เมื่อสามวันที่แล้ว ตอนที่ตระกูลกงเข้าทาบทาม งานหมั้นหมายของนาง ก็ดูเหมือนเยว่ชิงนางไม่ได้ขัดข้องอันใด แต่มาตอนนี้กลับบอกจะไม่แต่งแล้ว
“หากลูกพูดเรื่องอันใดไป ท่านพ่อจะเชื่อลูกหรือไม่เจ้าคะ” นางรอคำตอบอย่างคาดหวัง
“ย่อมต้องเชื่อเจ้าอยู่แล้ว มีอันใดก็ว่ามาเถิด” เขาลูบหัวบุตรสาวอย่างรักใคร่
หมอหลิวย่อมต้องเชื่อในคำพูดของเยว่ชิง เพราะเขาเลี้ยงดูนางมาด้วยตนเอง ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่นางไม่เคยพูดหลอกลวงเขาสักครั้ง
“ลูกฝันไม่ดีเจ้าค่ะ มันเหมือนจริงยิ่งนัก” นางไม่กล้าบอกบิดาตามตรงว่านางได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง จึงเล่าทุกสิ่งออกมาเป็นสิ่งที่นางได้ฝันแทน
หมอหลิวมองบุตรสาวอย่างหยอกล้อ เพียงแค่ความฝันถึงกลับทำให้นางมิต้องการต้องเข้าตระกูลกงได้เลยรึ
“ชิงเออร์ สิ่งที่ลูกกังวลเป็นเพียงแค่ความฝัน เจ้าก็เชื่อแล้วรึ”
“ท่านพ่อ ถึงอย่างไรลูกก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ทั้งยังไม่ต้องการแต่งเข้าตระกูลกง หากท่านพ่อคิดว่าเรื่องทั้งหมดลูกกังวลไปเอง ท่านลองส่งคนไปสืบเรื่อง คุณหนูตู้ ตู้ซิงเยียน ก่อนดีหรือไม่ แล้วเรื่องสัญญาหมั้นหมายค่อยพูดกันอีกครั้ง”
หมอหลิวนั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด บุตรสาวของตนทำอะไรมีเหตุผลเสมอ แม้แต่บุตรสาวตระกูลตู้ที่นางไม่เคยพบเจอยังสามารถพูดชื่อออกมาได้ คงต้องมีเรื่องอะไรที่นางไม่อาจบอกกล่าวตรงๆ ได้อย่างแน่นอน
“เช่นนั้นก็ได้ แล้วเรื่องพูดคุยวันนี้เล่า” เขากังวลไม่น้อย เพราะได้นัดหมายกับตระกูลกงไว้แล้ว
“ท่านพ่อปฏิเสธแทนลูกไปก่อนได้หรือไม่ บอกว่าลูกล้มป่วยจนมิอาจลุกจากเตียงได้ แต่ถ้าหากกงหลี่เฉียงจะขอเข้าเยี่ยมลูกท่านพ่อก็เอ่ยห้ามเขาไว้ด้วยนะเจ้าค่ะ ลูกยังมิอยากพบเขา”
หมอหลิวเม้มปากแน่น แม้แต่นามของกงหลี่เฉียง บุตรสาวของตนก็เอ่ยเรียกเขาออกมาเสียเช่นนี้ ทุกครั้งนางจะเรียกพี่เฉียง ยิ่งทำให้เขารู้ว่า คงมิใช่ความฝันธรรมดาแน่นอน
“ได้ พ่อจะออกหน้าแทนเจ้าเอง”
เมื่อรับมื้อเช้าพร้อมบิดาเรียบร้อยแล้ว เยว่ชิงก็กลับไปที่เรือนของนาง เพื่อที่จะแสร้งป่วยเช่นที่คุยกับบิดาไว้ พร้อมทั้งกำชับบ่าวในเรือนว่าอย่าได้ปล่อยให้ผู้ใดเข้ามาเด็ดขาด
หมอหลิวเมื่อส่งบุตรสาวกลับเรือนไปแล้ว ตัวเขาก็เร่งพ่อบ้านให้ส่งคนไปสืบเรื่องของบุตรสาวตระกูลตู้ทันที เพราะต้องการรู้ว่ามีความสัมพันธ์กับกงหลี่เฉียงอย่างที่เยว่ชิงนางเอ่ยหรือไม่
เขาพอจะรู้มาบ้าง ว่าตระกูลตู้คือตระกูลบ้านเดิมของมารดากงหลี่เฉียง หากพวกเขาจะไปมาหาสู่กันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หากเป็นตามที่บุตรสาวเล่าว่าต่อไปนางจะเข้ามาเป็นฮูหยินรองของกงหลี่เฉียง เขาก็ต้องการที่จะสืบให้รู้ว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่
พ่อบ้านวิ่งหน้าตั้งมาหาหมอหลิวที่อยู่ในห้องโถง “นายท่าน ตระกูลกงมากันแล้วขอรับ” เขายืนรอรับคำสั่ง เพราะจากเรื่องที่หมอหลิวสั่งเขาเมื่อครู่ จึงไม่รู้ว่าสมควรให้พวกเขาเข้ามาในจวนหรือไม่
“ไปเชิญเข้ามาเถิด” หมอหลิวสะบัดชายเสื้อแล้วนั่งลงรออย่างใจเย็น
กงหลี่เฉียงมาพร้อมกับผู้เป็นบิดาและมารดา ทั้งสามทักทายหมอหลิว ก่อนที่จะมองหาเยว่ชิง เมื่อไม่เห็นว่านางอยู่ภายในห้องโถงด้วย
“ชิงชิงเล่าขอรับ” กงหลี่เฉียงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
จะบอกว่านางไม่รู้ว่าเขาจะพาบิดามารดามาแลกเทียบชะตาในวันนี้ก็คงไม่ใช่ แล้วทำไมนางถึงไม่อยู่รอพบเขา
“ชิงเออร์ นางล้มป่วย ตอนนี้ยังมิอาจลุกจากเตียงได้”
เมื่อสิ้นคำหมอหลิว กงหลี่เฉียงก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปหานางที่เรือน แต่ก็ถูกหมอหลิวเอ่ยขัดไว้เสียก่อน
“ประเดี๋ยวก่อน เจ้ามิต้องไปเยี่ยมนางหรอก มิเช่นนั้นจะติดไข้จากนางได้”
“แต่ว่า...” กงหลี่เฉียงกำลังจะแย้ง แต่ถูกมารดาของเขาฉุดรั้งให้เขานั่งลงอีกครั้ง
“ทำตามที่ท่านหมอหลิวว่าเถิดอาเฉียง ชิงเออร์นางมิเป็นอันใดมากหรอก มีบิดาเป็นหมอหลวงทั้งคน” นางหันมายิ้มเอาใจท่านหมอหลิว
หากมองดูเผินๆ คงไม่มีผู้ใดสงสัยในคำพูดของนาง แต่เมื่อหมอหลิวได้ฟังเรื่องราวความฝันของบุตรสาวมาแล้ว เขาจึงได้พิจารณานางตู้ซื่ออีกครั้ง
ท่าทีที่ร้อนรนของกงหลี่เฉียง ทำให้เขาคิดไม่ออกว่า เขาจะทำร้ายจิตใจบุตรสาวของตนได้อย่างไร
“อาเฮ่อ เช่นนั้นก็นำเทียบชะตาออกมาแลกกันเถิด” นายท่านกง เอ่ยออกมา
“ข้ากำลังจะแจ้งเรื่องนี้กับเจ้าอยู่พอดี ไว้ให้อาการของชิงเออร์ ดีขึ้นเสียก่อน ค่อยเจรจาเรื่องสัญญาหมั้นหมายเถิด”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร มิใช่ว่าเจรจาจบสิ้นไปแล้วรึ” ตู้ซื่อเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ
หมอหลิวเลิกคิ้วมองนาง จนกงหลี่เฉียงต้องสะกิดเตือนมารดาที่นางพูดจาโผงผางออกไปเช่นนี้
“เอ่อ สตรีผลสั้นหูยาวก็เช่นนี้ เจ้าอย่าได้มีโทสะเลย” นายท่านกงเอ่ยตำหนิภรรยาทันที
แม้แต่ตัวเขายังไม่กล้าทำให้หมอหลิวมีโทสะเลย แล้วนางเป็นเพียงสตรีที่อยู่ในเรือนหลังจะพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร
ที่นายท่านกงต้องไว้หน้าหมอหลิวอยู่หลายส่วน เพราะหมอหลิวเป็นหมอหลวงที่เป็นที่ไว้พระทัยของฮ่องเต้ แม้แต่เยว่ชิงก็ถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าเพื่อตรวจอาการของไทเฮา ฮองเฮาและพระสนมอยู่เสมอ
เรื่องความโปรดปรานไม่ต้องพูดถึง เยว่ชิงเกือบจะได้ถวายตัวเป็นนางสนมในวังตั้งแต่ปักปิ่นแล้ว แต่ด้วยหมอหลิวมิต้องการให้บุตรสาวถูกกักขังอยู่ในวังหลวง ฮ่องเต้ก็ทรงยินยอมอย่างใจกว้าง
“เอาเถิด เรื่องหมั้นหมายค่อยพูดทีหลัง” หมอหลิวโบกมืออย่างไม่ใส่
เมื่อเห็นว่าเรื่องที่มาก็ไม่เรียบร้อย ทั้งยังโดนสามีตำหนิต่อหน้าหมอหลิวอีก ตู้ซื่อจึงไม่เอ่ยอะไรขึ้นมาอีกเลย ระหว่างที่พวกเขาสนทนาเรื่องอื่นกัน
พอออกจากจวนตระกูลหลิวได้ นางก็เลิกปั้นหน้ายิ้มแย้มแล้วเอ่ยตำหนิเยว่ชิงออกมาทันที
“เหอะ นางคิดว่านางสูงศักดิ์มากเพียงใดถึงได้เล่นตัวเช่นนี้”
“ท่านแม่ อย่าได้พูดเช่นนี้ หากผู้อื่นได้ยินเข้า การแต่งงานของข้าเห็นทีจะไม่สำเร็จแล้ว” กงหลี่เฉียงส่ายหัวออกมา
“จริงเช่นที่อาเฉียงว่า หากเจ้ายังปากมากอีก ก็ไม่ต้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้” นายท่านกงมองตู้ซื่ออย่างดุดัน
“เพ้ย ท่านคิดว่าข้าอยากจัดการเรื่องงานแต่งของนางอย่างนั้นรึ อาเฉียงแม่บอกเจ้าแล้วว่าให้แต่งกับเยียนเออร์เสียเจ้าก็ไม่เชื่อ” นางเอ่ยออกมาอย่างไม่ยินยอม พร้อมทั้งเอ่ยไปถึงหลานสาวบ้านเดิมของนาง
“ท่านแม่แล้วเยียนเออร์ นางช่วยเรื่องหนี้สินที่จวนเราได้หรือไม่เล่า” กงหลี่เฉียงเริ่มจะไม่พอใจในคำพูดของมารดาบ้างแล้ว
ทั้งๆ ที่นางก็รู้ถึงสภาพในจวน แต่คิดจะดึงดันให้แต่งกับหลานสาวบ้านเดิมของนางอยู่ตลอด