“จะทำอะไรคะ” ดวงตาคู่กลมโตของกีรกานต้องตระหนกแล้วร้องถามน้ำเสียงตื่น เพราะภามทำบางสิ่งนั่นก็คือมือหนาจับชายเสื้อของหล่อนและจะเลิกมันขึ้น กีรกานก็คว้ามันไว้และยื้อแรงไว้ไม่ให้เขาทำมันสำเร็จ
ภามไม่ได้ตอบแต่เลือกที่จะจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างแล้วรวบมันไว้เหนือศีรษะ กีรกานก็อยากจะต่อต้านทว่าก็ไม่สามารถทำได้
“คุณภามคิดจะทำอะไร ปล่อยกั้งนะ กั้งก็แค่อยากจะจับหน้าสามีตัวเอง มันผิดหรือไง”
ความน้อยใจมันทำให้หญิงสาวพูดออกมาและดวงตาก็เต็มไปด้วยความตัดพ้อ เพราะคิดไปว่าเขาคิดจะลงโทษที่บังอาจคิดจะไปจับเนื้อต้องตัวเขา และคำตอบมันก็ยิ่งทำให้กีรกานหัวใจช้ำ ริมฝีปากบางทั้งบนและล่างเม้มเข้าหากัน
“ฉันไม่ได้อนุญาต ลืมไปหรือเปล่าว่าฉันไม่ต้องการให้เธอมาแตะเนื้อต้องตัวฉัน”
“แต่คุณสองแตะได้หรือคะ เธอเป็นอะไรกับคุณ” ถามริมฝีปากสั่น หล่อนเป็นเมียแต่แตะเนื้อต้องตัวเขาไม่ได้ แต่ทำไมกับสรัลชนาที่เป็นแค่เพื่อนกลับทำมันได้ เขาจะรู้ไหมว่าหล่อนเจ็บที่หัวใจไปทั่วพื้นที่จนอยากจะควักมันออกมาแล้วปาทิ้งไป
“ยังจะมาถามอีกหรือ ว่าสองเป็นอะไรกับฉัน”
เขาตอบเสียงคล้ายจะหัวเราะและใบหน้าก็ดูร้าย แต่ใครจะไปรู้ว่าภายใต้ใบหน้านี้มันกลับมีความชอบใจที่บางอย่างอยู่ ฟากกีรกานน้ำตาแทบร่วง เพราะท่าทางของเขาดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะเธอที่โง่ตั้งคำถามนี้ ทั้งที่รู้แก่ใจว่าเขาแคร์สรัลชนามากแค่ไหน
“แล้วจะทำอะไรกั้ง ปล่อยกั้งสิ คุณก็ห้ามมาถูกเนื้อต้องตัวกั้งเหมือนกัน”
เขาไม่ให้หล่อนทำ หล่อนก็จะไม่ให้เขาทำเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่หญิงสาวได้รับกลับมามีแต่รอยยิ้มหยันๆ เมื่อเป็นเช่นนี้กีรกานจึงออกแรงดิ้นและพยายามต่อต้านเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแต่ก็ไม่สำเร็จ
ภามไม่ได้ใส่ใจกับการต่อต้านของหญิงสาวสักนิด เขาทำบางสิ่งที่ทำให้กีรกานถึงกับใจสั่นและเนื้อตัวชา เพราะภามเลื่อนมือแกร่งลงมาจับที่ชายเสื้อของเธอแล้วรวบมันขึ้นเหนือหัวก่อนจะถอดมันออกจากลำตัวของเธอ ตอนนี้ด้านบนของกีรกานเหลือเพียงชั้นในลูกไม้ตัวสวยที่ปกปิดอกตูมทั้งสองข้างอยู่
“คนเลว ปล่อยกั้งนะ จะทำอะไรกั้งกันแน่”
ใบหน้าของกีรกานแดงก่ำ มันมีทั้งความอายและความโกรธ ฟากใบหน้าคร้ามคมเลื่อนหน้าลงมาจนตอนนี้เขาและเธอจ้องตากันห่างไม่ถึงห้าเซนติเมตรจนลมหายใจเป่ารดกัน กีรกานเบี่ยงหน้าหลบ ภามจึงเลื่อนใบหน้าไปใกล้กับหูสะอ้านแล้วเอ่ยบางประโยค
“ฉันแตะเธอไม่ลงเหมือนกัน ฉันก็แค่ไม่อยากจะให้ลูกป่วยเพราะเธอ” จบประโยคก็ถอยห่างจากหญิงสาวและถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วโยนมันให้
“ใส่ซะ”
กีรกานก็รีบรับมันมาและใส่ทันที แม้ว่าใจจริงจะไม่อยากรับเพราะคำพูดร้ายกาจ แต่หากป่วยซ้ำอีกมันจะแย่ไปกว่าเก่า และที่สำคัญมันจริงอย่างเขาว่า
“ถอดกางเกงด้วย”
เขาสั่ง เพราะหากถอดแต่เสื้อ แต่กางเกงไม่ถอดมันก็มีค่าเท่ากัน ทว่ากลับเห็นว่ากีรกานยังนิ่งเฉย
“หรือจะให้ฉันไปถอดเอง” เขาถามเสียงเขียวและใบหน้าก็ดุกระด้าง
“ไม่ต้อง กั้งทำเองได้ค่ะ” หล่อนรีบตอบก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา “หันไปสิคะ กั้งจะถอด”
“ใช่ว่าไม่เคยเห็น”
เขาว่าก่อนที่จะหันหลังให้แล้วเดินกลับไปยังโซฟาตัวเดิมและทิ้งตัวลงนั่งข้างโซฟาที่มีลูกสาวนอนหลับอยู่ พลางคว้าแฟ้มเอกสารมาดูอีกครั้ง
ฟากหญิงสาวก็เม้มปาก เขาเคยเห็นแล้วอย่างไร เธอเป็นผู้หญิงก็ต้องมีความเหนียมอาย เธออยากจะเบ้ปากใส่เขา แต่ก็กลัวว่าสามีเห็นแล้วจะโดนลงโทษ