ตอนที่ 7
รักหรือไม่?
เสียงบางอย่างจากกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ท้ายเรือนไกลห่างออกไปดังอยู่เนิ่นนานก่อนจะซาลง ร่างของไอ้เหลืองกับไอ้เจิด เดินออกมาด้านนอก พร้อมบอกกับผู้เป็นนายทั้งสองที่ทำสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ก่อนแล้ว
"ไอ้สองตัวนี้ มันไม่ได้รับใช้ไอ้จเรนานแล้ว ตั้งแต่ไอ้จเรโดนจับติดคุกครานั้น ทั้งเรือนครอบที่พังทลายลง ตอนนี้พวกมันทั้งคู่ก็ไปทำมาหากินอยู่ฝั่งพม่าเพิ่งจะกลับมายังอีสานใต้ ข้าทรมานมันเต็มที่แล้วมันไม่รู้เรื่องเลยนะครับนาย"
ไอ้เหลือง ผู้ฝึกปรือวิชาเสือสมิงบอกกับผู้เป็นนาย นายฮ้อยเพลิงกับพ่อครูไกรศรพยักหน้ารับทราบ
กระนั้น ไกรศร ก็มิวายเดินเข้าไปในกระท่อมที่มี สองร่างถูกผูกอยู่ในนั้น สีหน้าของมันอิดโรยและหวาดกลัวยิ่ง แต่เมื่อนึกถึงวีรกรรมที่มันทั้งสองเคยทำเขาก็ไม่คิดจะสงสารมันแต่อย่างใด
"พ่อครู ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถิดข้าไม่รู้เรื่องจเรจริงๆถึงจะฆ่าข้าให้ตายก็ไม่มีประโยชน์อันใด"
มันผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นระริกอย่างหวาดกลัว กาลเวลาผ่านไปทั้งพ่อครูไกรศรและนายฮ้อยเพลิง ต่างเปี่ยมด้วยอำนาจและบารมีทั้งวิชาอาคมที่แก่กล้า ชวนน่าเกรงขามยิ่งนัก
"พวกมึงรู้จักกลัวตายด้วยรึ? แล้วใยตอนนี้มึงถึงทิ้งนายใหญ่ของมึงอย่างไอ้จเรเสียเล่า"
ไกรศรแค่นเสียงสูงมองพวกมันทั้งคู่อย่างสมเพช
"จเรมันไม่ใช่คนเดิมแล้วพ่อครู มันละทิ้งทุกสิ่งที่เคยทำทั้งมนต์ดำต่างๆ ข้าไม่แน่ใจว่าทำไมมันเปลี่ยนไปเช่นนั้น แต่ข้าก็ไม่เคยพบเห็นมันอีกเลย นับตั้งแต่มันโดนจับติดคุกครานั้น"
"ปล่อยพวกข้าไปเถอะพ่อครู พวกข้าสัญญาว่าจะไม่มายุ่งวุ่นวายอะไรกับท่านอีกต่อไป ได้โปรดอโหสิกรรมให้ข้าด้วยเถอะในเรื่องที่ผ่านมา"
ไกรศร ผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย พร้อมกับพ่นควันยาสูบที่ลอยโขมงหลังสูบเข้าไปจนเต็มปอด
"กูจะปล่อยมึงทั้งสองไปก็ได้ ...หากมึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับมันที่เป็นประโยชน์สำหรับกู"
.
.
"ดีขึ้นแล้วรึการะเกด?"
ไกรศร เอ่ยถาม เมื่อเห็นหลานสาวยกขันน้ำฝนลอยดอกมะลิมาให้หลังจากกลับจากกระท่อมเล็กแล้วเดินเข้ามาในบ้าน ส่วนนายฮ้อยเพลิงขอตัวไปดูโขลงช้างที่อยู่ท้ายเรือนริมแม่น้ำมูล
"ดีขึ้นแล้วจ้ะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากพอได้นอนพักผ่อนแล้วอาบน้ำท่าก็ดีขึ้นเยอะเลย น้ำมนต์ของตาดีมากๆหนูรู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะเลยจ้ะ"
การะเกด ย่อกายตรงนั่งตรงข้ามผู้เป็นตา ทว่าก็ยังคงเปรยตามองไปยังกระท่อมท้ายเรือนที่อยู่ไกลๆ พอจะรู้ว่าพ่อกับตาของตนให้ลูกน้องจับคนมาทำอะไรบางอย่าง และน่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ชายที่ชื่อ จเร คนนั้น
"ก็ดีแล้ว ช่วงนี้อย่าเพิ่งออกไปไหนอยู่แต่ในเรือนก่อน ตาขอจัดการอะไรหลายอย่างให้เรียบร้อยก่อน"
"ตาพอจะเล่าเรื่องของจเรให้หนูฟังหน่อยได้ไหมจ้ะ ได้โปรดเถิดหนูอยากทราบเรื่องของผู้ชายคนนั้นจริงๆ"
หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อนและมองผู้เป็นตาอย่างอ้อนวอน
ไกรศรชะงักอยู่เพียงครู่ ก่อนจะผ่อนหายใจออกมา แม้เขาจะยังไม่อยากเล่าเรื่องราวอะไรมากมายเกี่ยวกับไอ้เลวนั่น ให้หลานสาวฟังมากนัก แต่ก็รู้ว่าคนอย่างการะเกดคงไม่ยอมเลิกราที่จะรู้ง่ายๆ
ยิ่งเรื่องราวพัวพันมาถึงขนาดนี้แล้วอย่างไรเสียการเล่าให้ฟังโดยกระจ่างแจ้งน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
"จเร เป็นเด็กกำพร้าที่ลุงของตาเก็บมาเลี้ยง ก่อนหน้านั้นตาเองก็รักมันเหมือนน้องคนนึง แต่หลังจากที่มันฝึกปรือวิชามนต์ไสยเวทย์ดำ และเดินสายทางนั้นอย่างเต็มตัว เราก็ตัดขาดกัน"
ไกรศร เริ่มเล่า เรื่องราวของจเร ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และเอ่ยถึงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเขาและจเร ตอนช่วงชิงจิตบริสุทธิ์ แล้วเขาได้ฝังกระสุนลงอาคมยังร่างของไอ้หมอผีนั่น และคิดว่ามันคงตายไปแล้ว
การะเกดฟังที่ตาของตนเล่าอย่างตั้งใจและตื่นเต้น ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายคนนี้ครั้งหนึ่งเคยติดตาม จำปาและธารทิพย์ มาตลอด หากเช่นนั้นจุดประสงค์ของชายผู้นี้คือต้องการจะทำร้ายเธอดั่งเช่นที่ผ่านมา
"ถ้างั้นที่ตาบอกว่าหนูจำเป็นต้องแต่งงานกับกำนันสิงห์ เพื่อให้หนูปลอดภัยจากคนพวกนี้ หมายถึงปลอดภัยจากผู้ชายที่ชื่อจเรนี่ใช่ไหมจ้ะ"
ไกรศร นิ่งเงียบอีกครั้ง ด้วยเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าจเรมีส่วนร่วมในคำทำนายของแผ่นศิลาเกี่ยวกับจิตบริสุทธิ์ข้ามภพหรือไม่?
อีกทั้งที่ผ่านมาเขาไม่เห็นว่าไอ้หมอนั่นมันจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีเพียงพวกเครือข่ายลูกศิษย์ลูกหาของไอ้ผรู่ข่ายหมอผีพม่าที่ว่ากันว่าต้องการเลือดของหญิงข้ามภพจิตบริสุทธิ์เพื่อทำพิธีกรรมอะไรบางอย่างของมัน
และเขาเองก็ยังตอบคำถามนี้ให้กับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
"เป็นคำบอกของหมอสรวง และตาคิดว่าสิ่งนั้นจะทำให้หลานปลอดภัยที่สุด แต่ตอนนี้ตาไม่คิดจะบังคับจิตใจของหลาน หากเจ้าไม่ต้องการแต่งงานกับกำนันสิงห์ ตาก็ไม่คิดจะห้ามแต่อย่างใด"
พอจะเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของหลานสาวและสีหน้าเศร้าสร้อยของว่าที่ลูกเขยที่ลงจากเรือนไปเมื่อวันก่อน และไกรศรก็เดาเหตุการณ์ได้ไม่ยากนัก
"หนูเองยังไม่อยากแต่งจ๊ะ หนูบอกพี่สิงห์ไปแล้วแต่เหมือนพี่สิงห์เขาจะรอและให้โอกาสหนูได้สะสางเรื่องต่างๆและจิตใจสงบกว่านี้ก่อน"
การะเกดเอ่ยบอกผู้เป็นตาตามตรง ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโตเธอมีอะไรจะเล่าให้พ่อครูไกรศรฟังเสมออย่างไม่ปิดบัง ด้วยเธอถูกเลี้ยงดูจากแม่ธารทิพย์แบบสมัยใหม่ ไม่ใช่เด็กสาวชนบทที่หัวโบราณต้องเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้และเก็บกดอารมณ์ไว้ในใจ
หากมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลหรือรู้สึกติดค้างในใจเธอจะรีบเล่าให้กับผู้ปกครองทั้งคู่ได้รับทราบอยู่เสมอ
"ตาขอโทษที่ทำให้หนูต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้"
ไกรศรบีบมือเข้าหากันแน่น ขณะมองหน้าสวยผุดผาดของหลานสาว "ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหนตาจะควานหามันแต่เอามันมากระทืบให้ตายคาตีนให้ได้"
"ขอบคุณตามากจ้ะ หนูสัญญาจะเข้มแข็งและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี"
ไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาร้องไห้คร่ำครวญกับสิ่งที่เสียไปแล้ว ตอนนี้มีสิ่งสำคัญที่ต้องทำมากกว่านั้น
"ว่าแต่....หนูยังรักกำนันสิงห์อยู่ใช่ไหม?"
คำถามของผู้เป็นตาทำให้การะเกดชะงักเล็กน้อย
รัก หรือไม่? เธอไม่แน่ใจในตัวเองเลย ด้วยที่ผ่านมาเธอคิดกับกำนันสิงห์เหมือนพี่ชายมาตลอด แม้ความอบอุ่นมากมายที่อีกฝ่ายแสดงออกกับเธออย่างล้นเหลือนั้น จะทำให้รู้สึกดีในใจ
ทว่า การะเกด ก็รู้ดีว่าความรู้สึกที่ผ่านมานั้น
ไม่ใช่ความรักแบบหญิงสาวมีให้ชายหนุ่มฉันคนรัก
*************