ได้กินได้นอนจนเต็มอิ่มมาหลายวัน ร่างกายของแสนคะนึงก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ยิ่งด้านจิตใจยิ่งแจ่มใสสุดๆ เพราะหลังเซ็นข้อตกลงการหย่าปุ๊บ วันรุ่งขึ้นเงินสามลิบล้านก็ถูกโอนเข้าบัญชีเธอทันที ตอนแรกที่เห็นเธอตาลุกจนแทบนับเลขไม่ถูก ต้องยกมือช่วยนับอยู่หลายรอบกว่าจะมั่นใจว่าไม่ได้ฝันไปจริงๆ ก่อนจะกรี๊ดดังลั่นบ้าน แล้วนอนกอดสมาร์ตโฟนที่มีการแจ้งยอดเข้ามาจนผล็อยหลับไปทั้งคืน
เช้านี้หญิงสาวที่เพิ่งตื่นบิดขี้เกียจพลางสูดอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด ลุกจากเตียงตรงเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวอย่างเร่งรีบ วันนี้เธอมีนัดกับคุณหมอเจ้าของไข้ถึงผลการทำ MRI เมื่อสัปดาห์ก่อน
ใช่ว่าเธอเป็นกังวลถึงขั้นต้องไปตรวจสมองด้วยเครื่องมือแพทย์แพงๆ อย่างนั้นหรอกนะ ที่ต้องไปเพราะถูกตาผัวเฮงซวยบังคับให้ไปตรวจต่างหากละ คุยกันครั้งสุดท้ายที่เธออัญเชิญไล่เขาออกจากบ้าน วันรุ่งขึ้นแทนชนม์ก็ลากเธอไปโรงพยาบาลเฉยเลย เธอพยายามปฏิเสธยกเรื่องการลางานขึ้นมาอ้าง แต่ไม่ว่าจะเถียงหรือจะแถอย่างไรก็สู้เจ้าของบริษัทอย่างเขาไม่ได้ แทนชนม์โทร. แจ้งลาหยุดให้เธอด้วยตัวเอง ทำเอาทั้งเธอและผู้จัดการฝ่ายบุคคลถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน ก่อนจะถูกเขาพาตัวไปที่โรงพยาบาลจนได้
วันนี้เธอจึงชิงตื่นแต่เช้า กะว่าจะไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองก่อนเขาจะมาถึงที่นี่ แต่พอเปิดประตูปุ๊บ แสนคะนึงก็พลันหน้าหงิก เมื่อคนที่เหมือนจะรู้แกวกันยืนดักรออยู่ที่หน้าประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว
“สวย” เขามองชุดเดรสสั้นสีชมพูหวานปักลายดอกไม้ที่ขับให้คนสวมดูบอบบางอ่อนหวานไปทั้งตัวด้วยสายตาชื่นชม
คิดถึงเหลือเกิน...
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นแสนคะนึงในลุกแบบนี้ที่เขาชอบและคุ้นตา?
เธอที่ดูนุ่มนวลราวกับไข่มุกที่ส่องประกายอบอุ่นสดใสท่ามกลางท้องทะเลลึก สะกดสายตาเขาอยู่หมัดทันทีที่ได้เห็นหน้า เธอโดดเด่นท่ามกลางผู้คนมากมาย หัวใจเขาถูกดึงดูดเข้าหาเธอโดยไม่อาจขัดขืน วินาทีนั้นเขาก็ตกหลุมรักนักศึกษาฝึกงานสาวอย่างไม่อาจถอนตัว
ใช้เวลาตามจีบอยู่สองปีเต็มๆ กว่าเธอจะยอมเปิดใจว่าผู้ชายที่ดีพร้อมเช่นเขาชอบพอเธอจริงๆ ไม่ใช่หวังเพียงหลอกฟันแล้วเขี่ยทิ้ง คบหากันอีกปีกว่าๆ จนแสนคะนึงยอมตกลงแต่งงานตามคำขอของเขา
ช่วงสองปีแรกของการใช้ชีวิตคู่เต็มไปด้วยความหวานชื่น เชื่อใจ เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ปีหลังมานี้แสนคะนึงกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอที่เคยแสนดีน่ารักกลับกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้หึงขี้โวยวาย หาเรื่องชวนทะเลาะไม่เว้นวัน ชอบพูดจาประชดประชัน มัวแต่ระแวงว่าเขาจะมีคนอื่น แล้วคนที่เธอทึกทักกาหัวว่าเป็นชู้รักของเขาก็คือแฟนเก่าอย่างรัญชนา
เขาพยายามอธิบายว่าที่เกี่ยวข้องกันเป็นเพราะเรื่องงานล้วนๆ รัญชนาคือนางแบบรันเวย์ที่มีคนต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่ง แต่หล่อนเลือกมาเซ็นสัญญากับพลัสกรุ๊ป แล้วจะให้เขาปล่อยผลประโยชน์ดีๆ แบบหล่อนหลุดมือไปได้อย่างไร แถมยังย้ำแล้วย้ำอีกว่าระหว่างเขากับรัญชนาจบไปนานแล้ว ตอนนี้คนที่เขารักมีเพียงเธอ
แต่แสนคะนึงไม่เคยเชื่อ...ไม่ยอมฟังคำเขาเลยสักคำ!
เขาพูดจนอ่อนใจ พูดจนเหนื่อยที่จะพูด สุดท้ายเมื่อความเบื่อหน่ายแทรกซึมขยายเป็นวงกว้าง เขาเลยเงียบแล้วเลิกพูด ปล่อยให้เธอพูดไปคนเดียว เธออยากจะคิดอยากจะเข้าใจอย่างไรก็แล้วแต่เธอเลย
“คุณสวมชุดแบบนี้แล้วน่ารักมาก ผมชอบ” เขาไม่ชอบเลยที่เธอเปลี่ยนแปลงสไตล์การแต่งตัวเป็นสาวสังคมเต็มขั้น ประชันโฉมกันด้วยชุดแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า ไหนจะเครื่องประดับที่แค่มองก็รู้สึกหนักแทนแล้ว โดยเฉพาะรองเท้าส้นสูงที่ใส่แต่ละครั้งทั้งเจ็บและเดินลำบากไม่สบายเท้า แต่ก็ยังฝืนทนไม่เข้าเรื่อง
เขารู้...ที่แสนคะนึงทำแบบนั้นเพราะต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรกับเขา เพราะคำครหาและแรงกดดันที่ดาหน้าถาโถมเข้าใส่เธอ ไม่เหมือนกับรัญชนาที่ผู้คนต่างก็ยกย่องชื่นชมว่าเหมาะสมกับเขา เธอจึงพยายามอัปเกรดตัวเองเพื่อแข่งขันกับหล่อน
แต่สำหรับเขาเรื่องพวกนี้ไม่มีความสำคัญเลยแม้แต่น้อย ถึงแสนคะนึงจะแต่งตัวโลโซมากกว่านี้หรือสวมชุดราชนิกูลชั้นสูง...
เขาก็ ‘รัก’ เธอ
รักที่เธอเป็นเธอ ไม่ได้รักที่เปลือกนอกหรือเพราะคนพูดกันว่าเธอเหมาะสมควรคู่กับเขา ต่อให้ใครจะพูดอย่างไรก็ไม่มีผลกับหัวใจเขาทั้งนั้น
แสนคะนึงมองคนที่ทำตาเชื่อมแล้วถึงกับทำหน้าไม่ถูก เขาเป็นบ้าอะไร สมองกลับรึไง จู่ๆ ก็มาชมกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ คิดว่าเธอจะเคลิ้มกับคำหวานลวงโลกของเขาอย่างนั้นหรือ...
“คุณจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน” เธอตอบเสียงแข็ง แววตาที่มองเขาไม่แยแสเลยสักนิดราวกับจะยืนยันคำพูดของตัวเอง
ใช่...เขาจะชอบหรือไม่ชอบเธอก็ไม่สำคัญอีกแล้ว ผู้ชายที่กล้านอกใจทิ้งภรรยาไปหาผู้หญิงอื่นไม่คู่ควรที่เธอจะต้องไปสนใจ เขาอยากจะไปไหนหรืออยู่กับใครก็เชิญตามสบาย เพราะอีกหน่อยผู้ชายคนนี้ก็จะเป็นแค่ ‘อดีต’ ที่ไม่น่าจดจำ
อ้อ...ไม่สิ ตอนนี้เธอก็ลืมเขาไปแล้วนี่นะ เพราะฉะนั้นยิ่งไม่ต้องไปใส่ใจให้เสียเวลา