องปิ่นจะได้เจอคุณพ่อจริงๆใช่มั้ยคะคุณปู่”
“ได้เจอแน่นอน ปู่ให้สัญญา”
“คุณปู่กลับไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวน้องปิ่นจะนอนแล้ว”
“ฝันดีนะคะเจ้าหญิงน้อยของปู่”ชายสูงวัยหอมแก้มหลานสาวฟอดใหญ่
“ค่ะ”พูดจบเด็กหญิงก็ปิดตาลงและเมื่อทุกคนเห็นว่าเด็กหญิงหลับแล้วก็ต่างแยกย้ายกันไปนอน
“แม่รู้นะว่าหนูยังไม่นอน”
“คุณแม่รู้ทันน้องปิ่นตลอด”
“ก็เลี้ยงเองกับมือทำไมจะไม่รู้”
“ไม่ใช่แค่มือค่ะ มีไม้เรียวด้วย”
“แล้วจะนอนกี่โมงก่อนคะ แม่ง่วงแล้วนะ”
“คุณแม่คะ ทำไมคุณพ่อถึงไม่อยู่กับเรา พ่อไม่รักเราหรอคะ?”เด็กหญิงซบไหล่ผู้เป็นแม่ด้วยแววตาที่ดูเศร้าหมอง ส่วนผู้เป็นแม่ก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยเมื่อต้องเผชิญกับคำถามเดิมๆของลูกสาว
“แม่บอกแล้วไงคะว่าคุณพ่อรักน้องปิ่น”
“แล้วทำไมคุณพ่อถึงไม่กลับมาหาน้องปิ่นกับคุณแม่บ้าง คนรักกันต้องอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรอคะ?”
“คือพ่อกับแม่แค่งอนกัน เดี๋ยวสักวันถ้าพ่อกับแม่หายงอนกันเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน”
“งอนกันคืออะไรหรอคะ?”
“งอนกันก็คล้ายๆโกรธกัน”
“เหมือนกับที่คุณแม่โกรธน้องปิ่นเวลาที่น้องปิ่นไม่เชื่อฟังหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วคุณพ่องอนอะไรน้องปิ่นกับคุณแม่คะ?”
“คุณพ่อไม่ได้งอนอะไรน้องปิ่นเลย คุณพ่องอนแม่คนเดียว”
“งั้นคุณแม่รีบง้อคุณพ่อนะคะ เราจะได้อยู่ด้วยกัน”
“ค่ะ แม่จะพยายามง้อคุณพ่อให้แต่น้องปิ่นต้องเชื่อฟังแม่นะ”
“ค่ะ”
เช้าวันต่อมา…
“คุณพ่ออยู่ไหน”ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง
“คุณท่านกำลังทานกาแฟอยู่ในห้องรับแขกค่ะ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็เดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อด้วยท่าทีโกรธเคือง
“นึกอยู่แล้วเชียวว่าแกต้องกลับมา”ผู้เป็นพ่อหันไปมองลูกชายด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พ่อทำแบบนี้ทำไม”ส่วนชายหนุ่มก็มองผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ยังมีหน้ามาถามอีกหรอว่าทำไม”ชายสูงวัยลุกจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปหาลูกชาย
“พ่อทำแบบนี้กับผมไม่ได้”
“ในเมื่อแกผิดคำพูดก็ต้องโดนแบบนี้แหละ”
“พ่อต้องการให้ผมกลับมา ผมก็กลับมาแล้วนี่ไง”
“กลับมาเพื่อขอให้พ่อปลดอายัดบัตรเครดิตให้แล้วก็ออกไปแบบนี้หรอ”
“พ่ออยากให้ผมแต่งงานผมก็แต่งให้แล้ว พ่ออยากมีหลานผมก็มีให้ แล้วตอนนี้พ่อต้องการอะไรจากผมอีก”
“พ่ออยากให้แกกลับมาอยู่บ้าน”
“ไม่!ผมจะอยู่คอนโด”
“คอนโดนั่นเป็นชื่อพ่อ พ่อจะขายทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ถึงตอนนั้นแกจะไปอยู่ที่ไหน”
“พ่อจะขายคอนโดนั่นไม่ได้นะ มันเป็นของผม พ่อรับปากแล้วว่ายกให้ผม”
“เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากให้พ่อขายคอนโดนั่นทิ้งก็ทำตามที่พ่อสั่ง”ผู้เป็นพ่อตบไหล่ลูกชายแล้วก็เดินจากไป
“ก็ได้ผมจะกลับมาอยู่บ้าน แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้?”ชายสูงวัยหันกลับมามองลูกชาย
“พ่อต้องปลดอายัดบัตรเครดิตให้ผมเดี๋ยวนี้ แล้วก็โอนคอนโดให้ผมภายในปีนี้”
“ตามนั้น”พูดจบชายสูงวัยก็เดินจากไป
ส่วนหนุ่มที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านได้ไม่กี่นาทีก็ขับรถออกจากบ้านไปด้วยความเร็ว
…
ทานข้าวไม่รอกันเลยนะครับ”เมื่อชายหนุ่มตั้งใจกลับมาทานข้าวที่บ้านแล้วพบว่าทุกคนกำลังนั่งทานข้าว เขาจึงแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“คุณพ่อ!”ทันทีที่เด็กหญิงเห็นผู้เป็นพ่อก็รีบลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งเข้าหาร่างสูงด้วยความตื่นเต้น
“อย่าเข้ามาใกล้ถ้าฉันไม่อนุญาต”ส่วนชายหนุ่มนั้นกลับถอยห่างแล้วดุเด็กหญิงด้วยสีหน้าจริงจัง
“นั่นลูกแกนะ!”ชายสูงวัยที่เห็นแบบนั้นก็ยืนชี้หน้าลูกชายอย่างเหลืออด
“คุณปู่”เด็กหญิงเดินไปหาผู้เป็นปู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“แค่นี้ทำมาเป็นร้องไห้”
“ถ้าแกกลับมาเพื่อทำร้ายลูก แกออกจากบ้านไปเดี๋ยวนี้เลย แล้วอย่าได้เข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้อีก”
“ไม่นะคะคุณปู่ อย่าไล่คุณพ่อ น้องปิ่นอยากให้คุณพ่ออยู่กับเราที่นี่ นะคะคุณปู่”
“แต่ว่าคุณพ่อทำตัวไม่ดีกับน้องปิ่นนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่โกรธคุณพ่อ”
“คือปู่ไม่อยากเห็นน้องปิ่นเสียใจ”
“นะคะคุณปู่”เด็กหญิงรีบเช็ดน้ำตาออกแล้วขอร้องผู้เป็นปู่อย่างน่าเห็นใจ
“ก็ได้ แต่ถ้าพ่อเขาทำอะไรหนูปิ่นหรือดุหนูปิ่นอีกให้มาฟ้องปู่นะ เดี๋ยวปู่จัดการให้”ท้ายที่สุดคนเป็นปู่ก็ยอมหลานสาวแบบไม่เต็มใจ
“ค่ะ”
“น้องปิ่นคะกลับมานั่งทานข้าวให้เสร็จ”
“น้องปิ่นอิ่มแล้วค่ะคุณแม่”
“จะอิ่มได้ไงหนูเพิ่งทานไปได้ไม่กี่คำเอง”
“น้องปิ่นไม่อยากทานแล้ว”
“ไม่อยากทานก็ต้องทาน เพราะจะหิวตอนดึก”
“เด็กมันไม่อยากทานจะไปบังคับทำไมให้เปลืองน้ำลาย”
“ถ้าไม่อยากเป็นพ่อคนก็ไม่ต้องมายุ่งกับการเลี้ยงลูกของฉัน”
“ผมไม่ได้อยากยุ่งนักหรอก แต่เด็กมันงอแงแล้วน่ารำคาญ”
“คุณไม่เคยเป็นเด็กมาก่อนรึไงถึงไม่เข้าใจธรรมชาติของเด็ก”
“คุณแม่ขา น้องปิ่นทานข้าวก็ได้”ด้วยความที่เด็กหญิงต้องการให้ผู้เป็นพ่อและแม่หยุดทะเลาะกันจึงยอมกลับไปนั่งทานข้าวแต่โดยดี
“เห็นมั้ย คุณต้องขอบคุณผม”
“สรุปแกจะทานข้าวมั้ย ถ้าไม่ทานก็ออกไป”
“ทีแรกก็ตั้งใจกลับมาทานข้าวที่บ้านแหละ แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะทานข้าว”พูดจบชายหนุ่มก็เดินขึ้นไปยังชั้นบนแล้วเข้าไปยังห้องตัวเองซึ่งไม่มีคนอาศัยมาหลายปีแล้ว แต่ภายในห้องยังคงมีรูปภาพของเด็กหญิงตั้งไว้ และเขาก็หยิบมันขึ้นมาดูอย่างพิจารณา จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบอัลบั้มรูปภาพที่เก็บไว้อย่างดีออกมาจากตู้เซฟ
“มันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”ชายหนุ่มเทียบรูปภาพเก่าซึ่งเป็นภาพของน้องสาวที่จากไปกับรูปภาพใหม่ ซึ่งเป็นรูปของลูกสาวด้วยความตะลึงในความเหมือนกันของเด็กทั้งสองอย่างเหลือเชื่อ และนั่นก็ทำให้เขานึกย้อนกลับไปในอดีต
30ปีก่อน..