“หนูกั้ง” บุญหน้าตื่นและตกใจเมื่อเห็นว่ากีรกานล้มกองไปนอนกับพื้นก่อนรีบวางลักษณ์นาราลงและเข้าไปดูกีรกานทันที ด้านหนูน้อยอยู่ ๆ ก็เบะปากร้องไห้ อาจจะตกใจที่เห็นมารดาล้มลงไป เพราะจากประสบการณ์ที่เคยล้มและก่อให้เกิดความเจ็บ
มือเหี่ยวย่นตามวัยเขย่าตัวของผู้หญิงตรงหน้าเพื่อเรียกสติ แต่กีรกานก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับมา ทำให้ใจยิ่งร้อนรนและต้องทำบางสิ่งคืออุ้มกีรกานขึ้นแต่ก็ทุลักทุเล เขาแก่ลงมากทำให้ไม่ได้มีพละกำลังเหมือนแต่ก่อน แต่ก็พยายามเต็มที่ ก่อนจะย้อนกลับมาอุ้มลักษณ์นาราขึ้นไปนั่งบนรถอีกหน ซึ่งหนูน้อยก็ยังคงร้องไห้อยู่
รถคันนี้แล่นออกไปยังโรงพยาบาล ทุกครั้งที่จับพวงมาลัยรถ บางเหตุการณ์มันก็แวบเข้ามาในหัวสมองพลอยให้เกิดความเศร้าในอกซ้าย แม้เขาจะไม่ใช่ต้นเหตุของการสูญเสีย แต่ก็อดโทษตัวเองไม่ได้กับการที่กีรกานต้องสูญเสียลูกสาวอีกคนไป ซึ่งก็คือน้องสาวฝาแฝดของลักษณ์นารา
ตนยังจำภาพในวันนั้นได้อย่างชัดเจน ยิ่งตอนที่กีรกานรู้ว่าสวรรค์ได้พรากลมหายใจของหนูน้อยอัยย์ญาดาไป เขาก็คงไม่มีวันลืมมันได้ ภาพที่แม่คนหนึ่งต้องมารับรู้ว่าลูกตายจากไปมันช่างน่าสะเทือนใจ แถมลูกอีกคนก็ยังอยู่ในห้องไอซียู
อีกทั้งผู้เป็นสามีกลับไร้ซึ่งการปลุกปลอบใด ๆ เขาเองก็เจ็บหนักในเวลานั้น แต่คงไม่เท่ากีรกาน
บุญขับรถอย่างมีสติเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายซ้ำ แม้จะรู้ว่าถึงตนจะระมัดระวังและมีสติเพียงใด แต่หากผู้ใช้ถนนร่วมกันไม่มีด้วยมันก็เปล่าประโยชน์
ไม่นานนักรถก็แล่นเข้ามายังโรงพยาบาล ทันทีที่ลุงบุญร้องขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ก็วิ่งกรูกันเข้ามาตามคำขอและพาตัวของกีรกานไปห้องฉุกเฉิน ส่วนบุญก็อุ้มลักษณ์นาราไว้แนบอกและค่อยลูบหลังปลอบให้หยุดร้องไห้
กว่าจะสำเร็จก็ใช้เวลาอยู่นาน ด้านกีรกานตอนนี้ก็ถูกสั่งให้แอดมิตในโรงพยาบาล คุณหมอสั่งตรวจหลายรายการ โดยสงสัยว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่
บุญหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าออกมาและกดไปที่เบอร์หนึ่งเพื่อจะรายงานเรื่องนี้ ซึ่งก็คือเจ้าของไร่กุหลาบอย่างภาม ธีรวานนท์ นักธุรกิจด้านการส่งออกและนำเข้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทว่าปลายสายเมื่อรู้เรื่องการป่วยของกีรกานกลับแจ้งเพียงว่ากำลังมารับลูก ไร้ซึ่งถ้อยคำไถ่ถามถึงอาการของภรรยา เพียงถามถึงลูกสาวเท่านั้น
สักยี่สิบนาทีต่อมาคุณหมอก็ทราบผลการตรวจวิเคราะห์ผลเลือด มันบ่งชี้ว่ากีรกานเป็นไข้หวัดใหญ่ คุณหมอจึงจ่ายยาทางสายน้ำเกลือ จนเวลาในตอนนี้ผ่านล่วงเลยเข้ามาเกือบจะค่ำแล้ว
ลักษณ์นาราดื่มนมที่นางพยาบาลจัดหามาให้และหลับไปที่โซฟาตัวยาว บุญเองก็รอการมาของภาม และครู่ต่อมาประตูห้องก็เปิดออก
ด้านคนไข้ที่ได้รับการรักษาก็ได้สติแล้ว แต่ยังไม่สามารถขยับเปลือกตาลืมขึ้นมาได้ และก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่ง ซึ่งหล่อนจำได้ว่ามันคือฝีเท้าของใคร แม้จะบังคับดวงตาให้ลืมเพราะอยากจะเห็นหน้าสามี หล่อนก็ทำมันไม่สำเร็จ
“ผมมารับลูก”
เสียงเข้มบอกแก่บุญ ก่อนสายตาคู่คมจะเห็นว่าลูกสาวนอนหลับอยู่ที่โซฟาโดยในมือยังถือขวดนมอยู่ ชายหนุ่มจึงเดินตรงเข้าไปหาและช้อนร่างของลักษณ์นาราขึ้นอย่างเบามือ เพราะไม่อยากจะทำให้ตื่น
“คุณภามจะไม่อยู่รอให้หนูกั้งฟื้นก่อนหรือครับ หนูกั้งคงจะดีใจที่คุณภามมา” เหตุผลที่ต้องร้องถามเพราะเขาเห็นว่าทันทีที่อุ้มลูกขึ้น ภามก็เบนฝีเท้าไปยังประตูห้องราวกับว่าจะกลับแล้วเสียอย่างนั้นทั้งที่เพิ่งจะมาถึง แถมยังไม่ได้เข้าไปดูอาการของภรรยาเลย
“ผมตั้งใจมารับลูกเท่านั้น”