“เหนื่อยจัง” เธอทิ้งตัวลงบนเตียงนอนของตัวเองหลังจากที่เดินทางมาถึงห้อง
“แล้วพวกของใช้ วันไหนจะไปซื้อ”
“เป็นพรุ่งนี้ละกัน ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว”
“โอเค งั้นวันนี้ฉันพักกับเธอได้อยู่ใช่ไหม ดึกแล้วขี้เกียจกลับ”
“ได้สิทำไมจะไม่ได้” เธอบอกผู้จัดการออกไป พร้อมกับลุกขึ้นเดินสำรวจห้องพักของตัวเอง “ห้องใหญ่มากเลย ตอนจองไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้”
“ฉันก็คิดเหมือนแก ไม่คิดว่าพ่อเลี้ยงแกจะเล่นใหญ่ขนาดนี้”
“พอพี่พูดถึงฉันก็คิดถึงแม่กับคุณลุงเลย” เธอเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาเพื่อจะโทรหาแม่ของตัวเอง ซึ่งพอกดโทรออกก็รอสายไม่นานปลายสายก็กดรับ
(ถึงแล้วเหรอลูก)
“ใช่ค่ะแม่ เพิ่งลงเครื่องเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว”
(ตอนนี้อยู่ไหน)
“ที่คอนโดค่ะ”
(เป็นไงบ้าง ห้องใหญ่ไหมลูก)
“ใหญ่มากเลยค่ะ ตอนเลือกไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้”
(ดีแล้วลูก แล้วนี่ยูกิพักอยู่กับหนูไหม)
“วันนี้อยู่ด้วยค่ะ แต่พรุ่งนี้น่าจะกลับคอนโดพี่เขา”
(อ้าว แม่นึกว่ายูกิจะพักอยู่กับหนูตลอด)
“พี่เขาก็มีคอนโดเป็นของตัวเองเหมือนกันค่ะ อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง เดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”
(โอเค แล้วนั่นทานข้าวหรือยัง)
“ยังเลยค่ะ แต่ยังรู้สึกอิ่มอยู่เลยเพราะก่อนลงเครื่องก็ทานไปเยอะ”
(ไม่ได้อยู่นานคงต้องปรับตัวสักพัก)
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นค่ะ”
(แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะไปเยี่ยมย่าเขาวันไหน)
“ขอเคลียร์ทุกอย่างเสร็จก่อนค่ะ น่าจะไม่เกินวันเสาร์หน้า แล้วนี่คุณแม่ทานข้าวหรือยังคะเพราะที่อังกฤษก็ประมาณหนึ่งทุ่มแล้ว”
(ยังเลยลูก รอคุณโทมัสกลับมาอยู่)
“อ้าว คุณลุงไปไหนคะป่านนี้ยังไม่กลับ”
(นัดคุยธุระกับเพื่อนลูก เมื่อกี้โทรมาบอกแม่ว่าใกล้ถึงบ้านแล้ว)
“โอเคค่ะ งั้นหนูไม่กวนแม่แล้วทานข้าวให้อร่อยนะ”
(จ้ะลูก)
พอแม่ของเธอกดตัดสายเธอก็วางโทรศัพท์ลงพร้อมกับเดินมาที่ระเบียงห้องอีกครั้ง แล้วมองวิวยามค่ำคืนที่ตอนนี้มีแสงไฟสาดส่องไปมา
“พี่เก็บของเสร็จแล้ว งั้นขอไปอาบน้ำก่อนนะอยากนอนแล้ว”
“ได้ค่ะพี่ไปอาบเถอะ เดี๋ยวฉันขอดูวิวให้ชื่นใจก่อน”
“โอเคน้องรัก”
ผู้จัดการของเธอก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำส่วนเธอก็ยังยืนมองวิวยามค่ำคืนอยู่
“ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ไม่รู้ว่ามีแฟนใหม่แล้วหรือยัง” เธอนึกไปถึงอดีตแฟนหนุ่มของตัวเอง เพราะตั้งแต่เราเลิกกันนี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เธอคิดว่าคนหน้าตาดีแถมฐานะร่ำรวยอย่างเขาน่าจะมีแฟนใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะผู้หญิงก็คงเข้าหาเขาค่อนข้างเยอะ “ไม่รู้ว่าถ้าเราเผลอเจอกัน หนูต้องทำหน้ายังไงนะ หนูจะกล้าสู้หน้าสิงห์ไหมเนี่ย” พอยืนนึกคิดไปสักพักก็พยายามสลัดความคิดออกจากสมอง แล้วเดินกลับมานั่งจัดของของตัวเองเข้าในตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ซึ่งทำไปสักพักผู้จัดการของเธอก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอจึงรีบหยิบเสื้อผ้าพร้อมกับเดินแทรกเข้าไปแทน
หลายวันต่อมา...
“สวยไหม”
“สวยสิ มันเหมาะกับแกมากเลยนะนิวเยียร์”
“มันแน่อยู่แล้ว รถสวย ๆ ก็ต้องเหมาะกับคนสวย ๆ อย่างฉันถูกแล้วค่ะ” เธอยิ้มให้กับผู้จัดการของตัวเองพร้อมกับเดินสำรวจรอบรถ หลังจากที่เมื่อหลายวันก่อนเธอไปจองมาแล้ววันนี้ทางโชว์รูมเขาเอามาส่ง ซึ่งรถที่เธอเลือกขับนั้นเป็นมินิคูเปอร์สีฟ้า ซึ่งเป็นสีโปรดของเธอ
“ซื้อสดหรือผ่อน”
“สด”
“แกมีเงินเป็นล้านไปซื้อรถได้ยังไง”
“ก็เงินเก็บจากที่ฉันทำงานไง”
“น้องสาวฉันไม่ธรรมดานะเนี่ย”
“ก็มีแค่นี้แหละ เหลือเก็บอยู่อีกไม่กี่บาท พี่รีบหางานให้ฉันได้แล้วนะ เล่นสนุกอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ฉันไม่มีจะกินแน่”
“แต่แกเพิ่งมาได้แค่สิบกว่าวันเองนะ จะรีบทำงานไปทำไม”
“ไม่รีบไม่ได้จ้ะ รีบหางานให้ฉันเลย”
“งั้นพี่ให้พักต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ วันจันทร์หน้าเริ่มทำงานโอเคไหม”
“ได้ค่ะ ดีเหมือนกันงั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมย่าหน่อย”
“พรุ่งนี้ฉันไม่ว่างน่ะสิ ไปคนเดียวได้ใช่ไหม”
“ก็ต้องได้อยู่แล้ว พี่พูดอย่างกับฉันไม่เคยอยู่ประเทศไทยมาก่อน พี่อย่าลืมว่าก่อนที่ฉันไปญี่ปุ่น ฉันอยู่ประเทศไทยมาตั้งหลายปีนะ”
“ก็แกเพิ่งกลับมาได้ไม่นานนี่ ฉันเป็นห่วง”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ ฉันดูแลตัวเองได้”
“ถ้ามีอะไรรีบโทรหาฉันเลยนะ”
“ได้ แล้วนี่กินข้าวมาหรือยัง”
“ยังเลย ว่าจะชวนแกไปกินข้าวที่ห้างด้วยกัน แกก็ชวนมาดูรถก่อน”
“โอเค งั้นเราไปกินข้าวที่ห้างกันดีกว่าฉันอยากช็อปปิงด้วย เมื่อกี้ดูในเว็บกระเป๋าตัวใหม่เพิ่งเข้ามาสด ๆ ร้อน ๆ”
“บอกไม่มีเงินแต่ช็อปกระเป๋าไม่หยุด”
“ก็คนมันชอบนี่นา” เธอตอบผู้จัดการของตัวเองออกไปพร้อมกับทำหน้าทะเล้น เพราะเนื่องด้วยตัวเธอเป็นคนที่ชอบสะสมกระเป๋าแบรนด์เนมเอามาก ๆ เธอจึงต้องทำงานหนักจะได้มีเงินมาซื้อสิ่งที่ตัวเองชอบ
“แล้วจะไปรถเธอหรือรถฉัน”
“รถฉัน และฉันจะเป็นคนขับเอง อุตส่าห์ทำใบขับขี่มาตั้งนานแต่ไม่ได้ขับเองสักครั้ง” เพราะเนื่องด้วยเธอได้ใบขับขี่สากลมาตั้งแต่ที่เธออยู่ญี่ปุ่น แต่เธอแทบไม่ได้ขับเองเลยเพราะส่วนใหญ่ผู้จัดการของเธอจะเป็นคนขับ
“แน่นะ เธอขับได้ใช่ไหม”
“พูดอย่างกับฉันไม่เคยขับให้พี่นั่งอย่างนั้นแหละ”
“ไม่รู้สิ พอเธอพูดว่าจะขับก็รู้สึกใจหวิว ๆ แล้ว”
“ไม่ต้องกลัวฉันไม่ขับเร็วหรอกน่า ไปกัน” เธอเดินมาเปิดประตูด้านข้างคนขับให้ผู้จัดการ ซึ่งยูกิก็ยอมเข้ามานั่งแต่โดยดีพอเธอเห็นแบบนั้นก็ปิดประตูแล้วก็รีบวิ่งมาอีกฝั่งเพื่อเข้ามานั่ง โดยพอนั่งเรียบร้อยแล้วเธอก็สตาร์ตรถขับออกมาด้วยความเร็วไม่มาก ซึ่งใช้เวลาขับมาห้างที่ใกล้คอนโดเธอที่สุดประมาณครึ่งชั่วโมง เธอก็เลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณที่จอดแล้วรีบเดินลงทันที
“จะกินข้าวก่อนหรือช็อปปิงก่อน” เธอหันไปถามผู้จัดการของตัวเองหลังจากที่ยูกิเดินตามเธอมา
“กินก่อน เพราะตอนนี้ฉันหิวมาก”
“เราจะกินอะไรดี”
“ฉันอยากกินอาหารไทย”
“พี่ไม่เบื่อหรือไง ตั้งแต่กลับมาไทยพี่กินอาหารไทยทุกวันเลยนะ”
“ไม่เบื่อเลยแม้แต่น้อย”
“งั้นเลือกร้านเลย”
“ร้านนี้”
ผู้จัดการของเธอเดินจูงมือเธอพาเธอเข้าร้านอาหารไทยที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเธอก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี โดยพอเข้ามานั่งในร้านเรียบร้อยแล้วเราทั้งสองคนก็จัดการสั่งอาหารที่ตัวเองอยากทานทันที