หลังจากอยู่ด้วยกันพวกเราก็พบว่าเข้ากันไม่ได้ พอหมดช่วงโพรโมชันความรักของเขาก็คงจืดจางลง อาจจะพบสาวสวยคนใหม่ที่เร้าใจมากกว่าเธอ เพราะผู้ชายเพียบพร้อมอย่างเขาคงมีผู้หญิงวิ่งเข้าหาไม่หยุดหย่อนอยู่แล้ว เขาคงจะเพิ่งคิดได้ว่าไม่ควรหยุดอยู่ที่เธอแค่คนเดียว เลยขอหย่าเพื่อทวงคืนความโสดกลับไปใช้ชีวิตหนุ่มเนื้อหอมอีกครั้ง
แสนคะนึงพยักหน้าหงึกหงักคิดว่าต้องใช่แน่ๆ เธอมองสัญญาหย่าพลางคิดใคร่ครวญ ตัวเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเคยรักเขาหรือไม่ ขนาดเขาส่งคนมาขอหย่ากับเธอถึงเตียงคนป่วย เธอยังไม่รู้สึกรู้สมหรือเจ็บปวดเลยสักนิด จะทู่ซี้อยู่กันต่อไปก็รังแต่จะทุกข์ใจกันทั้งสองฝ่ายเสียเปล่า สู้เอาเงินเอาบ้านมานอนกอดให้อุ่นใจ ใช้ชีวิตเป็นสาวโสดที่สวยและรวยมากไม่ดีกว่าหรือ
คนอย่างเธอยึดคติที่ว่า...ยอมเสียผัว แต่ไม่ยอมเสียทองท่วมหัวให้โง่
ถ้าสามีอยากหย่า เธอก็จะหย่าให้!
หญิงสาวหยิบปากกาเตรียมจะเซ็นต์ชื่ออย่างไม่ลังเล แต่เกิดมีเสียงเอะอะดังขึ้นนอกห้อง ก่อนที่จะมีกลุ่มคนเปิดประตูดังปังเข้ามา ผู้หญิงวัยกลางคนมาดผู้ดีเดินมาหยุดยืนท้าวสะเอวมองเธอตาขวาง โดยไม่ทันคาดคิดหล่อนก็ง้างฝ่ามือตบเธอเต็มแรงจนหน้าหัน ก่อนจะสั่งการเสียงเฉียบว่า
“เอาตัวนังฆาตกรไปคุกเข่ากราบเท้าลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้”
แสนคะนึงงุนงงกับข้อกล่าวหาร้ายแรง มองคนนั้นคนโน้นทีอยากขอคำอธิบาย แต่พอเห็นไรวินท์มีสีหน้าเคร่งเครียดก็นึกหวั่นใจ ไม่แน่ใจว่าเธอทำอย่างที่ผู้หญิงคนนี้กล่าวหรึอเปล่า ซ้ำยังไม่ทันได้ไต่ถามความเป็นมาเป็นไป ร่างของเธอก็เซถลาเกือบจะกลิ้งตกจากเตียง ตามแรงกระชากลากถูของผู้ชายตัวใหญ่กำยำที่กระทำกับเธออย่างไม่ปรานี ก่อนจะผลักเธออย่างแรงจนล้มลงไปกองกับพื้นในห้องพักฟื้นห้องหนึ่ง
“อูยยย...” เธอโอดเสียงเบา ยันตัวลุกขึ้นมานั่งลูบแขนลูบเข่าที่ถูกกระแทกจนเขียวช้ำ พอเงยหน้าก็สบเข้ากับแววตาคมกริบเย็นชาของใครคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก เรือนร่างโดดเด่นเหนือใครทำให้เธอละสายตาไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเขาหล่อเหลาจนวัวตายควายล้ม แต่เป็นรังสีอำมหิตที่แผ่ความเย็นชาออกมาจนเธออดสะท้านไม่ได้ ในหัวใจก็พลันปวดแปลบๆ แต่เพียงแวบเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ขอโทษรัญชน์ซะ” เขาเอ่ยเสียงเย็นไม่ต่างจากสีหน้า
แสนคะนึงขมวดคิ้วมุ่นไม่สบอารมณ์ ในใจก็นึกต่อต้าน เธอไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร จู่ๆ ก็ไปจับตัวเธอมาอย่างป่าเถื่อน แถมยังบังคับให้เธอขอโทษโดยที่ไม่รู้ความผิดอีกต่างหาก
ใครจะยอม!
เธอลุกขึ้นยืน เชิดหน้าถามกลับอย่างไม่กลัว
“ก่อนที่จะให้ฉันขอโทษ ช่วยบอกก่อนได้มั้ยคะว่าฉันทำผิดข้อหาอะไร และพวกคุณเป็นใคร”
รัญชนาเลิกคิ้วแปลกใจ ผิดกับแทนชนม์ที่ขมวดคิ้วแน่นจนเป็นร่องลึก สันกรามขบนูนแทบระงับโทสะไม่ไหว
“คุณยังจะเล่นลูกไม้บ้าอะไรอีก ก่อเรื่องขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึกอีกรึไง” เขาเค้นเสียงถามคำรามลึกในลำคอ
“ฉันไม่ได้เล่นลูกไม้อะไรทั้งนั้น แต่ฉันไม่รู้จักพวกคุณและไม่รู้ด้วยว่าพวกคุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่”
“คุณไม่รู้จักแทน?” รัญชนาถามแต่หันมองไปยังชายหนุ่ม สีหน้าไม่ใคร่เชื่อนัก
แสนคะนึงพยักหน้าหงึกๆ
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันรู้แต่วันฉันนอนอยู่ในห้องพักของฉันดีๆ ก็ถูกคนลากตัวมาที่นี่แบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่” เธอหันมองเขม็งไปด้านหลังที่มีผู้หญิงที่ตบเธอกับพรรคพวก และไรวินท์ที่ยืนสงบนิ่งสบตากับผู้ชายแปลกหน้าอยู่
“โกหก! เธอคิดจะฆ่าลูกสาวฉัน ถือมีดมาไล่แทงยัยรัญชน์ คนเขาเห็นกันทั้งงาน” ระรินทิพย์ชี้หน้านังคนช่างแถอย่างเข่นเขี้ยว ปกป้องและทวงความเป็นธรรมที่ลูกสาวหล่อนควรได้รับจากแทนชนม์อย่างเต็มที่
“หา!!! ฉันน่ะเหรอถือมีดไปไล่แทงคน!?”
แสนคะนึงส่ายหัวดิกปฏิเสธอย่างรุนแรง คนพวกนี้เอาอะไรมาพูด คนดีๆ แบบเธอเป็นพวกรักสงบจะตาย ชอบใช้สันติมากกว่าจะพร้อมบวกเสมอ หากต้องรบเธอขาดรบตลอด เวลาใครเขามีเรื่องกันเธอโกยตีนหมาวิ่งไปอยู่หลังสุดก่อนคนแรก ไม่มีทางถือมีดไล่แทงใครเหมือนตุ๊กตาผีชัคกี้เด็ดขาด
ใส่ร้าย! นี่เป็นการใส่ความเธอชัดๆ
“อย่ามาทำเป็นไขสือไม่รู้เรื่อง ผู้หญิงอย่างเธอน่ะมันเจ้าเล่ห์มารยาสารพัด พฤติกรรมก็เลวทรามต่ำตมเหมือนกำพืดของเธอนั่นแหละ นี่คงจะรู้ตัวล่ะสิว่าผิดเต็มประตู ก็เลยหาเรื่องแถแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ คิดเหรอว่าจะรอดคุกรอดตะรางข้อหาฆ่าคนโดยเจตนา”
แทนชนม์กำหมัดแน่นพลางสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่ชอบที่ใครมาดูถูกภรรยาเขา แต่ครั้งนี้แสนคะนึงผิดจริงๆ จนเขาพูดแก้ต่างแทนไม่ออก จำใจต้องให้ความยุติธรรมกับคนเจ็บด้วยการสั่งภรรยาเสียงเฉียบขาด ไร้การต่อรองหรือแก้ตัวใดๆ
“ผมไม่สนว่าคุณคิดจะเล่นลูกไม้อะไร แต่คุณทำผิด คุณทำร้ายรัญชน์ คุณต้องขอโทษเธอเดี๋ยวนี้!”