ณ ห้องประชุม
“ท่านประธานคะ มีสายโทรเข้าจากบ้านท่านประทานค่ะ”
“บอกพวกเขาว่าผมกำลังประชุมใหญ่อยู่และอย่าเข้ามารบกวนเวลาประชุมอีก เสร็จจากประชุมเดี๋ยวผมจะโทรกลับเอง”
“ดิฉันแจ้งไปแล้วค่ะว่าเช้านี้มีประชุมใหญ่ แต่พวกเขาบอกว่ามีเหตุจะแจ้งให้ท่านประธานโดยด่วน”
“บอกพวกเขาไปว่าถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายก็รอไปก่อน เพราะผมต้องรีบประชุมกันให้เสร็จก่อนเที่ยง”ชายสูงวัยที่ใครๆต่างเกรงกลัวในอำนาจและบารมีแสดงท่าทีไม่พอใจเมื่อการประชุมสำคัญถูกรบกวน
“ค่ะๆ”หญิงสาวซึ่งเป็นพนักงานประจำรีบก้มหัวแล้วเดินจากห้องประชุมไปเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกตำหนิด้วยสายตา และไม่นานหญิงสาวก็กลับเข้ามายังห้องประชุมอีกครั้งด้วยท่าทีกล้าๆกลัว
“นี่เธออยากโดนไล่ออกรึยังไงถึงคุยไม่รู้เรื่อง”
“ทางโน้นแจ้งมาว่าหลานสาวท่านประธานเกิดอุบัติเหตุซึ่งตอนนี้กำลังถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลค่ะ”
“ยกเลิกประชุมด่วน!”ชายสูงวัยในชุดสูทรีบลุกจากเก้าอีกด้วยสีหน้าไม่สู้ดีท่ามกลางห้องประชุมซึ่งมีแต่บุคคลสำคัญ
…
ณ โรงพยาบาล
“แม่ครับมันจะไม่เกิดขึ้นอีกใช่มั้ย”ชายหนุมโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ด้วยความกลัว
“ไม่ น้องปิ่นต้องไม่เป็นอะไร”
“แม่ครับ ผมเสียใจ”
“แม่รู้ว่าโปรดไม่ได้ตั้งใจ และแม่อยากให้โปรดจำเหตุการณ์ในครั้งนี้ให้ขึ้นใจ ชีวิตคนเรามันไม่แน่ไม่นอนดังนั้นก็ทำดีกับคนที่รักเข้าไว้ก่อนที่จะไม่มีโอกาสนั้นอีก”
“ครับแม่”
“แม่ดูออกนะว่าโปรดเองก็รักน้องปิ่นไม่แพ้ใคร ไม่งั้นคงไม่กลับบ้านช่วงที่น้องปิ่นอยู่หรอกใช่มั้ย”ถึงแม้ใครๆต่างเข้าใจว่าชายหนุ่มไม่ยอมรับลูกสาว แต่ผู้เป็นแม่ที่รู้จักลูกชายตัวเองเป็นอย่างดีกลับเห็นต่างจากคนอื่น
“มีแต่แม่ที่เข้าใจโปรด”แม้ชายหนุ่มชอบทำเมินใส่ลูกสาวเพื่อต้องการให้แม่ของลูกเจ็บช้ำใจแต่คนที่ช้ำใจมากที่สุดกลับเป็นเขาเอง
“แม่ไม่รู้หรอกนะว่าโปรดมีปัญหาอะไรกับหนูแพท แต่น้องปิ่นไม่ควรเป็นเครื่องมือรองรับอารมณ์ของใคร”ผู้เป็นแม่เตือนสติลูกชายเพราะเธอเองก็ไม่ต้องการเห็นจุดจบที่ไม่ดีของลูกชาย
“ครับแม่”
….
หน้าห้องฉุกเฉิน
“หนูแพทน้องปิ่นเป็นยังไงบ้าง น้องปิ่นไม่ได้เป็นอะไรมากใช้มั้ย”ทันทีที่ชายสูงวัยเจอลูกสะใภ้ก็ดิ่งตรงเข้าไปหาด้วยท่าทีกระวนกระวาย
“ใจเย็นๆนะคะคุณพ่อ แพทเองก็ไม่รู้จะตอบคำถามคุณพ่อยังไงเพราะยังไม่ได้เจอหมอเลย”
“แล้วไอ่ตัวปัญหามันอยู่ไหน ทำไมถึงไม่โผล่หัวมา”
“คุณไม่ควรใช้คำพูดแบบนั้นนะ เกิดลูกมาได้ยินเข้าเขาจะรู้สึกยังไง”หญิงสูงที่เพิ่งออกไปพบลูกชายมาแสดงความความปกป้องลูกในฐานะแม่
“คนไร้ความรู้สึกอย่างมันคงไม่สะทกสะท้านกับคำพูดแค่นี้หรอก ขนาดหลานเราซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของมัน มันยังทำได้ลงคอ นี่ถ้าหลานเป็นอะไรไปนะผมนี่แหละจะส่งมันเข้าคุก”
“คุณพ่อจะส่งผมเข้าคุกตอนนี้เลยก็ได้นะครับ ผมยินดี”
“เพี้ย!”ผู้เป็นพ่อตบหน้าลูกชายด้วยความโมโห
“คุณคะ นี่มันโรงพยาบาลนะ”
“ก็เพราะเป็นโรงพยาบาลไงผมถึงทำได้แค่นี้ไม่งั้นมันได้หัวแตกแน่”
“คุณพ่อจะทำแบบนั้นก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะออกไปรอข้างนอกโรงพยาบาล”
“นี่แกท้าฉันหรอ?”
“โปรด อย่าทำแบบนั้น”ผู้เป็นแม่ห้ามลูกชายเพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่
“แม่ไม่ต้องห้ามโปรดหรอก”พูดจบชายหนุ่มก็เตรียมเดินออกไป แต่แล้วหมอก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน
“หมอ หลานสาวผมเป็นยังไงบ้าง”ชายสูงวัยปรี่ตัวเข้าหาหมอด้วยความที่เป็นห่วงหลานสาว
“เลือดออกตรงบริเวณศีรษะเยอะพอสมควร แต่หมอห้ามเลือดเอาไว้ได้แล้ว ดังนั้นหมอจะส่งตัวคนไข้ไปยังห้องพักฟื้นต่อนะครับ ส่วนระยะเวลาในการพักฟื้นมันขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้ ทั้งนี้หมอขอความร่วมมือญาติๆช่วยกันดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดและพยายามอย่าให้คนไข้ได้รับรู้อะไรที่มันกระทบจิตใจเพราะหลังจากคนไข้ฟื้นแล้วอาจจะมีอาการสับสนแล้วก็ปวดศีรษะเป็นระยะๆ
“ครับหมอ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวไปพักก่อนนะครับ”
ทันทีที่หมอเดินจากไปสถานการณ์วุ่นวายก็เริ่มสงบลง
“ได้ยินที่หมอพูดแล้วใช่มั้ย แม่หวังว่าทุกคนเข้าใจตรงกันนะ ถ้าจะทะเลาะกันก็รอให้น้องปิ่นหายดีก่อน”