บทที่ 1 สหายที่รัก
บทที่ 1
สหายที่รัก
สตรีตัวน้อยเดินทักทายผู้คนอย่างร่าเริง สองเท้าเล็กมุ่งหน้าตรงไปยังจวนสกุลหลัน เพื่อร่วมงานวันคล้ายวันเกิดของหลันหลี่น่า สหายคนสนิทของนาง แม้งานจะเริ่มในช่วงพลบค่ำ หากทว่าฟางจื่อลู่ผู้นี้ต้องการที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับสหายรักผู้นี้
เมื่อสาวใช้เห็นนางก็ปล่อยให้เข้ามา เนื่องจากเป็นสหายของคุณหนูสกุลหลัน ซึ่งไปมาหาสู่กันเมื่อครั้นวัยเยาว์กว่านี้ ฟางจื่อลู่เดินเข้ามาโดยทันที
…ท่านพี่หยวนมาถึงก่อนข้าอีกหรือ?...
ดวงตาคู่งามเป็นประกายความสุข เมื่อเห็นบุรุษซึ่งตนชอบพอมาสองปีเต็ม สตรีตัวน้อยเตรียมที่จะวิ่งไปหาหลันหลี่น่าและเหวินหยวน หากแต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้ขาทั้งสองข้างของนางหนักอึ้งมิต่างจากหิน
เหวินหยวนและหลันหลี่น่า สองผู้คนที่นางรักยิ่งกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม ร่างกายแนบชิดกันเสียจนแทบจะสิงร่างอีกฝ่าย หัวใจดวงน้อยเจ็บแปลบคล้ายกับถูกทิ่มแทงด้วยเข็มนับพันนับหมื่นเล่ม แม้แต่ลมหายใจยังแทบมิอาจสูดให้ทั่วปอดได้
ไม่ว่าจะกระพริบตาเสียกี่ครา สิ่งที่นางเห็นตรงหน้ายังคงเป็นภาพของบุรุษที่นางตกหลุมรัก และสหายสุดที่รักของนางกำลังจูบกันปานจะกลืนกิน
ฝ่ามือเล็กยื่นคว้าหยกบันทึกเรื่องราวออกมาจากอก ก่อนจะยื่นไปด้านหน้า เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ยามนี้
หากหัวใจของนางซ่อมแซมตนเองจนหายดีแล้ว นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อนางฉายภาพจากหยกบันทึกภาพชิ้นนี้ ภาพที่ฉายอาจจะเปลี่ยนแปลงไป นั่นหมายความว่าสิ่งที่นางเห็นยามนี้เป็นภาพลวงตา
ฟางจื่อลู่พาร่างกายอันหนักอึ้งมิต่างจากหินออกมาจากตรงนั้น กระทั่งมาถึงจวนสกุลฟางตั้งแต่เมื่อใดนางมิอาจรู้
“ลูลู่ เหตุใดจึงกลับมาเร็วนัก”
อิสตรีวัยออกเรือนเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าฟางจื่อลู่เดินกลับมาเร็วนัก ทั้งที่ตอนออกไปนางกระตือรือร้นจนเกินไปเสียด้วยซ้ำ
“ลูลู่ ฟางจื่อลู่”
เมื่อเห็นว่าน้องเล็กของตนยืนเหม่อลอย จึงเอ่ยเรียกซ้ำ ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดคือดวงตาคู่งามแดงก่ำ ราวกับกำลังอดทนที่จะมิร่ำไห้ต่อหน้านาง
“เกิดสิ่งใดขึ้น!?”
“ข้ารู้สึกเหมือนไม่สบายเลยท่านพี่”
“เช่นนั้นหรือ เดี๋ยวข้าเรียกหมอให้”
แม้ฟางหวงลู่จะรู้สึกว่านี่มิใช่ว่าน้องเล็กของนางรู้สึกไม่สบาย แต่จะต้องมีสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นแน่
“ไม่... ข้าอยากนอนพักสักหน่อย ท่านพี่อย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้านะเจ้าคะ”
เอ่ยเพียงเท่านั้นก็เดินตรงไปที่ห้องนอนของตนเอง ฟางหวงลู่ได้แต่มองนางด้วยความเป็นห่วง
...หรือว่าจะทะเลาะกับนาน่า?...
ผู้มิรู้สิ่งใดได้แต่คาดเดาเพียงเท่านั้น...
หลายวันต่อมา ฟางจื่อลู่พยายามหลบหน้าคนทั้งสอง หัวใจของนางเปราะบางมิอาจลบภาพนั้นออกไปได้ จะให้นางถามออกไปนางก็ขี้ขลาดเหลือเกิน
กระทั่งในคืนวันหนึ่งนางตัดสินใจตอบรับคำเชิญร่วมงานเลี้ยงชุดนอนของหลันหลี่น่า งานเลี้ยงที่นางเคยชื่นชอบนักหนาเพราะเป็นงานเลี้ยงที่อิสตรีในวัยเดียวกันสวมใส่ชุดนอน เพื่อโอ้อวดกันและกัน และพูดคุยในเรื่องของอิสตรีตลอดทั้งคืน ในงานเลี้ยงนี้นางเคยเผยความในใจกับสหาย ว่านางนั้นมีใจคิดไม่ซื่อกับเหวินหยวน
สตรีตัวน้อยสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตน มิใช่เวลามาคิดสิ่งใดไร้สาระเช่นนี้ วันนี้นางมาเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดกับสหายรักผู้นี้
“เจ้ามาแล้วหรือ!” หลันหลี่น่าวิ่งมาหาฟางจื่อลู่อย่างดีอกดีใจ สองมือจับฝ่ามือขาวผ่องของสหายรักที่หลบหน้านางมาหลายวัน “ข้าดีใจเหลือเกินที่เจ้ามา ช่วงนี้เจ้ามีเรื่องไม่สบายใจหรือ ท่านพี่เหวินหยวนเป็นห่วงเจ้ามากนะ”
เห็นท่าทางของสหายรักแล้วนางก็ได้แต่เจ็บแปลบอยู่ในหัวใจ หากเปิดเผยแล้วกลายเป็นว่ามันคือเรื่องเข้าใจผิดกัน ฟางจื่อลู่ก็รู้สึกผิดขึ้นมาแล้ว หากทว่านางมีหยกบันทึกภาพเป็นหลักฐาน
“ยังไม่มีผู้ใดมาหรือ?”
“ข้ามิได้เชิญผู้ใด ข้าเชิญแต่เจ้า”
“…!?”
“ช่วงนี้ข้ารู้สึกว่าเจ้าหลบหน้าข้ากับพี่เหวินหยวน ข้าคิดไปเองหรือเปล่า…” หลันหลี่น่าช้อนดวงตามองฟางจื่อลู่ด้วยแววตาเศร้าสร้อย
...นี่เป็นโอกาสให้ข้าได้เอ่ยถามหรือเปล่านะ หากไม่เอ่ยถามหนนี้ ก็ไม่รู้ว่าข้าจะรวบรวมความกล้าได้หนใดอีก...
“นาน่า... หากบุรุษและสตรีอยู่ด้วยกัน แล้วกดจูบกันโดยไม่ขัดขืน นั่นหมายถึงสิ่งใดหรือ?”
“ตายแล้ว เจ้าไปเห็นสิ่งใดมา รีบเล่าให้ข้าฟังเร็ว!”
“เอ่อ ข้า... บังเอิญไปเห็นแล้วอยากรู้น่ะ”
“เรื่องเช่นนี้แม้ข้าไม่มีประสบการณ์ แต่ข้าอ่านนิยายมามาก ร้อยทั้งร้อยทั้งสองต่างมีใจให้กันแน่นอน หากไม่มีใจต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผลักออก เจ้าคงมิได้เห็นพวกเขาจูบกันหรอก”
“เช่นนั้น... เจ้ากับท่านพี่หยวนชอบพอกันหรือไม่?” ฟางจื่อลู่ตัดสินใจเอ่ยถ้อยคำนี้ออกไป ทันทีที่นางเอ่ยรู้สึกได้ว่าแววตาของสหายรักวูบไหวอยู่ครู่หนึ่ง ฟางจื่อลู่มิใช่ผู้โง่เขลาจึงมองออกในทันที
...ที่แท้ มีแต่ข้าที่โง่งมมาโดยตลอด...
“ลูลู่ เรื่องนี้น่ะ...”
“ข้ามิได้จะโทษเจ้า ข้าแค่ ข้า... แค่อยากให้เจ้าบอกข้าสักนิด อย่างน้อยเราจะได้แข่งขันกันอย่างเป็นธรรม...”
“ข้า... ขอโทษ ข้าเองก็มีใจให้กับพี่หยวน หากแต่เจ้าเอ่ยมาก่อนเช่นนั้นข้าจึงทำสิ่งใดมิได้ แต่แล้ววันหนึ่งพี่หยวนกลับมาบอกว่าชอบพอในตัวข้า ข้าจึงหลงลืมไปชั่วครู่... ข้าผิดเอง”
“ไม่หรอก เจ้าไม่ผิด...”
“เอาเถิด วันนี้เรามาพูดคุยกัน ดื่มนมอุ่นเพื่อคลายความเข้าใจผิดกัน ผลัดกันถามผลัดกันตอบเป็นเช่นไร”
“อืม...”
แล้วอิสตรีสหายรักทั้งสองก็ใช้ช่วงเวลาร่วมกันเพื่อคลายความเข้าใจผิด ถึงแม้ว่าจะปวดใจอยู่บ้าง หากแต่ผู้คนอันเป็นที่รักของนางต่างชอบพอกัน มีเหตุอันใดให้นางต้องขัดขวางด้วย ได้แต่ยินดีให้คนทั้งคู่ หากแต่นางเป็นมนุษย์ผู้มีความรู้สึก หลังจากนี้คงต้องเว้นระยะห่างจากเหวินหยวนและหลันหลี่น่า
ยามนั้นเองนางรู้สึกวิงเวียนศีรษะเสียจนแทบทรงตัวไม่อยู่ ดวงตาคู่งามพยายามเพ่งพินิจภาพตรงหน้า แวบหนึ่งเห็นรอยยิ้มซ่อนความร้ายกาจของสหายรักและคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้อง ในที่สุดสติของนางก็ดับไป