สริตาบรรจงพับเสื้อตัวสุดท้ายของตนเองลงในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ และเมื่อวางมันลงซ้อนทับกับเสื้อผ้าก่อนหน้าที่เธอค่อยๆ ทะยอยเก็บมาตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วเธอก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะเงยหน้าจากกองสมบัติของตนเองแล้วเบือนหน้าไปมองรูมเมทของเธอซึ่งนั่งอยู่เตียงถัดไป
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้จนได้”
หญิงสาวเอ่ยคคล้ายกับจะรำพัน ส่งผลให้เพื่อนร่วมห้องเงยหน้ามองเธอก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างส่งให้พร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักรับ
“ฉันก็เหมือนกัน”
แล้วสริตาก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม เมื่อความดีใจและภาคภูมิใจที่เธอกักเก็บเอาไว้มาตั้งแต่เมื่อเช้าหลังจากที่เห็นผลประกาศแล้วว่าเธอเรียนจบแล้วนั้นก็ระเบิดออกมา เธอกระโดดลงจากเตียงแล้วโผไปยังเตียงของเพื่อนสนิทพร้อมกับตะโกนเสียงดังอย่างร่าเริง
“ในที่สุดเราก็เรียนจบแล้วนะเชอรี่!”
หญิงสาวกอดคอเพื่อนสนิทซึ่งหัวเราะกับท่าทางดีใจเกินกว่าเหตุของเธอ ขณะที่เชอรี่หรือ ‘เชอริแดน’ ก็ตอบรับทั้งๆ ที่หัวเราะไปกับสริตาด้วย
“ใช่!”
สริตาล้มตัวลงนอนข้างๆ เชอริแดน ขณะที่อีกคนก็ง่วนเก็บของลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เช่นเดียวกัน แล้วหญิงสาวก็ชูมือขึ้นทำท่าชกอากาศอย่างดีอกดีใจ ขณะที่ขบฟันพลางแค่นเสียงพูดออกมาว่า
“และที่สำคัญกว่านั้น ฉันก็จะหลุดพ้นจากอำนาจของ อีตาลุงนั่นเสียที!”
แล้วคนฟังก็รู้ดีว่า ‘อีตาลุง’ นั่นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ปกครองและผู้จัดการมรดกนับหมื่นล้านเหรียญของสริตานั่นเอง
ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อนที่สริตาสูญเสียคนในครอบครัว เพื่อนสนิทของเชอริแดนก็เสียศูนย์ไปพักใหญ่ ช่วงนั้นเธอห้ามปรามอย่างไรสริตาก็ไม่ยอมฟัง เอาแต่เที่ยวกลางคืนจนเธอเองยังหวั่นใจแต่สุดท้ายในค่ำคืนหนึ่ง เธอก็ได้ยินว่าแอชตันไปอาละวาดที่ปาร์ตี้ของสริตา หลังจากนั้นคุณหนูจากตระกูลพาวเวลล์ก็โดนผู้ปกครองดัดหลังอย่างเจ็บแสบ เขาขายอพาร์ทเม้นต์ที่เธออยู่แล้วย้ายเธอเข้ามาอยู่หอพักขนาดเล็กไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยพร้อมกับขอให้เชอริแดนมาอยู่เป็นเพื่อนกับสริตาโดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้ เขาบีบให้สริตาต้องยอมจำนนด้วยการตัดค่าใช้จ่ายของหญิงสาวให้เหลือแต่พออยู่ได้ชนเดือนเท่านั้น ระงับบัตรเครดิตของหญิงสาวทุกใบ และอะไรที่มีราคาเกินห้าร้อยเหรียญ สริตาต้องไปขอเงินจากแอชตันเองโดยตรง ทำให้ตอนแรกเพื่อนสนิทของเธอโกรธเคืองเสียจนไม่ยอมพูดกับแอชตันซึ่งแวะมาเยี่ยมอยู่สม่ำเสมอนานหลายเดือน แต่ใช่ว่าตอนนี้สริตาจะพูดดีกับแอชตัน เพราะเธอยังโกรธเคืองเขาอยู่และมักประนามถึงความเผด็จการของชายหนุ่มให้เธอฟังทุกๆ สามวันห้าวันด้วยความโกรธเคืองที่ไม่จางหายแม้แต่น้อย
และเป็นความโกรธที่เชอริแดนไม่เคยรู้สาเหตุเลยสักครั้งเดียว!
“มิสเตอร์แอดดิสันออกจะหล่อแล้วก็ดูดีมาก” เชอริแดนคัดค้านเพื่อนสนิท “ฉันไม่เห็นว่าเขาจะเหมือนลุงตรงไหนเลย”
สริตาได้ยินอย่างนั้นก็เบ้ปาก คิดถึงความใจร้ายของคนที่มักจะสร้างภาพว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษผู้ทรงเสน่ห์แล้วก็อยากจะอ้วกออกมาทุกครั้งที่ใครพูดว่าแอชตัน แอดดิสันใจดี
“เขามันคนชั่วร้าย เป็นจอมมารในคราบเจ้าชาย! ฉันเคยบอกเธอแล้วนะเชอริแดน” สริตาเถียงเพื่อนออกมาจนได้
“จ้า...” เชอริแดนลากเสียงยาวอย่างไม่เชื่อสักนิด “แต่ฉันก็ไม่เชื่ออยู่ดี เธอใส่ร้ายเขามากเกินไปเพราะเธอเกลียดเขาน่ะสิ”
คราวนี้สริตาผุดลุกขึ้นมานั่ง แล้วจ้องมองเพื่อนสนิทพลางทำหน้ามุ่ยอย่างขัดใจที่เพื่อนไม่เข้าข้าง
“เธอก็เห็นว่าเขาทารุณฉันขนาดไหนตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา! เธอยังกล้าทรยศฉันเพราะหน้าตากับชื่อเสียงของเจ้าชายทรงเสน่ห์จอมปลอมอย่างนั้น”
เธอต่อว่าเพื่อนด้วยความรู้สึกงอน น้อยใจแล้วก็โกรธที่ไม่ว่าอย่างไรเชอริแดนก็มักจะเข้าข้างแอชตันอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่เห็นว่าผู้ชายคนนั้นทำอะไรกับเธอบ้าง
เขาขายอพาร์ทเม้นต์ของเธอ! ไล่เธอมาอยู่ห้องรูหนูแต่อันนี้ให้อภัยได้เพราะเธอได้อยู่กับเชอริแดน แต่เขาระงับบัตรเครดิตของเธอ! ยึดรถของเธอ! ตัดเงินเดือนที่เธอควรจะได้มากกว่าเดือนละสามพันเหรียญ! ห้ามเธอไปทำงานพิเศษ ห้ามเธอไปเที่ยว! ห้ามอยู่ในงานปาร์ตี้เกินเที่ยงคืน และถ้าเธอไม่ไปเรียนเขาก็จะส่งคนของเขามาลากเธอให้เข้าเรียน! และอีกสารพัดอย่างที่ผู้ชายคนนั้นทำกับเธอ!
ยิ่งคิดสริตาก็ยิ่งปวดหัวจี๊ดจนอยากจะวางยาพิษคนที่คิดถึงเลยทีเดียว!
“เธออคติเกินไป!”
เชอริแดนยังคงแก้ตัวให้แอชตันอย่างต่อเนื่อง ก็จะไม่ทำไมละ ในเมื่อเธอรู้อะไรดีๆ ลับหลังที่ชายหนุ่มทำโดยที่เพื่อนสนิทไม่เคยรับรู้หรือเปิดใจมองเลยแม้แต่น้อย
ผู้ชายอย่างแอชตัน ไม่จำเป็นต้องใส่ใจสริตาขนาดนี้ก็ได้ แต่เขาก็ทำทุกอย่างเพื่อหญิงสาว แม้จะเป็นวิธีการที่ออกจะรุนแรงไปหน่อย ทว่าอันที่จริงมันออกจะตลกขบขันเสียด้วยซ้ำไปในความคิดของเธอ มีแต่ยายซีคนเดียวนี่แหละที่มองว่าเป็นเรื่องโหดร้ายทารุณ ทั้งๆ ที่มันคือความห่วงใยแท้ๆ...
คงมีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่มองไม่ออกว่าแอชตัน แอดดิสันรู้สึกอย่างไร...