หวานจนเบลอ...เพราะเธอคนเดียว

1851 คำ
ตอนที่ 10 สายลมแห่งรักพัดพาความรู้สึกดีๆ ให้ก่อตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วระหว่างเมญาดาและชัชชนน์ ทุกเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน ถักทอความผูกพันจนลึกซึ้งและแปรเปลี่ยนเป็นความรักที่ยากเกินจะถอน เมญาดามอบความรักและความไว้วางใจให้กับชายหนุ่มผู้เข้ามาช่วยเธอไว้ราวกับอัศวินขี่ม้าขาว เธอเชื่อมั่นในรักครั้งแรกของเธออย่างหมดหัวใจ แล้วในที่สุดทั้งสองก็เดินทางมาจนถึงทะเล ละทิ้งความวุ่นวายทุกอย่าง ปลีกวิเวกมาเที่ยวพักผ่อนกันตามลำพังเพียงสองต่อสอง แสงอาทิตย์ยามสายของวันสาดส่องเป็นสีทองอ่อนละมุน ทาบทอท้องทะเลสีครามให้ระยิบระยับราวกับอัญมณีล้ำค่า เมญาดายืนอยู่ริมฝั่ง ทรายขาวละเอียด ที่ซึ่งร่มเงาของต้นไม้ใหญ่แผ่ปกคลุมลงมาอย่างหนาแน่น ราวกับผืนกำมะหยี่สีเขียวเข้มที่ธรรมชาติบรรจงสร้างสรรค์ ถัดจากนั้นไปไม่ถึงสองร้อยเมตรคือตัวบ้านพักตากอากาศหรูหราของเธอ ถึงแม้แสงอาทิตย์ยามเที่ยงจะเจิดจ้าส่องสว่างไปทั่วบริเวณสักเพียงใด แต่ ณ ที่ที่เธอยืนอยู่กลับเย็นสบาย ปราศจากไอแดดร้อนระอุแม้แต่น้อย ร่มเงาหนาทึบของใบไม้ที่พลิ้วไหวตามสายลม ราวกับเป็นม่านธรรมชาติที่กั้นแสงแดดออกไปจนหมดสิ้น ทำให้พวกเขาเล่นน้ำทะเลใสเย็นได้อย่างสบายอกสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลกับความร้อนแรงของแสงอาทิตย์เลยแม้แต่น้อย เมญาดายิ้มหวานละมุนในอ้อมกอดของชัชชนน์ ความสุขเอ่อล้นอยู่ในดวงตาคู่สวย ก่อนที่หญิงสาวจะปล่อยเสียงหัวเราะสดใสร่าเริ่งออกมา ทั้งคู่วิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนานระหว่างเกลียวคลื่นสีขาวที่ซัดสาดเข้าหาฝั่งอย่างไม่หยุดหย่อน เมญาดามีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ราวกับเด็กน้อยที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ล้ำค่า ชัชชนน์วิ่งไล่ตามคว้าร่างบางของเธอไว้ได้ในที่สุด ก่อนจะโอบกอดเธอไว้อย่างแนบแน่น รอยยิ้มบางๆ แต้มอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาราวกับภาพวาดที่งดงาม ตรึงทุกความรู้สึกของคนในอ้อมกอดให้อยู่ในภวังค์ “ชัชคะ! ญาดารักคุณจังเลย!” เสียงใสราวกับระฆังแก้วกระซิบแผ่วเบาข้างใบหูของชายหนุ่มในอ้อมกอด ราวกับบทเพลงรักที่ขับกล่อม กระโปรงผ้าพลิ้วบางเบาโบกสะบัดตามแรงลมที่พัดมาจากทะเล เผยให้เห็นเรียวขางามเมื่อยามที่เธอเคลื่อนไหว ฟองคลื่นเย็นเฉียบสาดกระเซ็นต้องผ้าคลุมเอวผืนบางที่แนบชิดอยู่กับบิกินีตัวจิ๋วของเธอจนเปียกชุ่ม เผยให้เห็นทรวดทรงองค์เอวที่เย้ายวนสายตา จนชายหนุ่มต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความรู้สึกวาบหวามแล่นริ้วไปทั่วร่างกาย ราวกับกระแสไฟฟ้าที่ไม่อาจควบคุมได้ ชัชชนน์ ยืนโอบกอดร่างบอบบางของเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม ดวงตาคมกริบของเขาฉายแววอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยปรากฏให้ใครเห็นบ่อยนัก รอยยิ้มบางๆ แต้มอยู่มุมปาก ราวกับความสุขสงบที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจที่เคยแข็งกระด้างของเขา มันเป็นรอยยิ้มที่สื่อถึงความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และความปรารถนาที่จะปกป้องเธอจากทุกสิ่งบนโลกใบนี้ “เรากลับที่พักกันก่อนไหม” น้ำเสียงทุ้มนุ่มของชัชชนน์เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน แฝงไว้ด้วยความห่วงใยที่ส่งผ่านอ้อมกอดอันอบอุ่น เมญาดาเงยหน้าขึ้นจากอกแกร่งก่อนจะสบตาเขาด้วยรอยยิ้มหวานสดใส แต่ดวงตาคู่สวยก็เปล่งประกายของความขี้อ้อนออกมาทันที ก่อนที่เสียงหวานจะเอ่ยขึ้นตามมา “อื้อ...แต่!!! ญาดายังเล่นน้ำไม่เบื่อเลยนี่คะ!” เมญาดาเอ่ยเสียงหวานออดอ้อนชายหนุ่มที่โอบกอดเธอ ราวกับเด็กน้อยที่กำลังอ้อนวอนขอของเล่นชิ้นโปรด ดวงตาคู่สวยเงยขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเว้าวอน พร้อมกับออกแรงจูงมือใหญ่ของเขาเบาๆ ให้ลงไปในน้ำทะเลอีกครั้ง ราวกับต้องการเหนี่ยวรั้งช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไว้ให้นานที่สุด โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำนั้นได้ส่งผลต่อหัวใจของเขามากเพียงใด ชัชชนน์ส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างขบขัน แต่ก็ก้าวเดินตามเธอลงไปในน้ำทะเลใส แสงอาทิตย์ยามเที่ยงของวันสาดส่องลงบนผืนน้ำ เกิดเป็นประกายวาววับ ราวกับมีใครนำเพชรมาโปรยปราย “เย็นจังเลยค่ะ!” ญาดาร้องออกมาอย่างสดใส เมื่อเท้าสัมผัสกับน้ำทะเลเย็นเฉียบ เธอแกล้งสาดน้ำใส่ชัชชนน์อย่างหยอกล้อ ชายหนุ่มยิ้มขึ้น ก่อนจะวักน้ำสาดกลับไปบ้าง “เจ้าเล่ห์จริงๆ เลยคุณเนี่ย” ชัชชนน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเอ็นดู มองใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มของเธออย่างรักใคร่ ทั้งสองคนเล่นน้ำทะเลด้วยกันอย่างสนุกสนานและสาดน้ำใส่กันอย่างไม่ถือสา ราวกับโลกทั้งใบมีเพียงแค่เขาสองคนเท่านั้น ไม่นานนักชัชชนน์ก็บอกให้เธอหยุดเล่นน้ำ เพราะเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะไม่สบาย เขาไม่รู้หรอกว่าเมญาดาป่วยเป็นอะไร รู้เพียงแต่ว่าชลธิชาน้าสาวของเธอ มักจะคอยเตือนให้เธอกินยาอยู่เสมอ ”แต่ญาดายังอยากอยู่กับคุณตรงนี้นานๆ อีกหน่อยนี่คะ...ตรงนี้มันสนุกดีออก” น้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยความไร้เดียงสา ราวกับเด็กกำลังอ้อนวอนผู้ใหญ่ ชัชชนน์มองใบหน้าสวยหวานที่แต้มไปด้วยหยดน้ำทะเลอย่างเอ็นดู หัวใจของเขาอ่อนยวบให้กับความน่ารักน่าชังของเธอ “เล่นน้ำนานๆ ระวังจะไม่สบายเอานะ” ชัชชนน์เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แฝงไว้ด้วยความห่วงใยที่ส่งผ่านสัมผัสอบอุ่นจากมือที่ลูบกลุ่มผมนุ่มของเธอเบาๆ เมญาดาเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาคู่สวยเป็นประกายสดใส “ตรงนี้แดดไม่ร้อนสักหน่อย หรือว่า...คุณชัชหิวแล้วคะ?” เธอถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับคลี่ยิ้มหวานให้เขา ชัชชนน์ส่ายหน้าเล็กน้อย มองใบหน้าอิ่มเอิบด้วยความสุขของเธออย่างเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อตอบคำถามของหญิงสาว “ผมยังไม่หิวเลยครับ..แต่กลัวคุณจะไม่สบายเอา” สิ้นเสียงทุ้มในห้วงของความคิดกลับมีภาพซ้อนทับแห่งความปรารถนาที่ร้อนแรง หากความหิวในใจที่เขาต้องการสามารถเติมเต็มได้ด้วยการครอบครองเธอตรงนี้...เขาจะไม่ลังเลเลย..แม้แต่วินาทีเดียว ญาดาตัดสินใจเดินจูงมือชัชชนน์ขึ้นจากน้ำทะเล ทรายเม็ดละเอียดนุ่มเท้า เสียงคลื่นซัดสาดเบาๆ ราวกับเป็นเพลงรักที่แสนหวาน “วันนี้คุณขับรถ..เหนื่อยไหมคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามขณะทั้งคู่เดินกลับที่พัก หญิงสาวฉุดมือของเขาก่อนจะพาเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ “ไม่เลยครับ...ผมมีความสุขมากกว่า” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนจนญาดารู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ หลังจากเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อ ทั้งสองคนก็เดินไปนั่งลงบนโขดหินหน้าบ้านพัก และมองดูท้องทะเลที่งดงามราวกับภาพวาด “ชัชคะ!!!...” ญาดากระซิบเสียงหวานขณะซบศีรษะลงบนไหล่กว้างของเขา “ขอบคุณนะคะที่พาญาดามาที่นี่...” ชัชชนน์ยื่นมือโอบกอดไหล่เธอไว้ ก่อนจะกระชับอ้อมแขนราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป “ไม่เป็นไรครับ ผมมีความสุขครับ...ที่ได้เห็นรอยยิ้มของคุณ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไว้ด้วยความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างลึกซึ้งในหัวใจ ความใกล้ชิดและความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน ทำให้ความรู้สึกรักใคร่ในหัวใจของทั้งสองคนยิ่งทวีมากขึ้น ช่วงบ่ายคล้อยทั้งสองคนก็เดินจูงมือขึ้นไปยังบ้านพักหรูริมทะเลที่ลูเซียโนเป็นเจ้าของ บรรยากาศบ้านพักส่วนตัวเงียบสงบ มีเพียงเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเบาๆ ญาดานั่งซบไหล่ชัชชนน์อยู่ตรงริมระเบียง ระหว่างนั่งทานมื้อเที่ยงที่แวะซื้อกันมาเมื่อสักครู่ “ญาดามีความสุขจังเลย ที่คุณยอมมาเที่ยวกับญาดา” หญิงสาวกระซิบเสียงหวาน น้ำเสียงเจือไปด้วยความรักและความอิ่มเอม ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุข แล้วงับแอมเบอร์เกอร์ชิ้นโตเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติของอาหาร หรือความรู้สึกของหัวใจมันก็ช่างลงตัวและสมบูรณ์แบบไปเสียหมด หลังจากทั้งคู่เอร็ดอร่อยกับแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตแล้ว ทั้งสองคนก็นั่งเคียงกันอยู่ที่ระเบียง ความเงียบสงบปกคลุมรอบกาย มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเป็นระยะ ชัชชนน์เอื้อมมือลูบผมยาวสลวยของเธอเบาๆ ดวงตาคมกริบของเขาทอดมองเธอด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ความปรารถนาที่ก่อตัวขึ้นในใจเริ่มสั่นคลอนความตั้งใจเดิมของเขา “ญาดา!!...” ชัชชนน์เรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า ราวกับเสียงกระซิบของลมที่พัดผ่านใบไม้ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ๆ ใบหน้าสวย ริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากอิ่มของเธออย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าผีเสื้อตัวน้อยที่เกาะอยู่บนกลีบดอกไม้จะตื่นตกใจ เมญาดาเบิกตากว้างเล็กน้อยอย่างตกตะลึง หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับกลองที่ถูกตีอย่างรวดเร็ว เธอไม่ทันตั้งตัวกับสัมผัสที่เขามอบให้อย่างนุ่มนวล ริมฝีปากของเธอเม้มเข้าหากันอย่างเก้อเขิน ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อสัมผัสของเขาได้อย่างไร มันช่างแตกต่างจากจูบที่เธอเคยจินตนาการเอาไว้มากมายนัก ราวกับว่าตอนนี้มันมีกระแสไฟอ่อนๆ แล่นผ่านทั่วร่างจนทำให้เธอรู้สึกชาไปหมดทั้งตัว แก้มของเมญาดาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้เลือดในกายสูบฉีดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ชวนให้สับสน แต่ในขณะเดียวกันมันก็แฝงไว้ด้วยความหวั่นไหวอย่างน่าประหลาด เมญาดาพยายามตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ ราวกับดอกไม้ที่ค่อยๆ แย้มกลีบรับแสงตะวัน ร่างกายของเธอสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตื่นเต้นที่ถาโถมเข้ามา หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวราวกับกลองศึกที่กำลังประโคมในช่วงเวลาสำคัญ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเธอไม่เคยใกล้ชิดกับบุรุษใดมากเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในทุกอณูของร่างกาย ทั้งความประหม่าที่ถูกจู่โจมเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว และความปรารถนาที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเร้าร้อน ทำให้เธอรู้สึกราวกับโลกทั้งใบกำลังหมุนรอบตัวอย่างช้าๆ และทุกวินาทีมันก็ผ่านไปอย่างยากลำบากเหลือเกิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม