ตู้ซื่อเมื่อเอ่ยเรื่องหนี้สินในจวนออกมา ใบหน้าของนางก็เคร่งเครียดขึ้น แล้วเริ่มมองไปทางนายท่านกงที่สร้างเรื่องไว้มากมาย
“มิใช่บิดาของเจ้ารึที่ก่อเรื่องเอาไว้ เอาเถิดข้าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่เมื่อแต่งนางเข้ามาแล้ว เจ้าต้องรับเยียนเออร์เข้ามาเป็นฮูหยินรองทันที เข้าใจหรือไม่” นางหันไปคาดคั้นบุตรชายของนาง
“ท่านแม่ท่านลืมไปแล้วหรือขอรับ ว่าข้ารับปากท่านหมอหลิว เรื่องที่จะไม่รับฮูหยินรองหรืออนุเข้าเรือนหลัง” กงหลี่เฉียงเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“แล้วอย่างไรเล่า หากนางตั้งครรภ์มิได้ เจ้าจะแต่งอนุเข้าจวน เรื่องนี้จะมีผู้ใดว่าเจ้าได้กัน” เมื่อได้ยินคำของมารดาดวงตาของกงหลี่เฉียงก็เปล่งประกายขึ้นมา
นายท่านกงมองสองแม่ลูกสนทนากันอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งคู่จะจัดการเรื่องนี้เช่นไรเขาไม่สน แต่ต้องแต่งเยว่ชิงเข้าจวนให้ได้เสียก่อน เพื่อนำสินเดิมของนางมาชดใช้หนี้ที่เขาสร้างไว้
ทางด้านเยว่ชิงเมื่อรู้ว่าพวกตระกูลกงเดินทางกลับไปแล้ว จึงได้ออกจากเรือนไปพบบิดาเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“พ่อบอกให้พวกเขารอจนกว่าเจ้าจะหายป่วย”
“ท่านพ่อไม่ปฏิเสธไปเลยเล่าเจ้าคะ” เยว่ชิงอดที่จะกังวลไม่ได้
“เจ้าอย่าได้รีบร้อน หากปฏิเสธโดยที่กงหลี่เฉียงไม่มีความผิด ไม่เท่ากับว่าความผิดเกิดจากที่ตัวเจ้าอย่างนั้นรึ เรื่องนี้ปล่อยให้พ่อจัดการเถิด”
เยว่ชิงเห็นด้วยกับคำพูดของบิดา ทั้งสองจึงสนทนาเรื่องอื่นกันต่อ หมอหลิวยังเอ่ยเรื่องที่นางตู้ซื่อมีท่าทีแปลกๆ อีกด้วย
“ท่านพ่อ ท่านลองสืบเรื่องหนี้สินของตระกูลกงสิเจ้าค่ะ ท่านจะได้รู้ว่าอีกเหตุผลที่นางตู้ซื่อยอมให้กงหลี่เฉียงแต่งกับลูกแทนที่จะเป็นหลานสาวบ้านเดิมของนาง”
หมอหลิวมองบุตรสาวอย่างช่างใจ เพราะเรื่องหนี้สินของตระกูลกงเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน และรู้ว่าหากเขายังไม่รู้บุตรสาวก็คงไม่รู้อย่างแน่
ถ้าหากสืบพบเป็นเรื่องจริง มิใช่ว่าความฝันที่นางเอ่ยเล่าก็เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ
“ได้ พ่อจะลองสืบเรื่องนี้เอง” ถึงอย่างไรการแต่งงานของบุตรสาวเขาจะเลือกบุรุษอย่างลวกๆ ไม่ได้ เพราะมันคือชีวิตของนางทั้งชีวิต
หลายวันหลังจากวันที่ตระกูลกงมาเยือน เยว่ชิงนางยังคงเก็บตัวอยู่แต่ภายในจวนมิได้ออกไปที่ใด
กงหลี่เฉียงขอเข้าเยี่ยมนางแทบจะทุกวัน แต่นางก็ยังคงไม่ยินยอม บ่าวไพร่ในจวนต่างสงสัยเรื่องนี้กันไม่น้อยที่คุณหนูของพวกเขาเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน
หากเป็นเมื่อก่อนที่กงหลี่เฉียงมาพบที่จวน นางจะให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และจะออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกกับเขาอยู่เสมอ แต่นี่แม้แต่เรื่องหมั้นหมายก็ผลัดแล้วผลัดอีก ไม่ยอมพูดคุยให้รู้เรื่อง
หมอหลิวที่กลับมาจากวังหลวง นั่งมองสารตรงหน้าด้วยใบหน้าไม่สู้ดี คนของเขาที่ออกไปสืบเรื่องตระกูลกงได้หลักฐานกลับมาไม่น้อย
ทั้งเรื่องความสัมพันธ์กับตู้ซิงเยียน และเรื่องหนี้สินที่นายท่านกงติดหนี้บ่อนการพนันอยู่ไม่น้อย
“ไปเรียกชิงเออร์มา” เขาเอ่ยสั่งบ่าว
เยว่ชิงที่กำลังตรวจสอบเรื่องสมุนไพรที่นางให้บ่าวทั้งบดทั้งตากอยู่ที่เรือนเก็บสมุนไพร จำต้องหยุดมือ แล้วตามบ่าวไปพบบิดาที่ห้องตำรา
“ท่านพ่อ เรียกหาลูกหรือเจ้าคะ”
“ชิงเออร์ เจ้าดูนี่” เขาผลักกองจดหมายตรงหน้าไปให้บุตรสาวได้ดู
เยว่ชิงนางเพียงแค่อ่านผ่านๆ เพราะเรื่องทั้งหมดนางล้วนแต่พบเจอมาหมดแล้ว
"ท่านเชื่อข้าแล้วใช่หรือไม่ท่านพ่อ" หมอหลิวเงยหน้ามองบุตรสาวที่นางยังมีสีหน้าเรียบเฉยมิได้ตกใจเช่นเขา
“หึ คงต้องการสินเดิมของเจ้าไปใช้หนี้ที่พอกพูนอย่างแน่นอน” หมอหลิวยิ้มเย็นออกมา
“หลักฐานมากเพียงนี้ ท่านคงหาทางปฏิเสธได้แล้วใช่หรือไม่เล่าท่านพ่อ” เยว่ชิงอมยิ้มมองบิดา
“เรื่องนี้พ่อคิดไว้แล้ว แต่เรื่องความฝันของเจ้า พ่อยังค้างคาอยู่ ชิงเออร์มันเป็นความฝันจริงรึ หรือมีผู้ใดมาบอกเจ้า” เขาคิดว่าคงมีผู้หวังดีมาบอกนาง หากจะบอกว่าเป็นความฝันก็ดูจะเกินจริงไป
“ท่านพ่อ หากข้าพูดไปท่านจะเชื่อหรือไม่” นางถอนหายใจออกมา หากไม่บอกบิดาคงยกเรื่องนี้มาถามนางไม่เลิกแน่
“เจ้าพูดมาเถิด” หมอหลิวขยับตัวไปใกล้บุตรสาว เพื่อจะได้ฟังเรื่องที่นางจะเล่า
“ข้าย้อนเวลากลับมาเจ้าค่ะ”
“เพ้ย มันใช่เรื่องล้อเล่นหรือไร เจ้าเป็นไข้ใช่หรือไม่” หมอหลิวมองหน้าบุตรสาวด้วยสายตาเป็นห่วง
“โถ่ ท่านพ่อ ข้าพูดจริงเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นไปได้อย่างไร” นางจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่นางจะย้อนกลับมา
ว่านางได้แทงหน้าอกตนเอง พร้อมทั้งกล่าวคำสาบานและสาปแช่งกงหลี่เฉียงไว้
“ก่อนตายข้ายังได้ยินเสียงของท่านพ่อด้วยเจ้าค่ะ” นางเอื้อมมือไปจับมือของบิดาไว้
หมอหลิวจึงได้รู้ว่าสิ่งที่บุตรสาวพูด คงเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว เพราะแววตาของนางมีทั้งความเจ็บปวด ทั้งแค้นใจอย่างหาสิ่งใดมาเปรียบ
“เอาเถิด หากเจ้าว่าเช่นนี้ นับว่าสวรรค์คงเมตตาเจ้าแล้ว ต่อไปเจ้าคิดจะทำสิ่งใด” เขาตบที่หลังมือของบุตรสาวเบาๆ
“ลูกตั้งใจจะเปิดโรงหมอ เพื่อรักษาสตรีโดยตรงเจ้าค่ะ” เมื่อชาติที่แล้วนางไม่มีโอกาสได้ทำ เมื่อย้อนกลับมาครั้งนี้ นางก็ขอได้ทำตามใจตนเองก็แล้วกัน
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด เรื่องร้านก็ให้พ่อบ้านไปจัดการก็แล้วกัน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ ที่เมตตาลูก” เยว่ชิงสวมกอดบิดาแน่น
นางออกไปหาพ่อบ้าน เพื่อบอกให้เขาจัดหาร้านค้าเพื่อใช้เปิดโรงหมอ
“พ่อบ้าน ท่านช่วยเก็บเรื่องที่ข้าจะเปิดโรงหมอไว้ก่อนนะเจ้าค่ะ” นางยังไม่ต้องการให้พวกคนตระกูลกงรู้เรื่อง ก่อนที่ท่านพ่อของนางจะจัดการเรื่องยุติงานหมั้นหมายเรียบร้อย
“ได้ขอรับคุณหนู” พ่อบ้านรีบออกไปจัดการตามคำสั่งทันที
หมอหลิวมิได้รีบร้อนที่จะไปพูดคุยกับตระกูลกง แต่เขากำลังรอเวลาที่จะเปิดโปงเรื่องนี้ให้กับคนทั้งเมืองหลวงได้ล่วงรู้
ไหนๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวแล้ว ก็สู้ทำให้เรื่องมันใหญ่โตไปเลยเสียดีกว่า ถึงอย่างไรบุตรสาวก็ต้องถูกนินทาอยู่แล้ว แต่จะต้องทำให้ตระกูลกงและตระกูลตู้อับอายมากกว่าสิ่งที่พวกเขาจะได้รับ
เรื่องที่หมอหลิวรอคอยก็ใช้เวลาไม่นาน เมื่อพ่อบ้านมาแจ้งข่าวดีกับเขา
“เช่นนั้นรึ ไปตามชิงเออร์มาเร็วเข้า” พ่อบ้านรีบทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
เมื่อเยว่ชิงมาพบเขาที่ห้องโถงหลัก หมอหลิวก็พาบุตรสาวออกจากจวนไปที่โรงน้ำชาทันที
พอมาถึงบ่าวที่เขาส่งมาติดตามกงหลี่เฉียงก็ยืนรออยู่ด้านล่าง พร้อมทั้งแจ้งว่ากงหลี่เฉียงกับตู้ซิงเยียนอยู่ที่ห้องใด
“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าควรทำเช่นใด” หมอหลิวหันมามองบุตรสาวอย่างเห็นใจ
“เจ้าค่ะ” เยว่ชิงยิ้มให้บิดา เพื่อให้เขาคลายความกังวลใจ