บทที่8

1248 คำ
เมื่อชายสูงวัยทราบข่าวคุณหนูประจำบ้านไม่ยอมนอนเขาจึงรีบเข้ามาจัดการในทันที “นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะทำไมหลานยังไม่นอนอีก” “ก็น้องปิ่นรอคุณพ่อ รอของขวัญจากคุณพ่อ” “ปู่บอกแล้วไงคะว่าถ้าพ่อเราไม่กลับวันนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับ” “คุณปู่คะ น้องปิ่นอยากเจอคุณพ่อ” “ปู่รู้ แต่ว่าตอนนี้น้องปิ่นนอนได้แล้วนะ ปู่เองก็ง่วงแล้ว ถ้าน้องปิ่นไม่นอนทุกคนในบ้านก็จะไม่ได้นอนนะรู้มั้ย แม่แพทก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” “พรุ่งนี้น้องปิ่นจะได้เจอคุณพ่อจริงๆใช่มั้ยคะคุณปู่” “ได้เจอแน่นอน ปู่ให้สัญญา” “คุณปู่กลับไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวน้องปิ่นจะนอนแล้ว” “ฝันดีนะคะเจ้าหญิงน้อยของปู่”ชายสูงวัยหอมแก้มหลานสาวฟอดใหญ่ “ค่ะ”พูดจบเด็กหญิงก็ปิดตาลงและเมื่อทุกคนเห็นว่าเด็กหญิงหลับแล้วก็ต่างแยกย้ายกันไปนอน “แม่รู้นะว่าหนูยังไม่นอน” “คุณแม่รู้ทันน้องปิ่นตลอด” “ก็เลี้ยงเองกับมือทำไมจะไม่รู้” “ไม่ใช่แค่มือค่ะ มีไม้เรียวด้วย” “แล้วจะนอนกี่โมงก่อนคะ แม่ง่วงแล้วนะ” “คุณแม่คะ ทำไมคุณพ่อถึงไม่อยู่กับเรา พ่อไม่รักเราหรอคะ?”เด็กหญิงซบไหล่ผู้เป็นแม่ด้วยแววตาที่ดูเศร้าหมอง ส่วนผู้เป็นแม่ก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยเมื่อต้องเผชิญกับคำถามเดิมๆของลูกสาว “แม่บอกแล้วไงคะว่าคุณพ่อรักน้องปิ่น” “แล้วทำไมคุณพ่อถึงไม่กลับมาหาน้องปิ่นกับคุณแม่บ้าง คนรักกันต้องอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรอคะ?” “คือพ่อกับแม่แค่งอนกัน เดี๋ยวสักวันถ้าพ่อกับแม่หายงอนกันเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน” “งอนกันคืออะไรหรอคะ?” “งอนกันก็คล้ายๆโกรธกัน” “เหมือนกับที่คุณแม่โกรธน้องปิ่นเวลาที่น้องปิ่นไม่เชื่อฟังหรอคะ?” “ใช่ค่ะ” “แล้วคุณพ่องอนอะไรน้องปิ่นกับคุณแม่คะ?” “คุณพ่อไม่ได้งอนอะไรน้องปิ่นเลย คุณพ่องอนแม่คนเดียว” “งั้นคุณแม่รีบง้อคุณพ่อนะคะ เราจะได้อยู่ด้วยกัน” “ค่ะ แม่จะพยายามง้อคุณพ่อให้แต่น้องปิ่นต้องเชื่อฟังแม่นะ” “ค่ะ” เช้าวันต่อมา… “คุณพ่ออยู่ไหน”ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง “คุณท่านกำลังทานกาแฟอยู่ในห้องรับแขกค่ะ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็เดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อด้วยท่าทีโกรธเคือง “นึกอยู่แล้วเชียวว่าแกต้องกลับมา”ผู้เป็นพ่อหันไปมองลูกชายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พ่อทำแบบนี้ทำไม”ส่วนชายหนุ่มก็มองผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ยังมีหน้ามาถามอีกหรอว่าทำไม”ชายสูงวัยลุกจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปหาลูกชาย “พ่อทำแบบนี้กับผมไม่ได้” “ในเมื่อแกผิดคำพูดก็ต้องโดนแบบนี้แหละ” “พ่อต้องการให้ผมกลับมา ผมก็กลับมาแล้วนี่ไง” “กลับมาเพื่อขอให้พ่อปลดอายัดบัตรเครดิตให้แล้วก็ออกไปแบบนี้หรอ” “พ่ออยากให้ผมแต่งงานผมก็แต่งให้แล้ว พ่ออยากมีหลานผมก็มีให้ แล้วตอนนี้พ่อต้องการอะไรจากผมอีก” “พ่ออยากให้แกกลับมาอยู่บ้าน” “ไม่!ผมจะอยู่คอนโด” “คอนโดนั่นเป็นชื่อพ่อ พ่อจะขายทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ถึงตอนนั้นแกจะไปอยู่ที่ไหน” “พ่อจะขายคอนโดนั่นไม่ได้นะ มันเป็นของผม พ่อรับปากแล้วว่ายกให้ผม” “เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากให้พ่อขายคอนโดนั่นทิ้งก็ทำตามที่พ่อสั่ง”ผู้เป็นพ่อตบไหล่ลูกชายแล้วก็เดินจากไป “ก็ได้ผมจะกลับมาอยู่บ้าน แต่มีข้อแม้” “ข้อแม้?”ชายสูงวัยหันกลับมามองลูกชาย “พ่อต้องปลดอายัดบัตรเครดิตให้ผมเดี๋ยวนี้ แล้วก็โอนคอนโดให้ผมภายในปีนี้” “ตามนั้น”พูดจบชายสูงวัยก็เดินจากไป ส่วนหนุ่มที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านได้ไม่กี่นาทีก็ขับรถออกจากบ้านไปด้วยความเร็ว … ทานข้าวไม่รอกันเลยนะครับ”เมื่อชายหนุ่มตั้งใจกลับมาทานข้าวที่บ้านแล้วพบว่าทุกคนกำลังนั่งทานข้าว เขาจึงแสดงสีหน้าไม่พอใจ “คุณพ่อ!”ทันทีที่เด็กหญิงเห็นผู้เป็นพ่อก็รีบลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งเข้าหาร่างสูงด้วยความตื่นเต้น “อย่าเข้ามาใกล้ถ้าฉันไม่อนุญาต”ส่วนชายหนุ่มนั้นกลับถอยห่างแล้วดุเด็กหญิงด้วยสีหน้าจริงจัง “นั่นลูกแกนะ!”ชายสูงวัยที่เห็นแบบนั้นก็ยืนชี้หน้าลูกชายอย่างเหลืออด “คุณปู่”เด็กหญิงเดินไปหาผู้เป็นปู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา “แค่นี้ทำมาเป็นร้องไห้” “ถ้าแกกลับมาเพื่อทำร้ายลูก แกออกจากบ้านไปเดี๋ยวนี้เลย แล้วอย่าได้เข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้อีก” “ไม่นะคะคุณปู่ อย่าไล่คุณพ่อ น้องปิ่นอยากให้คุณพ่ออยู่กับเราที่นี่ นะคะคุณปู่” “แต่ว่าคุณพ่อทำตัวไม่ดีกับน้องปิ่นนะ” “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่โกรธคุณพ่อ” “คือปู่ไม่อยากเห็นน้องปิ่นเสียใจ” “นะคะคุณปู่”เด็กหญิงรีบเช็ดน้ำตาออกแล้วขอร้องผู้เป็นปู่อย่างน่าเห็นใจ “ก็ได้ แต่ถ้าพ่อเขาทำอะไรหนูปิ่นหรือดุหนูปิ่นอีกให้มาฟ้องปู่นะ เดี๋ยวปู่จัดการให้”ท้ายที่สุดคนเป็นปู่ก็ยอมหลานสาวแบบไม่เต็มใจ “ค่ะ” “น้องปิ่นคะกลับมานั่งทานข้าวให้เสร็จ” “น้องปิ่นอิ่มแล้วค่ะคุณแม่” “จะอิ่มได้ไงหนูเพิ่งทานไปได้ไม่กี่คำเอง” “น้องปิ่นไม่อยากทานแล้ว” “ไม่อยากทานก็ต้องทาน เพราะจะหิวตอนดึก” “เด็กมันไม่อยากทานจะไปบังคับทำไมให้เปลืองน้ำลาย” “ถ้าไม่อยากเป็นพ่อคนก็ไม่ต้องมายุ่งกับการเลี้ยงลูกของฉัน” “ผมไม่ได้อยากยุ่งนักหรอก แต่เด็กมันงอแงแล้วน่ารำคาญ” “คุณไม่เคยเป็นเด็กมาก่อนรึไงถึงไม่เข้าใจธรรมชาติของเด็ก” “คุณแม่ขา น้องปิ่นทานข้าวก็ได้”ด้วยความที่เด็กหญิงต้องการให้ผู้เป็นพ่อและแม่หยุดทะเลาะกันจึงยอมกลับไปนั่งทานข้าวแต่โดยดี “เห็นมั้ย คุณต้องขอบคุณผม” “สรุปแกจะทานข้าวมั้ย ถ้าไม่ทานก็ออกไป” “ทีแรกก็ตั้งใจกลับมาทานข้าวที่บ้านแหละ แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะทานข้าว”พูดจบชายหนุ่มก็เดินขึ้นไปยังชั้นบนแล้วเข้าไปยังห้องตัวเองซึ่งไม่มีคนอาศัยมาหลายปีแล้ว แต่ภายในห้องยังคงมีรูปภาพของเด็กหญิงตั้งไว้ และเขาก็หยิบมันขึ้นมาดูอย่างพิจารณา จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบอัลบั้มรูปภาพที่เก็บไว้อย่างดีออกมาจากตู้เซฟ “มันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”ชายหนุ่มเทียบรูปภาพเก่าซึ่งเป็นภาพของน้องสาวที่จากไปกับรูปภาพใหม่ ซึ่งเป็นรูปของลูกสาวด้วยความตะลึงในความเหมือนกันของเด็กทั้งสองอย่างเหลือเชื่อ และนั่นก็ทำให้เขานึกย้อนกลับไปในอดีต 30ปีก่อน..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม