หวนคืนกลับมา

1415 คำ
“ข้า หลิวเยว่ชิง ชาตินี้คิดผิดที่เลือกบุรุษเช่นท่านเป็นสามี หากมีชาติหน้าจริง ขออย่าได้พบเจอท่านอีก หากพบเจอก็ให้นึกรังเกียจราวกับพบเดรัจฉาน ข้าขอให้ท่านมิได้สิ่งใดหรือสมหวังเรื่องใดอีกเลย” เยว่ชิงใช้มีดสั้นในมือของนางปักเข้าที่หัวใจของนางทันที เลือดจำนวนมากพุ่งเข้าไปโดนใบหน้าและลำตัวของคนทั้งสามที่ยื่นตกตะลึงอยู่กับที่ เสียงกรีดร้องของบ่าวในจวนดังกึกก้องไปทั่วจวนตระกูลกง เยว่ชิงล้มทรุดตัวลงช้าๆ ก่อนที่นางจะจบชีวิตลง ได้ยินเสียงร้องเรียกราวกับจะขาดใจของผู้เป็นบิดา ที่รู้เรื่องกงหลี่เฉียงรับสตรีเข้าจวน จึงได้รีบเร่งรุดมาหาบุตรสาว และอีกเสียงที่นางได้ยินไม่ชัดเจน เขากำลังจัดการกับกงหลี่เฉียง นางรับรู้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะจบสิ้นลง เสียงฟ้าคำรามกึกก้องไปทั่วเมืองหลวง เยว่ชิงที่นอนอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝันที่น่าหวาดกลัว นางจับที่หน้าอกของตนเอง เนื้อตัวของนางยังสั่นเทาไม่หยุด นางมองไปรอบๆ ห้อง ก็พบว่าตอนนี้นางอยู่ที่เตียงนอนในเรือนของนาง ที่จวนตระกูลหลิว “ข้าย้อนกลับมารึ” นางไม่รู้ว่าสิ่งใดคือเรื่องจริงกันแน่ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันหนึ่งตื่น หรือว่านางในตอนนี้ได้ย้อนกลับมาก่อนที่จะแต่งเข้าจวนตระกูลกงกันแน่ ฝนด้านนอกกำลังตกหลัก อากาศก็เริ่มที่จะเย็นขึ้น แต่ตัวของนางกลับเต็มไปด้วยเหงื่อที่ราวกับว่านางเพิ่งจะขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ เยว่ชิงหยิกที่แขนของตนเอง เพื่อทดสอบว่านางกำลังฝันไปหรือไม่ ก็พบว่านางเจ็บจนต้องร้องออกมาเบาๆ “คุณหนู ท่านตื่นเพราะเสียงฟ้าร้องหรือเจ้าคะ” อาอิงที่นอนอยู่หน้าห้องเดินเข้ามาดูเยว่ชิงด้านในห้อง “อาอิง” นางเอ่ยเรียกสาวใช้เสียงสั่น พร้อมทั้งอ้าแขนออกสวมกอดนางไว้แน่น ในจวนตระกูลกง มีเพียงอาอิงที่นางปรับทุกข์ได้ตลอดสองปีที่ใช้ชีวิตที่นั่น บ่าวคนอื่นไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ไม่มีผู้ใดที่กล้าเอ่ยคุยเล่นกับนาง คงเป็นเพราะนางต้องจัดการเรื่องภายในจวนที่ยุ่งเหยิงก่อนหน้าที่นางจะเข้าไป หนี้สินที่พอกพูนไว้จนต้องใช้สินเดิมจ่ายแทน ไหนจะเรื่องอาการเจ็บป่วยของแม่สามีที่เล่นละครหลอกลวงนางถึงสองปี ทำให้นางที่เคยยิ้มแย้มกลายเป็นเงียบขรึมแทน แม้อาอิงจะเอ่ยขอร้องให้นางนำเรื่องไปปรึกษาท่านพ่อ แต่นางไม่คิดที่จะทำ เพราะการแต่งเข้าตระกูลกงมาแล้ว ย่อมต้องเป็นคนของตระกูลกง เรื่องไม่ดีภายในจวนนางที่เป็นฮูหยินคงไม่ดี หากจะนำเรื่องเช่นนี้ออกไปพูด ทุกสิ่งจำต้องเก็บฝังลึกไว้กับตัว แล้วช่วยส่งเสริมหน้าที่การงานของสามี ทุกครั้งที่กลับบ้านเดิม กงหลี่เฉียงจะขอร้องให้นางช่วยพูดเรื่องดีๆ ของเขา เพื่อให้บิดาเห็นใจ และช่วยเหลือเรื่องงานของเขา “คุณหนู ท่านกลัวรึเจ้าคะ ให้บ่าวนอนเป็นเพื่อนดีหรือไม่” อาอิงตกใจไม่น้อยที่ถูกคุณหนูสวมกอดแน่นเช่นนี้ “ไม่ต้องเจ้าไปพักเถิด ข้ามิเป็นอันใดแล้ว” เมื่อเห็นว่าคุณหนูไม่เป็นอะไรจริงๆ นางจึงช่วยห่มผ้าให้ ก่อนที่จะเดินออกไปพักที่ที่นอนของนาง เยว่ชิงลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง นางทบทวนเรื่องราวเมื่อชาติที่แล้ว นางยังจำได้ดี ครั้งแรกที่พบกงหลี่เฉียงในวังหลวง ตอนนั้นนางเพียงห้าหนาวเท่านั้น นางติดตามบิดาเข้าไปในวัง ระหว่างที่เดินเล่นนางเกือบจะตกน้ำ แต่ได้หลี่เฉียงที่ติดตามบิดาของเขามาเช่นกันช่วยไว้ได้ทัน หลังจากวันนั้น ทั้งคู่ก็พบเจอกันตามงานเลี้ยงน้ำชา และเขาก็มาเที่ยวเล่นที่จวนของนางพร้อมกับบิดาผู้เป็นสหายของบิดานางหลายหน ทำให้ทั้งสองยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้น ไม่ว่านางสนใจเรื่องใด หรือต้องการสิ่งใด หลี่เฉียงมักจะตามใจนางเสียทุกครั้งไป มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางยอมยกใจให้กับเขาไปทั้งหมด เพราะเขาได้ช่วยชีวิตนางไว้ จากพวกเหล่าอันธพาลที่หมายจะเข้ามารังแกนาง ในยามนั้นตัวเขาสู้คนกลุ่มมากไม่ไหว แต่ก็ปกป้องนางไว้อย่างเต็มที่ ก่อนที่บ่าวจะตามมาพบพวกนางและไล่พวกอันธพาลไป เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เยว่ชิงก็หัวเราะตนเองขึ้นมา เพียงแค่นี้ก็ปักใจรักมั่น ในตัวหลี่เฉียงเสียแล้ว ตลอดทั้งคืนนางมิอาจหลับตาลงได้อีก เพราะกลัวว่าหากนางตื่นขึ้นมาจะพบว่าตนเองกลับไปอยู่ที่จวนตระกูลกง รุ่งเช้าอาอิงเดินเข้ามาปลุกเยว่ชิงเช่นทุกวัน แต่เมื่อเข้ามาด้านในห้องก็ต้องตกใจ เพราะเยว่ชิงนางยังนั่งกอดเข่าอยู่บนที่นอน “คุณหนู ตื่นนานแล้วรึเจ้าคะ เหตุใดไม่เรียกบ่าว” นางรีบร้อนเดินเข้าไปจัดเตรียมของให้เยว่ชิงทันที เพราะคุณหนูของนางเป็นคนเจ้าระเบียบ ทั้งยังเรื่องข้าวของเครื่องใช้ เวลาของแต่ละวัน ล้วนแต่เข้มงวดยิ่งนัก “ไม่ต้องรีบร้อน” คำพูดของเยว่ชิงทำให้อาอิงหันมามองอย่างตกใจ นางรีบเดินเข้ามาคลำที่ตัวของเยว่ชิง ด้วยกลัวว่านางจะไม่สบาย “คุณหนูท่านเจ็บป่วยตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่ ข้ามิเป็นอันใด ท่านพ่อเล่า” นางส่ายหัวพร้อมกับอมยิ้มมองสาวใช้ของนาง เยว่ชิงก็พอจะรู้ ท่าทีของนางเช่นนี้คงทำให้อาอิงตกใจไม่น้อย แต่นางคงไม่คิดจะกลับไปทำตัวเข้มงวดกับทุกสิ่ง เช่นชีวิตก่อนอีกแล้ว “นายท่าน ยังมิได้ออกไปที่วังหลวงเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าคงจะลางาน” “เพราะอันใด” บิดาของนางแทบจะไม่เคยลางานเลยสักครั้ง หากไม่มีเรื่องร้ายแรง “โถ่คุณหนู ท่านลืมได้อย่างไรเจ้าค่ะ วันนี้ตระกูลกงจะเข้ามาคุยเรื่องงานหมั้นหมายของท่านเจ้าค่ะ” “เจ้าว่าอย่างไรนะ” เยว่ชิงกระโดดลุกขึ้นจากเตียงทันที แม้แต่ท่าทีของสตรีที่พึงต้องทำ นางก็หลงลืมไปสิ้น “ว้าย คุณหนูท่านเป็นอันใดหรือไม่ ท่านทำข้าตกใจหมดเลยเจ้าค่ะ” “ไป ไปเตรียมน้ำให้ข้าเร็วเข้า” เยว่ชิงตัวสั่นสะท้านออกมา นางจะไม่ชอบให้การแลกเทียบชะตาสำเร็จได้ย่างแน่นอน “เจ้าค่ะ บ่าวรู้แล้ว ท่านมิต้องดีใจถึงเพียงนี้ก็ได้” อาอิงยิ้มหวานหยอกล้อคุณหนูของนาง ก่อนจะเดินไปจัดการเตรียมน้ำให้เยว่ชิง เมื่อจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย นางรีบเร่งฝีเท้าไปที่เรือนหลัก เพื่อพูดคุยกับบิดา “ชิงเออร์ เจ้ามาแล้ว” บิดาเอ่ยเรียกนางอย่างยินดี ตั้งแต่ที่นางสูญเสียมารดาตั้งแต่เล็ก ก็มีเพียงบิดาที่เลี้ยงดูนางมาอย่างดี และเขาก็ไม่คิดจะแต่งงานใหม่ เมื่อกงหลี่เฉียงรับปากเรื่องจะไม่รับอนุเข้าจวน บิดาของนางจึงยินยอมให้เขาแต่งงานกับนาง “ท่านพ่อ” เยว่ชิงเอ่ยเรียกบิดาเสียงสั่น ก่อนจะวิ่งเข้าไปสวมกอดเขาไว้แน่น “เกิดเรื่องอันใดขึ้น” เขาก้มมองบุตรสาวที่สะอื้นไห้เสียงเบาอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ลูกมีเรื่องที่ต้องบอกกล่าวท่านพ่อเจ้าค่ะ” เมื่อเป็นเช่นนั้น หมอหลิวจึงสั่งให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงถอยออกไป “วันนี้ เป็นวันดีของเจ้า เหตุใดถึงได้ร่ำไห้เช่นนี้” หมอหลิวปาดน้ำตาออกจากใบหน้าให้บุตรสาวอย่างแผ่วเบา เยว่ชิงเห็นแววตาของท่านพ่อที่ยังห่วงใยนางเช่นเดิม น้ำตาที่แห้งไปก็พานจะไหลออกมาอีกครั้ง “ข้าไม่ต้องการจะแต่งเข้าจวนตระกูลกงแล้วเจ้าค่ะ” นางเงยหน้ามองบิดาอย่างมุ่งมั่น “เพราะเหตุใด” หมอหลิวขมวดคิ้วมองบุตรสาว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม