ตอนที่ 9
ถ้าอยากจะเล่า
นายหัวธนธรรศนั่งคุยอยู่ในรถกับพิมพ์พลอยไม่ถึงสิบนาทีลูกน้องของเขาก็ขับรถกระบะคันเก่าเข้ามาจอดเทียบ
ชายหนุ่มรีบลงไปบอกลูกน้องให้เติมน้ำมันที่รถคันเล็กของพิมพ์พลอยโดยมีเจ้าของรถลงมาดูอยู่ข้างๆ
“แกลลอนใหญ่มากเลย กี่ลิตรคะนายหัว” หญิงสาวมองแกลลอนในมือคนของนายหัวแล้วคิดไม่ออกว่ามันขนาดเท่าไหร่
“ยี่สิบลิตรครับ”
“นายหัวต้องคิดค่าน้ำมันด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ซื้อมาสักหน่อยมันอยู่ที่สวน” เขากอดอกพิงรถมองคนงานที่กำลังกรอกน้ำมันให้กับรถของหญิงสาว
“แต่นายหัวก็ซื้อมานี่คะ ให้พิมพ์พลอยจ่ายค่าน้ำมันเถอะนะคะ” เธอรู้ว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจแต่เธอก็ไม่ชอบเอาเปรียบใคร
“ถ้าอยากจ่ายจริงก็จ่ายเป็นเบียร์เย็นๆ สักขวดให้นายสินก็แล้วกันนะดีไหมสิน” นายหัวธนธรรศพูดกับพิมพ์พลอยแล้วกันมาถามความคิดเห็นของลูกน้องที่กรอกน้ำมันลงถังเสร็จพอดี
“เป็นความคิดที่ดีมากเลยครับนายหัว” สินธพยิ้มอย่างดีใจกับค่าจ้าง
“ถ้างั้นพรุ่งนี้พี่ไปที่ร้านพลอยนะคะพลอยจะเตรียมไว้ให้ค่ะ” พิมพ์พลอยเคยเจอผู้ชายคนนี้มาหลายครั้งแล้วเพราะเขามักแวะไปอุดหนุนเธอที่ร้านเป็นประจำ
“ไม่เป็นไรครับคุณพลอยผมแค่ล้อเล่นครับ”
“แต่พลอยจริงจัง ถึงนายหัวจะไม่คิดเงินแค่คนที่ออกแรงและเสียเวลาเอาน้ำมันมาให้คือพี่นี่คะ” หญิงสาวอยากตอบแทนน้ำใจที่เขามีให้
“ก็ได้ครับผมไปก่อน”
“ขอบคุณมากค่ะ” เธอกล่าวของคุณอย่างจริงใจ
เมื่อสินธพกลับไปแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่พิมพ์พลอยกับนายหัวธนธรรศแค่สองคนท่ามกลางบรรยากาศที่มืดและมีเพียงแต่แสงไฟจากรถยนต์ของเขาที่ส่องมาเท่านั้น
“ขอบคุณนายหัวมากนะคะ ถ้าไม่ได้นายหัวพลอยคงแย่ค่ะ” พิมพ์พลอยเอ่ยขอบคุณอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่สดใสมากกว่าทุกครั้งที่เขาเห็น
“ไม่เป็นไรครับพลอย ผมว่าเรารีบกลับกันเถอะ คุณขับนำไปนะผมจะขับตามไป”
“ค่ะนายหัว”
พิมพ์พลอยขับรถตามถนนที่มืดสนิทหากแต่ว่าเธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาดเมื่อมีรถของนายหัวธนธรรศขับตามมาหญิงสาวใช้ความเร็วไม่มากเท่าไหร่เพราะยังไม่คุ้นกับเส้นทางแม้ว่าจากจุดนั้นมายังร้านของเธอก็ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีแต่ถ้าเป็นเวลากลางวันเธอคงใช้ความเร็วได้มากกว่านี้
หน้าร้านของพิมพ์พลอยมีแสงไฟจากหลอดไฟโซล่าเซลล์ที่เธอสั่งจากอินเตอร์เปิดไว้สว่างไปรอบบริเวณบ้าน
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะนายหัว”
“ไปไม่เป็นไรครับพลอยเข้าบ้านเถอะ อย่าลืมนะครับถ้ามีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือพลอยโทรหาผมได้ตลอดนะ” นายหัวธนธรรศพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ค่ะ” พิมพ์พลอยเงยหน้าขึ้นมายิ้มและสบตาคมกริบของเขาหัวใจเธอเต้นแรงขึ้น หญิงสาวเห็นประกายบางอย่างในดวงตาของเขาที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
นายหัวธนธรรศขับรถกลับบ้าน เขาดับเครื่องยนต์แล้วนั่งนิ่งอยู่หลังพวงมาลัยอยู่นานหลายนาที ภาพใบหน้าของพิมพ์พลอยที่ยิ้มอย่างสดใสแต่ก็สังเกตได้ว่ายังมีความเศร้าซ่อน ทุกครั้งที่สบตาคู่สวยนั้นหัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่ใกล้เธอทำให้เขารู้สึกสับสนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดี
เขาเดินเข้าไปในบ้าน จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง แต่ยังไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ภาพของพิมพ์พลอยยังคงวนเวียนอยู่ห้วงความคิดทั้งรอยยิ้ม ดวงตาที่ดูเศร้าหมองแต่ก็แฝงไปด้วยความเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน
“ผมอยากรู้จักคุณมากขึ้นนะพลอย” นายหัวธนธรรศพึมพำชื่อของเธอเบาๆ เขารู้สึกเป็นห่วงเธออย่างประหลาด ไม่ใช่แค่เพราะเธอเป็นหลานสาวของน้าอัมพรแต่เป็นเพราะเธอมีบางอย่างในตัวเธอที่ดึงดูด
เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วก่อนจะกดโทรออกไปอย่างลังเลใจ
“พลอยนี่ผมเองนะ นายหัวธรรศ”
“สวัสดีค่ะดีนายหัว พลอยจำเสียงคุณได้ นายหัวถึงบ้านแล้วใช่ไหมคะ พลอยจะโทรมาถามแต่ก็ไม่กล้ากลัวจะรบกวนนายหัวค่ะ” หญิงสาวคิดวนเวียนอยู่หลายรอบว่าจะโทรหาเขาดีหรือเปล่าแต่พอเขาโทรมาหาเธอก็รู้สึกดีใจ
นานแล้วที่ได้คุยโทรศัพท์กับใครเวลาดึกนอกจากศิริขวัญที่โทรมาเมื่อวันก่อน หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
“ผมถึงนานแล้วครับ บ้านผมกับพลอยไม่ได้ไกลกันมากเท่าไหร่ วันหลังมาเที่ยวบ้านผมบ้างนะ” นายหัวธนธรรศไม่เคยชวนผู้หญิงคนไปไหนที่บ้านมาก่อน ส่วนใหญ่เขาจะนัดเจอกันในเมือง มีเพียงคนเดียวที่เขามาอยู่ที่บ้านก็คือมัทนาแต่มันก็ผ่านมานานถึงสี่ปีแล้ว
“ฟังดูน่าสนใจนะคะเอาไว้วันที่พลอยปิดร้านพลอยจะแวะไปก็แล้วกันนะคะแล้วที่นายหัวโทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมจะถามว่าพลอยปิดร้านทุกวันพุธใช่ไหม”
“ใช่ค่ะมีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอจำได้ว่าเคยบอกเขาไปแล้วจึงค่อนข้างจะแปลกใจว่าทำไมเขาถึงถามย้ำอีก
“ผมเองก็ต้องเข้าเมืองบ่อยๆ เลยคิดว่าครั้งหน้าถ้าพลอยจะเข้าไปในเมืองเราน่าจะไปพร้อมกันได้นะครับ ผมอยากได้คนนั่งไปเป็นเพื่อนด้วย”
“แต่พลอยอาจทำให้นายหัวเสียเวลานะคะพลอยใช้เวลาเลือกสินค้าที่จะเข้ามาลงที่ร้านค่อนข้างนานค่ะแล้วก็ต้องไปหลายที่ด้วยเอารถไปเองน่าจะสะดวกกว่า”
“ลองให้ผมไปกับพลอยสักครั้งสิ ถ้าไม่ไหวครั้งต่อไปพลอยก็ค่อยเอารถไปเอง”
“แล้วนายหัวจะเข้าไปทำอะไรคะ”
“ส่วนใหญ่ก็เข้าสั่งของที่ใช้ในสวน”
“นายหัวต้องไปเองด้วยตัวเองเหรอคะ”
“จริงๆ แล้วโทรสั่งเอาก็ได้ครับ แต่บางทีผมก็อยากจะออกไปผ่อนคลายนอกสวนด้วยให้อยู่แต่ที่นี่บางทีมันก็เบื่อ พลอยล่ะครับเบื่อบ้างไหม”
“ตอนที่มาแรกๆ ก็เบื่อค่ะแต่พอได้เปิดร้าน ได้เจอกับลูกค้าพลอยก็รู้สึกดีขึ้นค่ะ พลอยไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะอยู่ที่นี่ได้นานขนาดนี้”
“พลอยหมายถึงไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่นี่นานเหรอ” เขารู้สึกใจหายถ้าหากว่าเธอจะไปจากที่นี่ เขายอมรับว่าตั้งแต่พิมพ์พลอยมาเปิดร้าน
“ตอนแรกก็แค่อยากมาพักใจค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มติดใจที่นี่แล้ว” น้ำเสียงที่พูดออกมายังมีร่องรอยของความผิดหวัง
“หนีอะไรมาเหรอครับ” เขาอยากรู้ว่าเพราะอะไรผู้หญิงที่ทำงานเก่ง ฉลาดทำงานอย่างคล่องแคล่วถึงได้มาเปิดร้านขายของชำเล็กๆ แบบนี้
“เรื่องมันยาวค่ะ”
“ผมว่าเรื่องมันจะยาวหรือสั้นมันไม่สำคัญหรอกนะครับ มันอยู่ที่ว่าพลอยอยากจะเล่าให้ผมฟังหรือเปล่า ผมรู้เรื่องมันผ่านไปแล้วและคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ถ้าได้พูดออกมาก็อาจจะดีขึ้นนะครับ”
“แล้วพลอยจะเล่าให้ฟังนะคะ แต่คงไม่ใช่คืนนี้หรอกค่ะ มันดึกแล้วพรุ่งนี้พลอยต้องเปิดร้านส่วนนายหัวก็ต้องทำงานใช่ไหมคะ”
“ครับ เอาไว้เราคุยกับตอนเข้าเมืองก็ได้”
“หมายถึงวันวันพุธหน้าใช่ไหมครับ” นายหัวธนธรรศทวนคำ
“ค่ะ ถ้านายหัวจะเข้าเมืองในวันนั้น”
“แน่นอนว่าผมต้องเข้าเมืองแล้วเราค่อยคุยกันนะครับ”
“ค่ะนายหัว”
พิมพ์พลอยวางโทรศัพท์ลงข้างตัว ใบหน้ามีรอยยิ้ม การที่นายหัวธนธรรศโทรมาหาและการที่เขาจะไปเป็นเพื่อนเธอในวันพุธหน้า ทำให้เธอรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ก็ไม่เหงาจนเกินไป มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสอีกเลยหลังจากเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้น