“คุณย่าคิดจะใส่ตะกร้าล้างน้ำส่งต่อให้พี่อัคหรือครับ”
ภามถามกลับและยังคงมีสีหน้านิ่งเช่นเคย เนื่องจากเขาไม่ชอบให้ใครมาล่วงรู้ถึงความรู้สึก และเพียงรู้ว่าใครเป็นคนพากีรกานไป เขาก็พอจะรู้จุดประสงค์ของท่านทันที
และมันก็คงเป็นเพราะเหตุผลนี้กระมังที่ทำให้ใครบางคนต้องโทร.หาเขา แต่มือถือของเขาดันแบตหมดพอดีจนไม่สามารถติดต่อกลับได้ เขาจึงเร่งมาที่นี่
“ไม่ต้องใส่ตะกร้าล้างน้ำตาอัคก็รับด้วยความเต็มใจ แกก็คงจะรู้ดี ”
อัครัฐ คือลูกพี่ลูกน้องของภามและก็หลงรักกีรกานมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอไม่เคยคิดรังเกียจกีรกานที่เกิดมาในสถานะที่ต่ำต้อยกว่า เธอยินดีหากกีรกานตอบรับความรักของอัครัฐ แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะคนที่ทำให้กีรกานหน้าแดงได้ก็คือหลานชายตัวร้ายคนตรงหน้านี่ต่างหาก
“เชิญกลับไปซะ บ้านฉันยังไม่พร้อมที่จะต้อนรับแกเวลานี้ ค่อยมาตอนที่ยัยกั้งแต่งงานกับพ่ออัคใหม่ละกัน”
อย่าหาว่าใจร้ายใจดำกับหลานเลย แต่มันสมควรแล้วที่คนตรงหน้าจะได้รู้สึกเจ็บบ้าง และหากยังเฉยชาอยู่แบบนี้ เธอจะเร่งให้ทุกอย่างที่พูดเกิดเร็วขึ้น คนดี ๆ อย่างกีรกานและอัครัฐเหมาะสมกันแล้ว และมากกว่าภามเสียอีก
“ผมยังไม่หย่า เธอก็คงจะยังแต่งไม่ได้”
แม้หัวใจจะกระตุกวูบกับคำว่าแต่งงาน แต่ภามก็ไม่ได้แสดงทีท่าที่ทุกข์ใจใด ๆ เพราะไม่มีทางปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นแน่
“แล้วแกจะยื้อไปเพื่ออะไร ในเมื่อแกก็อยากจะหย่าใจจะขาด” หล่อนยิ่งโมโหนักที่ได้รับคำตอบแบบนี้และจ้องมองอย่างเดือดดาลไม่พอใจ
“เธอจะได้รู้สึกแบบที่ผมรู้สึก เวลาไม่อยากได้อะไรแล้วได้มันมา มันทรมานแค่ไหน” แถมยังยกยิ้มอย่างร้ายกาจออกมา ขนาดคนเป็นย่ายังใจสั่นกับคำพูดที่ดูร้าย
“ตาภาม”
ขวัญเกล้าตวาดลั่น ไม่คิดเลยว่าหลานชายจะยังไม่ยอมเลิกคิดแค้นอีก สามปีที่ทำให้กีรกานต้องโดดเดี่ยวมันยังไม่เพียงพออีกหรือ และนี่หากหลานชายยังเป็นเด็กอยู่ หล่อนคงจะหยิบไม้เรียวมาฟาดแล้วกระมัง
แต่ประโยคต่อมาของภามมันยิ่งทำให้ขวัญเกล้าอกสั่น
“ผมยังไม่หย่า ฝากไปบอกพี่อัคด้วยครับ อย่าคิดจะมาขโมยปลาย่างไปกิน ถ้าผมเบื่อแล้วจะเขี่ยทิ้งให้เอง” เขาว่าอย่างไม่ยี่หระ
“ตาภาม”
“คุณย่าคิดจะใส่ตะกร้าล้างน้ำส่งต่อให้พี่อัคหรือครับ”
ภามถามกลับและยังคงมีสีหน้านิ่งเช่นเคย เนื่องจากเขาไม่ชอบให้ใครมาล่วงรู้ถึงความรู้สึก และเพียงรู้ว่าใครเป็นคนพากีรกานไป เขาก็พอจะรู้จุดประสงค์ของท่านทันที
และมันก็คงเป็นเพราะเหตุผลนี้กระมังที่ทำให้ใครบางคนต้องโทร.หาเขา แต่มือถือของเขาดันแบตหมดพอดีจนไม่สามารถติดต่อกลับได้ เขาจึงเร่งมาที่นี่
“ไม่ต้องใส่ตะกร้าล้างน้ำตาอัคก็รับด้วยความเต็มใจ แกก็คงจะรู้ดี ”
อัครัฐ คือลูกพี่ลูกน้องของภามและก็หลงรักกีรกานมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอไม่เคยคิดรังเกียจกีรกานที่เกิดมาในสถานะที่ต่ำต้อยกว่า เธอยินดีหากกีรกานตอบรับความรักของอัครัฐ แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะคนที่ทำให้กีรกานหน้าแดงได้ก็คือหลานชายตัวร้ายคนตรงหน้านี่ต่างหาก
“เชิญกลับไปซะ บ้านฉันยังไม่พร้อมที่จะต้อนรับแกเวลานี้ ค่อยมาตอนที่ยัยกั้งแต่งงานกับพ่ออัคใหม่ละกัน”
อย่าหาว่าใจร้ายใจดำกับหลานเลย แต่มันสมควรแล้วที่คนตรงหน้าจะได้รู้สึกเจ็บบ้าง และหากยังเฉยชาอยู่แบบนี้ เธอจะเร่งให้ทุกอย่างที่พูดเกิดเร็วขึ้น คนดี ๆ อย่างกีรกานและอัครัฐเหมาะสมกันแล้ว และมากกว่าภามเสียอีก
“ผมยังไม่หย่า เธอก็คงจะยังแต่งไม่ได้”
แม้หัวใจจะกระตุกวูบกับคำว่าแต่งงาน แต่ภามก็ไม่ได้แสดงทีท่าที่ทุกข์ใจใด ๆ เพราะไม่มีทางปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นแน่
“แล้วแกจะยื้อไปเพื่ออะไร ในเมื่อแกก็อยากจะหย่าใจจะขาด” หล่อนยิ่งโมโหนักที่ได้รับคำตอบแบบนี้และจ้องมองอย่างเดือดดาลไม่พอใจ
“เธอจะได้รู้สึกแบบที่ผมรู้สึก เวลาไม่อยากได้อะไรแล้วได้มันมา มันทรมานแค่ไหน” แถมยังยกยิ้มอย่างร้ายกาจออกมา ขนาดคนเป็นย่ายังใจสั่นกับคำพูดที่ดูร้าย
“ตาภาม”
ขวัญเกล้าตวาดลั่น ไม่คิดเลยว่าหลานชายจะยังไม่ยอมเลิกคิดแค้นอีก สามปีที่ทำให้กีรกานต้องโดดเดี่ยวมันยังไม่เพียงพออีกหรือ และนี่หากหลานชายยังเป็นเด็กอยู่ หล่อนคงจะหยิบไม้เรียวมาฟาดแล้วกระมัง
แต่ประโยคต่อมาของภามมันยิ่งทำให้ขวัญเกล้าอกสั่น
“ผมยังไม่หย่า ฝากไปบอกพี่อัคด้วยครับ อย่าคิดจะมาขโมยปลาย่างไปกิน ถ้าผมเบื่อแล้วจะเขี่ยทิ้งให้เอง” เขาว่าอย่างไม่ยี่หระ
“ตาภาม”
มันเหลือดแล้วจริง ๆ กับถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากของหลาน ขวัญเกล้ายกมือฟาดใบหน้าคมโดยไม่ได้ออมแรงสักนิด และหวังให้มันช่วยให้หลานชายได้สติมาบ้าง ไม่ใช่เอาแต่คิดแค้น
เธอไม่รู้เลยว่าในเวลานี้หัวใจของภามเป็นสีใด เพราะความร้ายกาจและความแค้นที่หลานชายมีมันทำให้หล่อนกลัวว่าหัวใจดวงนั้นจะกลายเป็นสีดำไปแล้ว ถึงกล้าพูดประโยคนี้ออกมา หากกีรกานมาได้ยินมิวายหัวใจคงจะพังไปกว่าเก่า
“ถึงตบผม ผมก็ไม่เปลี่ยนความคิด ฝากไปบอกคนของคุณย่าด้วย อย่าคิดจะเป็นชู้กับใคร”